มากับ .. มือ?


โรคตาแดง "มากับมือ" ที่สัมผัสเชื้อไวรัสที่ทำให้ตาแดง

  

       วันนี้ผู้เขียน เล่าเรื่องโรคที่กำลังระบาดในขณะนี้นะคะคือ โรคตาแดง” นั้น เกิดจากการที่ดวงตามีการสัมผัสกับเชื้อโรค ...ซึ่งอาจเกิดจากการ... เอา “มือ” ไปสัมผัสกับเชื้อโรคตามโต๊ะ เก้าอี้ หรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกันกับคนเป็นตาแดง...ที่ใช้ “มือ” ... สัมผัสตาแดงของตนแล้วยังไม่ได้ล้างมือ ...แล้วมาสัมผัสตาตัวเองต่อ ... ไม่ได้เกิดจากการจ้องมองตากันแล้วเชื้อโรคกระโดดก็ใส่ดวงตาแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องไปแลบลิ้นใส่คนที่เป็นตาแดงด้วย


โรคตาแดง ... เป็น การอักเสบของเยื่อบุตาขาว ... อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ โดยทั่วไปจะมีอาการเจ็บเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหลหรือมีขี้ตา บางคนมีเยื่อบุตาขาวบวม อาจเริ่มเป็นตาเดียวก่อน แล้วค่อยลามไปตาอีกข้าง ซึ่งสามารถแยกสาเหตุตาแดงออกเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ
1. ตาแดงจากเชื้อไวรัส ... มักจะไม่ค่อยมีขี้ตา แต่มีน้ำตาไหล เคืองตามาก อาจมีต่อมน้ำเลืองที่หน้าหูโต ... มักเริ่มเป็นที่ตาใดตาหนึ่งก่อนและลามไปเป็นทั้งสองตาอย่างรวดเร็ว.... มีประวัติติดต่อกันในคนหมู่มากหรือจากที่ทำงาน โรงเรียน หรือในครอบครัว มักจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ค่ะ
2.ตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย ....จะมีขี้ตาเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง อาจเป็นตาเดียวหรือสองตาก็ได้ ติดต่อกันได้เช่นกัน แต่จะระบาดน้อยกว่าตาแดงจากเชื้อไวรัส ค่ะ

3. ตาแดงจากโรคภูมิแพ้ ....จะมีอาการคันตามาก น้ำตาไหล อาจมีขี้ตาขาวหรือเหนียว หนังตาบวม มักมีประวัติเป็นๆ หายๆ อาจมีสาเหตุของการแพ้ชัดเจนหรือมีอาการแพ้ของร่างกายส่วนอื่น เช่น หอบหืดร่วมด้วยค่ะ
โรคตาแดง .... มักไม่ทำให้ปวดตามากหรือตามัว ดังนั้น หากคนที่เป็นตาแดงแล้วมีอาการปวดตา ตาแดงมาก ตามัว หรือมองสู้แสงไม่ได้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นโรคอื่น เช่น ต้อหิน ม่านตาอักเสบ ซึ่งถ้ารักษาช้าอาจเกิดความพิการอย่างถาวรของตาได้ค่ะ


การป้องกันโรคตาแดงนั้นสามารถทำได้โดย
1. ไม่ใช้มือสัมผัสตา
2. ไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา เครื่องสำอาง
3. ไม่สัมผัสมือหรือตาผู้ป่วย
4. หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งที่เผลอถูกตา รวมทั้งก่อนและหลังหยอดตานะคะ


การรักษาโรคตาแดง ... ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัส มักจะหายได้เอง 1-2 สัปดาห์ แต่การประคบเย็นที่ตาจะช่วยให้สบายตาขึ้นหรือใช้ยาหยอดตากลุ่มยาต้านฮีสตามีน ....เมื่อมีอาการวันละ 3-4 ครั้ง ช่วยลดอาการระคายเคืองตา ถ้าเริ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ ให้หยอดยาปฏิชีวนะเช่นเดียวกับตาแดงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย โดยเมื่อหยอดยา 2 ชนิดพร้อมกันจะต้องทิ้งช่วงห่างประมาณ 5 นาที เพื่อไม่ให้ยาล้างกันออกก่อนซึมเข้าตา ที่สำคัญไม่ควรหยดยาที่มีสเตียรอยด์นะคะ เพราะจะทำให้หายช้า และอาจมีการติดเชื้ออื่นแทรกซ้อนนะคะ


โรคตาแดงจากเชื้อปฏิชีวนะ ... ควรทำความสะอาดตา ขี้ตา และใช้ยาหยอดตาที่มียาปฏิชีวนะวันละ 4 ครั้งจนไม่มีขี้ตา แต่ต้องระวังการแพ้ยา โดยหากมีอาการหนังตาบวมแดง ให้หยุดยาและรีบนำยามาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่าเกิดจากการแพ้ยาหรือไม่ ถ้าใช่ต้องจดจำชื่อยาที่แพ้ไว้ เพื่อเลี่ยงการหยอดตานั้นในครั้งต่อไป

ข้อมูลจาก http://www.rsuhealth.com/

สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อเป็นโรคตาแดงกคือ
1. ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังสัมผัสน้ำตา ขี้ตา รวมทั้งก่อนและหลังหยอดยา
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่นเป็นเวลา 7 วันหลังมีอาการเพื่อลดการแพร่เชื้อ
4. ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น
5. ไม่แนะนำให้ใช้ผ้าปิดตาเพราะจะยิ่งทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้มากขึ้น

6. เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน



          สรุปได้ว่า....โรคตาแดงที่กำลังระบาดในเด็ก นักเรียน พ่อ แม่  ผู้ปกครอง ในปัจจุบันนี้ ....เป็น โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส ... มักจะไม่ค่อยมีขี้ตา ... แต่มีน้ำตาไหล ... เคืองตามาก .... อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโต ... มักเริ่มเป็นที่ตาใดตาหนึ่งก่อนและลามไปเป็นทั้งสองตาอย่างรวดเร็ว.... มีประวัติติดต่อกันในคนหมู่มาก...หรือจากที่ทำงาน ... โรงเรียน หรือในครอบครัว .... ควรไปพบแพทย์นะคะ ... เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ .... และเพื่อให้เด็กๆที่ป่วย ... จะได้ไม่ขาดเรียนหลายๆๆวัน และถ้าป่วยเป็นโรคนี้ไม่ควรไปโรงเรียน เพราะจะนำเชื้อ "โรคตาแดง" ....ไปแพร่กระจายไปสู่เพื่อนๆ .... คุณครู ...ผู้คนที่พบปะและมีการสัมผัสถูกมือ  ติดเชื้อ.... ทั้งที่โรงเรียน และบุคคลอื่นๆ สิ่งแวดล้อมที่สัมผัส เช่น แม่ค้าขายอาหารในโรงเรียน...  ถ้านั่งรถเมล์หรือรถประจำทาง... ก็ระบาดติดเชื้อนี้ได้ค่ะ ....เพราะมือที่จับราวบันได ... ลูกบิดในห้องน้ำ .... ก๊อกน้ำ .... ลูกบิดประตูห้อง ฯลฯ .... เป็นแหล่งแพร่เชื้อทั้งนั้นนะคะ และต้องไม่ลืมว่า...โรคนี้เขามากับ  "มือ" ค่ะ ... ดังนั้น ต้องล้างมือให้สะอาด ล้างมือให้บ่อยๆ เมื่อสัมผัสกับสิ่งที่เราคิดว่า...จะมีเชื้อโรค นะคะ



ขอบคุณค่ะ

๒ กันยายน ๒๕๕๗

หมายเลขบันทึก: 575562เขียนเมื่อ 2 กันยายน 2014 15:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน 2014 17:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอบคุณบันทึกให้ความรู้เรื่องโรคตาแดงมากนะครับคุณหมอ...ชอบมากครับผม

  • เด็กๆที่โรงเรียนกำลังเป็นเลยครับ และกำลังสงสัย ว่าไวรัสนี้กระจายติดต่อกันทางอากาศได้มั้ย? 
  • ได้ความรู้พอดีเลยครับ..ขอบคุณมากๆครับ

เป็นประโยชน์มาก

ตอนนี้คนเป็นกันมาก

ขอบคุณมากๆครับ

เด็ก ๆ มีเทรนกันนะคะ คนไหนเป็นตาแดง ก็ไล่ป้ายไปที่ตาเพื่อนสนุกสนาน  แต่ครูไม่สนุกด้วยนะคะ บ่นให้ฟังกันอุบเลยคะ 555

อบคุณที่ช่วยรณรงค์เพื่อป้องกันโรคตาแดง ตาอักเสบ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย..เป็นโรคติดต่ออีกด้วย...

มาเรียน รู้ เรื่องตาแดง   กับคุณหมอเปิ้ลค่ะ

มันมากับมือจริง ๆ ครับ ดร.เปิ้น เวลาไป รพ.ผมยังเสียว ๆ อยู่เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเดินขึ้นบันได โรงพยาบาล ผมไม่ค่อยกล้าจับราวบันได เพราะกลัวว่าจะมีเชื้อโรคเกาะติด แต่ก็พยายามเดินใกล้ ๆ ราวบันไดกลัวหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุจะได้จับราวยึดไว้ได้......ดีที่สุดอย่างหมอเปิ้นว่าล้างมือบ่อยๆ แต่สงสัยว่าทำไมต้องเปลี่ยนปลอกหมอนทุกวันครับ.....

 เรียนท่าน อจ. ผศ. เดชา สว่างวงศ์  ......


การเปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน ... จำเป็นมากๆๆค่ะ เพราะ ปลอกหมอน ..ของคนที่เป็นโรคตาแดงนั้น...จะเป็นที่อยู่ของเชื้อไวรัสตาแดง ... เพราะ.. น้ำตาไหลลงที่ปลอกหมอน  .... จึงเป็นที่สะสมเชื้อไวรัสที่เกิดโรคตาแดงค่ะ  


ขอบคุณค่ะท่าน อาจารย์

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท