๔๓๒. เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น...


เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น...

      ความจริงเรื่องนี้ ฉันไม่ต้องการที่จะบันทึก...แต่เมื่อคิดอีกครั้งหนึ่ง ขอบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของการทำงานในชีวิตราชการของฉันว่าฉันโดนหรือถูกกระทำอะไรมาบ้าง?...จากการประชุม ก.บ. ในวันนี้ (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗) ช่วงบ่าย ๆ พวกฉัน หมายถึง ผู้อำนวยการกองทั้งหลายก็ได้เข้าร่วมประชุมด้วย...ในวาระการประชุมมีการแสดงความคิดเห็นจากที่ประชุมสภาคณาจารย์ แสดงความคิดเห็นของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน...ว่ากล่าวข้าราชการ (PC.) หมายถึง ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (สายสนับสนุนวิชาการ) ซึ่งปัจจุบันคงเหลือ ๑๓ คน...

       ในเนื้อความกล่าวหาว่า...PC ทำงานไม่มีสมรรถนะบ้าง...ขอถามหน่อยเถอะ รู้จริงกับคำว่า สมรรถนะ มากน้อยเพียงใด ขนาดฉันอธิบายบอกให้เขียนยังเขียนกันไม่ค่อยจะถูก...บังอาจมากล่าวหาข้าราชการอย่างพวกฉันได้อย่างหน้าตาเฉย...คุณเป็นใคร? ฉันเป็นใคร? อย่างน้อยพวกฉันก็ทำงานให้กับบ้านเมืองมานานเกือบ ๓๐ ปี ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินมาไม่น้อยถ้าเทียบกับคุณที่เพิ่งจะเกิดมาเพียงไม่ถึง ๕ - ๖ ปี...

       เดิมพวกคุณก็คือ เจ้าหน้าที่ชั่วคราวที่มหาวิทยาลัยจ้างเป็นรายปี...ก็พวกฉันนี่แหล่ะที่ฉุดพวกคุณขึ้นมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยเพราะถือว่าทำงานมานาน...พวกฉันจึงดูแล...แต่เมื่อได้ขึ้นมาแล้ว...กลับลืม คำว่า "กตัญญู"...กลับมาแว้งกัดข้าราชการอย่างไม่ทราบสาเหตุ...อ้างโน่น อ้างนี่ รู้บ้างหรือเปล่าว่า...ข้าราชการอย่างพวกฉันกว่าจะขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการกอง นะ เขาไต่กันมาแบบใด...สำหรับฉันสอบมาทุกครั้งในการเลื่อนซึ...เขามีการประเมินเข้าสู่ตำแหน่ง ผ่านกระบวนการคัดเลือก กว่าจะได้ขึ้นมาได้...

       ไม่ได้มาแบบการเดินทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ...ข้าราชการอย่างพวกฉัน ไม่เคยกลั่นแกล้งใคร ทำคุณให้กับแผ่นดินทั้งในมหาวิทยาลัยและทั่วประเทศ...แต่ข้อสรุปที่พวกคุณเขียน มันเกินที่พวกฉันจะรับได้...แม้ว่า ฉันเป็นข้าราชการสายสนับสนุนวิชาการ แต่พวกฉันก็มีศักดิ์ศรี รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร...ความกตัญญูของพวกฉันต้องมาอันดับ ๑...ไม่มีคำว่า "เนรคุณ" ในสายเลือด...ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเช่นพวกคุณ ฉันยึดถือแต่ประโยชน์ของภาครัฐเป็นหลัก...มีบ้างหรือไม่ กับคำว่า "เคารพในอาวุโส" สำหรับพวกฉันมีอยู่ในสายเลือดของข้าราชการ...ไม่เคยคิดอิจฉา สะกัดกั้นน้อง ๆ ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย...มีแต่จะดูแล + ส่งเสริม เพราะสุดท้ายก็คือ พวกฉันนี่แหล่ะที่จะเป็นผู้ประเมินพวกคุณเข้าสู่ตำแหน่ง หาใช่ใครไม่...พึงสังวรณ์ไว้ด้วย...

        แม้แต่การเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ข้าราชการทำอย่างไร ฉันก็ทำให้พวกคุณอย่างนั้น...เป็นราชภัฏเกือบแรกด้วยซ้ำที่ฉันได้ทำและดูแล เพราะฉันสอบถามไปยังราชภัฏอื่น ๆ ก็เพิ่งจะเริ่มทำ สำหรับมหาวิทยาลัยที่ฉันอยู่ ฉันทำระเบียบต่าง ๆ ให้หมดแล้ว...ยังไม่พอใจ กลับหาว่าไม่ดูแล...เวรกรรม...ดูข้างบ้านเขาบ้างว่าเขาทำกันแล้วหรือไม่...ระเบียบออกให้ก็ไม่อ่าน ไม่ศึกษา อ้างว่าไม่รู้ กองของฉันไม่บอก...ปัจจุบันเขาดูกันทางเว็บไซต์แล้ว พัฒนาตนเองเสียบ้าง ฉันก็พูดตั้งแต่แรกเข้า แต่ไม่เคยสนใจ ๆ แต่เขียนโพสต์ข้อความว่า คนอื่นเขาให้เสียหายนะถนัดนัก...ฉันว่าเอาเวลาดังกล่าวมานั่งอ่านระเบียบข้อบังคับจะดีกว่าไหม? จะได้ฉลาดกว่านี้หน่อย...

       ผู้บริหารชุดนี้ บอกว่า เป็นเพราะไม่สื่อสาร ทำไมฉันจะไม่สื่อสาร ทั้งแจ้ง ทั้งแขวนบนเว็บไซต์ของกอง เหมือนกับการป้อนข้าว...อ้าปาก มันคือ หน้าที่ของพวกคุณ ยังไม่อ้าปากรับ แล้วจะให้ฉันไปงัดปากให้อ้ารับรึ...คงไม่มั้ง...ทุกวิถีทางฉันแจ้ง ฉันบอก ก็แล้วแต่เถอะเพราะปัจจุบันเป็นเรื่องการพัฒนาตนเองกันทั้งนั้น...เรียนสูง ๆ กันแล้ว หัดคิด วิเคราะห์ด้วยตนเองบ้าง...

       เหตุที่ฉันต้องเขียนในบันทึก เพื่อให้เป็นข้อคิดเตือนตัวฉันเองว่า...เกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงจากระบบราชการมาเป็นระบบพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ข้าราชการอย่างพวกฉันได้เผชิญอยู่ แม้ว่าจะทำคุณความดีให้มาก่อนก็ตาม...เรียกว่า ทำดีก็เสมอตัว ไม่มีอะไรดี นอกจากคำกล่าวหา ใส่ร้าย...เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิด ก็เกิด อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเข้ามาบริหารงานใหม่ด้วยก็เป็นได้...บางเรื่อง ไม่รู้จริง...ไม่ปกป้อง จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้...

       แต่ฉันก็ยังยืนหยัดในความจริงที่ฉันต้องทำงานเพื่อแผ่นดิน เพื่อมหาวิทยาลัยที่ฉันได้อาศัยอยู่ ฉันรู้จักและเข้าใจในระบบของสายการบังคับบัญชาอย่างรู้จริง...สำหรับเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกคุณรู้บ้างหรือเปล่าว่า...ทำอะไรกันอยู่...

       เขียนไว้เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตของการรับราชการของตัวฉันเอง...ว่าอาจเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยใดก็ได้ ถ้าวัฒนธรรมองค์กรของมหาวิทยาลัยนั้นไม่เข้มแข็ง เช่นมหาวิทยาลัยที่ฉันอยู่...ทำงานมานานเกือบ ๓๐ ปี ก็เพิ่งจะเคยพบเคยเห็นนี่แหล่ะ!!!

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ  แสงเงิน

๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 564675เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2014 20:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม 2014 08:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ข้าราชการกำลังจะสูญพันธ์ุ เราต้องธรรมใจดีๆไว้นะครับ

เป็นหนึ่งกำลังใจนะคะ...

ชีวิต เป็น เช่นนั้นเอง ครับ สู้ต่อไป กับพวก "ไม่รู้ แล้วชี้"ครับ

ขอบคุณค่ะ อาจารย์สิริวิชญ์ ถึงแม้จะสูญพันธ์ุ แต่อย่าลืมว่า!!! พวกเราก็คนหนึ่งที่เคยทำงานให้กับแผ่นดินไทยนะคะ...

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ JJ มากมายจริงค่ะ ตอนนี้...

๑ เมษายน วันข้าราชการพลเรือน เราต้องพึงตระหนัก "ข้าราชการ คือ งานของพระราชา เราต้องทำงานเพื่อแผ่นดิน

อ.บุษยมาศ กล้าดีครับที่ระบายข้อเท็จจริง ที่แท้จริงออกมา

อาจด้วยอายุที่มากของพวกเราที่อยู่สาย ส. (แม้จะคนละหน่วยงาน) และยิ่งเป็นผู้ที่เดินตามวิถึที่วางไว้ โดยไม่เคยอาศัยวิธีทางลัดต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ทำให้เรายืนหยัดได้อย่างภาคภูมิใจ เมื่อมีแรงกระทบมา หลายครั้งที่เราปล่อยผ่าน ยกเว้นมันขัดกับหลักการจริง ๆ จึงต้องเอาคืนซะบ้าง

ผลเป็นอย่างไรครับ ระเบิดที่ปล่อยออกไป เขารู้สึกตัว , ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือยังเหมือนเดิม

ขอบคุณค่ะ คุณคณิน อย่างน้อยเราก็เป็นข้าราชการที่กว่าจะได้เข้ามารับราชการต้องสอบแข่งขันในระดับประเทศก็ว่าได้...เพราะถ้าได้มาเพียงแค่ระดับหน่วยงานปัจจุบันก็ว่าไปอย่าง...ความรู้ ความสามารถถูกวัดโดยสำนักงาน ก.พ. แต่พอเมื่อมาถึงยุคที่ภาครัฐยุบเลิกอัตราข้าราชการ จึงทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้ามเกิดขึ้น โดยที่ภาครัฐไม่ได้มารับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา...ความรู้สึกนี้ ภาครัฐไม่ได้รับทราบที่พวกเราถูกกระทำ...ได้แต่อดทน บางครั้งความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ถ้าเราไม่ได้ทำงานก็ไปอย่าง พวกเราทำทุกอย่างตามที่ภาครัฐต้องการ แต่ผลที่ได้ คือ เราต้องมาอดทนกับพวก Gen X Gen Y แบบนี้นะหรือ คงไม่ใช่กระมัง ขอบ่นออกสื่อเพื่อให้เป็นข้อคิดเตือนใจกับเด็กรุ่นใหม่ ๆ หน่อยเถอะค่ะ...เพราะสักวันเมื่อรุ่นเรา ๆ หมดไป พวกเขาต้องพบเจอกับเด็กยุค Gen Z ก็คอยดูต่อไปแล้วกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาเรียกกงกรรมกงเกวียนค่ะ...

ผลเขาเงียบค่ะ แต่ในความเงียบเชื่อไม่ได้ค่ะ...แต่คำว่า "ข้าราชการ" มันค้ำคอพวกเราอยู่ ความมีคุณธรรมมันยังอยู่ในจิตใต้สำนึกของพวกเรา ต่อให้พวกเขาทำเลวต่อเราเพียงใด...ก็ได้แต่ให้อภัยเขาเท่านั้นค่ะ เพียงเพื่ออยากจะสอนให้เขาไม่เดินผิดทางก็เท่านั้นเอง...

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท