ความจริงเรื่องนี้ ฉันไม่ต้องการที่จะบันทึก...แต่เมื่อคิดอีกครั้งหนึ่ง ขอบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของการทำงานในชีวิตราชการของฉันว่าฉันโดนหรือถูกกระทำอะไรมาบ้าง?...จากการประชุม ก.บ. ในวันนี้ (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗) ช่วงบ่าย ๆ พวกฉัน หมายถึง ผู้อำนวยการกองทั้งหลายก็ได้เข้าร่วมประชุมด้วย...ในวาระการประชุมมีการแสดงความคิดเห็นจากที่ประชุมสภาคณาจารย์ แสดงความคิดเห็นของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน...ว่ากล่าวข้าราชการ (PC.) หมายถึง ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (สายสนับสนุนวิชาการ) ซึ่งปัจจุบันคงเหลือ ๑๓ คน...
ในเนื้อความกล่าวหาว่า...PC ทำงานไม่มีสมรรถนะบ้าง...ขอถามหน่อยเถอะ รู้จริงกับคำว่า สมรรถนะ มากน้อยเพียงใด ขนาดฉันอธิบายบอกให้เขียนยังเขียนกันไม่ค่อยจะถูก...บังอาจมากล่าวหาข้าราชการอย่างพวกฉันได้อย่างหน้าตาเฉย...คุณเป็นใคร? ฉันเป็นใคร? อย่างน้อยพวกฉันก็ทำงานให้กับบ้านเมืองมานานเกือบ ๓๐ ปี ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินมาไม่น้อยถ้าเทียบกับคุณที่เพิ่งจะเกิดมาเพียงไม่ถึง ๕ - ๖ ปี...
เดิมพวกคุณก็คือ เจ้าหน้าที่ชั่วคราวที่มหาวิทยาลัยจ้างเป็นรายปี...ก็พวกฉันนี่แหล่ะที่ฉุดพวกคุณขึ้นมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยเพราะถือว่าทำงานมานาน...พวกฉันจึงดูแล...แต่เมื่อได้ขึ้นมาแล้ว...กลับลืม คำว่า "กตัญญู"...กลับมาแว้งกัดข้าราชการอย่างไม่ทราบสาเหตุ...อ้างโน่น อ้างนี่ รู้บ้างหรือเปล่าว่า...ข้าราชการอย่างพวกฉันกว่าจะขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการกอง นะ เขาไต่กันมาแบบใด...สำหรับฉันสอบมาทุกครั้งในการเลื่อนซึ...เขามีการประเมินเข้าสู่ตำแหน่ง ผ่านกระบวนการคัดเลือก กว่าจะได้ขึ้นมาได้...
ไม่ได้มาแบบการเดินทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ...ข้าราชการอย่างพวกฉัน ไม่เคยกลั่นแกล้งใคร ทำคุณให้กับแผ่นดินทั้งในมหาวิทยาลัยและทั่วประเทศ...แต่ข้อสรุปที่พวกคุณเขียน มันเกินที่พวกฉันจะรับได้...แม้ว่า ฉันเป็นข้าราชการสายสนับสนุนวิชาการ แต่พวกฉันก็มีศักดิ์ศรี รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร...ความกตัญญูของพวกฉันต้องมาอันดับ ๑...ไม่มีคำว่า "เนรคุณ" ในสายเลือด...ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเช่นพวกคุณ ฉันยึดถือแต่ประโยชน์ของภาครัฐเป็นหลัก...มีบ้างหรือไม่ กับคำว่า "เคารพในอาวุโส" สำหรับพวกฉันมีอยู่ในสายเลือดของข้าราชการ...ไม่เคยคิดอิจฉา สะกัดกั้นน้อง ๆ ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย...มีแต่จะดูแล + ส่งเสริม เพราะสุดท้ายก็คือ พวกฉันนี่แหล่ะที่จะเป็นผู้ประเมินพวกคุณเข้าสู่ตำแหน่ง หาใช่ใครไม่...พึงสังวรณ์ไว้ด้วย...
แม้แต่การเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ข้าราชการทำอย่างไร ฉันก็ทำให้พวกคุณอย่างนั้น...เป็นราชภัฏเกือบแรกด้วยซ้ำที่ฉันได้ทำและดูแล เพราะฉันสอบถามไปยังราชภัฏอื่น ๆ ก็เพิ่งจะเริ่มทำ สำหรับมหาวิทยาลัยที่ฉันอยู่ ฉันทำระเบียบต่าง ๆ ให้หมดแล้ว...ยังไม่พอใจ กลับหาว่าไม่ดูแล...เวรกรรม...ดูข้างบ้านเขาบ้างว่าเขาทำกันแล้วหรือไม่...ระเบียบออกให้ก็ไม่อ่าน ไม่ศึกษา อ้างว่าไม่รู้ กองของฉันไม่บอก...ปัจจุบันเขาดูกันทางเว็บไซต์แล้ว พัฒนาตนเองเสียบ้าง ฉันก็พูดตั้งแต่แรกเข้า แต่ไม่เคยสนใจ ๆ แต่เขียนโพสต์ข้อความว่า คนอื่นเขาให้เสียหายนะถนัดนัก...ฉันว่าเอาเวลาดังกล่าวมานั่งอ่านระเบียบข้อบังคับจะดีกว่าไหม? จะได้ฉลาดกว่านี้หน่อย...
ผู้บริหารชุดนี้ บอกว่า เป็นเพราะไม่สื่อสาร ทำไมฉันจะไม่สื่อสาร ทั้งแจ้ง ทั้งแขวนบนเว็บไซต์ของกอง เหมือนกับการป้อนข้าว...อ้าปาก มันคือ หน้าที่ของพวกคุณ ยังไม่อ้าปากรับ แล้วจะให้ฉันไปงัดปากให้อ้ารับรึ...คงไม่มั้ง...ทุกวิถีทางฉันแจ้ง ฉันบอก ก็แล้วแต่เถอะเพราะปัจจุบันเป็นเรื่องการพัฒนาตนเองกันทั้งนั้น...เรียนสูง ๆ กันแล้ว หัดคิด วิเคราะห์ด้วยตนเองบ้าง...
เหตุที่ฉันต้องเขียนในบันทึก เพื่อให้เป็นข้อคิดเตือนตัวฉันเองว่า...เกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงจากระบบราชการมาเป็นระบบพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ข้าราชการอย่างพวกฉันได้เผชิญอยู่ แม้ว่าจะทำคุณความดีให้มาก่อนก็ตาม...เรียกว่า ทำดีก็เสมอตัว ไม่มีอะไรดี นอกจากคำกล่าวหา ใส่ร้าย...เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิด ก็เกิด อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเข้ามาบริหารงานใหม่ด้วยก็เป็นได้...บางเรื่อง ไม่รู้จริง...ไม่ปกป้อง จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้...
แต่ฉันก็ยังยืนหยัดในความจริงที่ฉันต้องทำงานเพื่อแผ่นดิน เพื่อมหาวิทยาลัยที่ฉันได้อาศัยอยู่ ฉันรู้จักและเข้าใจในระบบของสายการบังคับบัญชาอย่างรู้จริง...สำหรับเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกคุณรู้บ้างหรือเปล่าว่า...ทำอะไรกันอยู่...
เขียนไว้เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตของการรับราชการของตัวฉันเอง...ว่าอาจเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยใดก็ได้ ถ้าวัฒนธรรมองค์กรของมหาวิทยาลัยนั้นไม่เข้มแข็ง เช่นมหาวิทยาลัยที่ฉันอยู่...ทำงานมานานเกือบ ๓๐ ปี ก็เพิ่งจะเคยพบเคยเห็นนี่แหล่ะ!!!
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗
ข้าราชการกำลังจะสูญพันธ์ุ เราต้องธรรมใจดีๆไว้นะครับ
เป็นหนึ่งกำลังใจนะคะ...
ชีวิต เป็น เช่นนั้นเอง ครับ สู้ต่อไป กับพวก "ไม่รู้ แล้วชี้"ครับ
ขอบคุณค่ะ อาจารย์สิริวิชญ์ ถึงแม้จะสูญพันธ์ุ แต่อย่าลืมว่า!!! พวกเราก็คนหนึ่งที่เคยทำงานให้กับแผ่นดินไทยนะคะ...
ขอบคุณค่ะ ดร.พจนา
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ JJ มากมายจริงค่ะ ตอนนี้...
๑ เมษายน วันข้าราชการพลเรือน เราต้องพึงตระหนัก "ข้าราชการ คือ งานของพระราชา เราต้องทำงานเพื่อแผ่นดิน
ขอบคุณค่ะ คุณชนะ
อ.บุษยมาศ กล้าดีครับที่ระบายข้อเท็จจริง ที่แท้จริงออกมา
อาจด้วยอายุที่มากของพวกเราที่อยู่สาย ส. (แม้จะคนละหน่วยงาน) และยิ่งเป็นผู้ที่เดินตามวิถึที่วางไว้ โดยไม่เคยอาศัยวิธีทางลัดต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ทำให้เรายืนหยัดได้อย่างภาคภูมิใจ เมื่อมีแรงกระทบมา หลายครั้งที่เราปล่อยผ่าน ยกเว้นมันขัดกับหลักการจริง ๆ จึงต้องเอาคืนซะบ้าง
ผลเป็นอย่างไรครับ ระเบิดที่ปล่อยออกไป เขารู้สึกตัว , ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือยังเหมือนเดิม
ขอบคุณค่ะ คุณคณิน อย่างน้อยเราก็เป็นข้าราชการที่กว่าจะได้เข้ามารับราชการต้องสอบแข่งขันในระดับประเทศก็ว่าได้...เพราะถ้าได้มาเพียงแค่ระดับหน่วยงานปัจจุบันก็ว่าไปอย่าง...ความรู้ ความสามารถถูกวัดโดยสำนักงาน ก.พ. แต่พอเมื่อมาถึงยุคที่ภาครัฐยุบเลิกอัตราข้าราชการ จึงทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้ามเกิดขึ้น โดยที่ภาครัฐไม่ได้มารับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา...ความรู้สึกนี้ ภาครัฐไม่ได้รับทราบที่พวกเราถูกกระทำ...ได้แต่อดทน บางครั้งความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ถ้าเราไม่ได้ทำงานก็ไปอย่าง พวกเราทำทุกอย่างตามที่ภาครัฐต้องการ แต่ผลที่ได้ คือ เราต้องมาอดทนกับพวก Gen X Gen Y แบบนี้นะหรือ คงไม่ใช่กระมัง ขอบ่นออกสื่อเพื่อให้เป็นข้อคิดเตือนใจกับเด็กรุ่นใหม่ ๆ หน่อยเถอะค่ะ...เพราะสักวันเมื่อรุ่นเรา ๆ หมดไป พวกเขาต้องพบเจอกับเด็กยุค Gen Z ก็คอยดูต่อไปแล้วกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาเรียกกงกรรมกงเกวียนค่ะ...
ผลเขาเงียบค่ะ แต่ในความเงียบเชื่อไม่ได้ค่ะ...แต่คำว่า "ข้าราชการ" มันค้ำคอพวกเราอยู่ ความมีคุณธรรมมันยังอยู่ในจิตใต้สำนึกของพวกเรา ต่อให้พวกเขาทำเลวต่อเราเพียงใด...ก็ได้แต่ให้อภัยเขาเท่านั้นค่ะ เพียงเพื่ออยากจะสอนให้เขาไม่เดินผิดทางก็เท่านั้นเอง...