-ตะวันคล้อยต่ำ...ยามเย็น...ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 ตรงกับวันเสาร์ ที่ 8 มีนาคม 2557 ถือเป็นวันดี...ที่ทั่วโลกกำหนดให้เป็น"วันสตรีสากล"ครับ....หลังจากที่ได้ชมภาพและข่าวต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอถึงบทบาทของสตรีผ่านทีวีแล้ว....ทำให้ทราบและตระหนักถึงความสำคัญของ"สตรี"ที่ ณ เวลานี้..ถือว่ามีสิทธิเท่าเทียมกัน...และเพื่อเป็นการเพิ่ม"ความสุข"ให้กับ"สตรี"....ในวันเดียวกันนี้..ผมจึงได้ชวน"มดตะนอย"สตรีใกล้ตัว...ไปชม"ดอกรัง"ฟังคำเล่าขาน...ตำนานพระร่วง...@เขานางทอง คร้าบ!!!!
1.เพื่อเพิ่มความสนุกและสีสันให้กับ"ทริปชมดอกรัง"ในวันนี้...ผมได้โทรชวน"พี่สมเวส"ประธานกลุุ่มแม่บ้านเกษตรกร(เจ้าถิ่น)กับ"น้องวิว"เด็กชายตัวน้อย...ที่ชื่นชอบการเดินป่า..ฝ่าดง...ไปขึ้นเขา...ชม.."ดอกรัง"ตามคำบอกเล่าว่า..เวลานี้...ดอกรัง..กำลังบานสะพรั่ง....เหมาะนักที่จะไปชื่นชม....ความงามของดอกไม้ป่า..นามว่า.."ดอกรัง"บนเขานางทอง..ครับ..
2.เขานางทอง..เป็นภูเขาที่ไม่สูงมากนัก..อยู่ห่างจากตัวอำเภอพรานกระต่ายไปไม่ไกลมาก อยู่ในเขตตำบลเขาคีรีสซึ่งเป็นเขตติดต่อกันกับตำบลถ้ำกระต่ายทองครับ..เดินขึ้นเขานางทองแบบสบาย ๆ ด้วยขั้นบันใด..ที่ได้จัดทำไว้อย่างดี..ระหว่างทางขึ้นเราก็เริ่มเห็น"ดอกไม้ป่าหล่นลงพื้น"และนี่ก็คือ"ดอกรัง"ที่ร่วงหล่นมาจาก"ต้นรัง"นั่นเองครับ...
3.พอขึ้นไปถึงบนยอดเขา..ลมพัดเย็นสบาย..ดินแดนแห่งนี้มี"ตำนาน"เล่าขานเอาไว้..น่าสนใจมาก ๆครับ....ผมได้สอบถาม"พี่สมเวส"เกี่ยวกับเรื่องนี้..ได้ความว่า"บนเขาแห่งนี้มีตำนานเกี่ยวกับพระร่วง"ครับ..แต่ด้วยความอยากรู้...วันนี้มีโอกาสเหมาะ ๆจึงมาสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติเขานางทองดู ตามข้อมูลเขาบอกเอาไว้ว่า"เขานางทองแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ที่พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ทรงสร้างไว้บนยอดเขาแห่งนี้ ตำนานเล่าว่า นางทองเป็นผู้หญิงที่สวยงามที่สุด ถูกพญานาค กลืนเข้าไปในท้อง พระร่วงได้พบเห็นจึงได้เข้าช่วยโดยใช้อิทธิฤทธิ์ของตน ล้วงนางทองออกมาจากคอพญานาค เนื่องจากนางทองเป็นคนสวยจึงเป็นที่สบพระทัยของพระร่วง ต่อมาจึงได้อภิเษกเป็นมเหสี (เมียหลวง) และยังได้นางคำ หญิงชาวบ้านเป็นพระสนมด้วย (เมียน้อย) อีกองค์หนึ่งด้วย พระมเหสีทองนอกจากจะมีพระสิริโฉมงดงามต้องตาต้องใจแล้ว ยังมีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียรในการทอผ้าด้วยกี่ทอผ้า พระร่วง (สันนิษฐานว่า ชื่อ พระมหาพุทธสาคร) จึงโปรดให้สร้างพระตำหนักแพหน้าพระราชวัง เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนของพระมเหสีทองอยู่มาวันหนึ่งพระร่วงได้เสด็จไปเที่ยวกรุงสุโขทัย พระมเหสีทองได้ไปซักผ้าอ้อมที่สระน้ำ เพื่อจะไปตาก (บริเวณที่ตากผ้าอ้อมนั้น ไม่มีต้นไม้ขึ้นเลย จะโล่งเตียนไปหมด เพราะพระร่วงสาปไว้ให้เป็นที่ตากผ้าอ้อม) ระหว่างที่ตากผ้าอ้อมพระมเหสีทองก็กลัวว่าผ้าอ้อมจะไม่แห้งจึงพูดขึ้นว่า"ตะวันเอยอย่ารีบจร นกน้อยอย่ารีบนอน หักไม้ค้ำตะวันไว้ก่อน กลัวผ้าอ้อมจะไม่แห้ง"ผลปรากฏว่าตะวัน หรือดวงอาทิตย์ไม่ยอมเคลื่อนจนกระทั่งผ้าอ้อมแห้ง จึงด้โคจรต่อไปและที่สระน้ำนั้นพระร่วงได้เลี้ยงจระเข้ไว้ด้วย แล้วพอดีจระเข้ตัวนั้นเกิดหิวขึ้นมาจึงคาบนางทองไป เพื่อเอาไปกินแต่เวลานั้นเป็นเวลาที่พระร่วงกลับจากสุโขทัยพอดี พอกลับมาพระร่วงไม่เห็นพระมเหสีทองจึงถาม พวกนก พวกกวาง (สมัยนั้นเชื่อกันว่าสัตว์ทุกตัวพูดได้) ว่าพระมเหสีทองหายไปไหน พวกสัตว์ต่าง ๆ บอกว่าพระมเหสีทองได้ถูกจระเข้คาบไปแล้ว พระร่วงได้ยินดังนั้นก็ตามไปทันที พระร่วงเดินทางไปทางไหนต้องการให้เป็นทางเดินก็ปรากฏเป็นทางเดิน ทางเกวียนตลอดทาง พระร่วงได้เดินทางผ่านนาป่าแดงคลองวัว และได้ขอน้ำกินแถว ๆ หมู่บ้าน (หมู่บ้านนาป่าแดงปัจจุบัน) พระร่วงพูดว่า “ข้าหิวน้ำจังเลยขอน้ำกินหน่อยได้ไหม” คนในหมู่บ้านไม่ให้กินจึงพูดว่า “น้ำข้าไม่มี” พระร่วงเป็นคนที่วาจาศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว พระร่วงจึงพูดว่า “เออ อย่างพวกมึงนั้นก็ไม่ต้องมีน้ำกินตลอดไป” จนป่านนี้นาป่าแดงจึงไม่ค่อยมีน้ำกินน้ำใช้กัน พระร่วงได้ตามจระเข้ที่คาบพระมเหสีทองทันที ที่คลองทองแดง (ศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน) แต่ช้าไป พระมเหสีทองได้สิ้นใจตายก่อนแล้ว พระร่วงจึงสาปจระเข้ให้เป็นหินตรงนั้นพระร่วงเสด็จกลับวังด้วยความเศร้าโศก ในเวลาต่อมาพระองค์ก็ยังไม่คลายต่อความอาลัยอาวรณ์ถึงพระมเหสีทอง จนทนอยู่ในเมืองพรานไม่ได้ จึงพาราษฏรอพยพไปทางใต้เพื่อไปตั้งเมืองใหม่ ณ เมืองสังขบุรี แขวงอยุธยา..ครับ..(ขอขอบคุณข้อมูลจาก ตำนานพระร่วง..เขานางทอง..พรานกระต่าย )
4.บนยอดเขานี้มีมีสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการบูรณะแล้วหลายสิ่งอาทิเช่น เจดีย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเดิมเป็นเพียงกองศิลาแลงเท่านั้น สภาพถูกขุดค้นอย่างไม่มีชิ้นดี ได้รับการบูรณะแล้วในบางส่วน ทำให้เห็นองค์เจดีย์รูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อยู่บนยอดที่สูงที่สุด ฐานเป็นรูป สี่เหลี่ยม คล้ายเจดีย์วัดกะโลทัยที่เมืองกำแพงเพชร ที่ให้เห็นถึงศิลปะของสุโขทัยอย่างสมบูรณ์ ครับ..ได้ทราบถึงประวัติและตำนานดี ๆ แบบนี้แล้ว..ก็อดที่จะชื่นชมและขอเก็บภาพความประทับใจไว้บนที่แห่งนี้ด้วยครับ ฮ่า ๆ
5.ชื่นชมกับหลักฐานประวัติศาสตร์และตำนานที่น่าสนใจกันไปแล้ว....ต่อไปก็ได้เวลาที่เราจะตามหา"ดอกรัง"กันแล้วครับ..มองขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่..เราก็พบกับ"ดอกไม้ช่อสีเหลือง"บานสะพรั่ง..ดูงามตา...บางต้นก็มีดอกออกตรงลำต้น..ทำให้เราได้ชื่นชมดอกไม้ป่าแบบใกล้ชิดกันเลยทีเดียวครับ...งานนี้ขอสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ"ดอกรัง"กันเพิ่มเติมอีกสักหน่อยก็แล้วกันนะครับ..ตามข้อมูลที่ได้มาเขาบอกเอาไว้ว่า"ต้นรัง"เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดอุดรธานี มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่าทางภาคเหนือเรียกว่า เปา,เปาดอกแดง ภาคกลางเรียก ต้นรัง ภาคอีสานเรียกว่า"ต้นฮัง"ครับ...ติดตามข้อมูลต่อได้จากที่นี่ครับ ต้นไม้ประจำจังหวัดอุดรธานี "ต้นรัง"
6.ดอกไม้สีเหลือง...ดอกเล็ก ๆ ดูน่ารัก...ออกเป็นช่อบนต้นไม้ใหญ่นามว่า"ต้นรัง"นี้...ดูงาม....มาก ๆครับ..ยิ่งสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเย็นแบบนี้แล้ว..ยิ่งดูงดงาม..เหมาะนักที่จะเก็บภาพมาฝากให้ได้ชื่นชมไปพร้อม ๆกับทีมเดินป่าของเราครับ...
7.ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ...สังสัญญาณให้กับทีมเราว่า"ต้องเดินลงจากเขานางทอง"แล้วล่ะครับ..ระหว่างทางได้ชื่นชมความงามจากธรรมชาติที่อยู่ริมทาง...งานนี้มีทั้งดอกไม้ป่าที่ชูช่อ...อาจจะแล้งนัก...แต่ความสดชื่น...ก็ยังแฝงอยู่บนเขานางทองแห่งนี้ครับ..
8.ใช้เวลาในการชื่นชมความงาม..บนยอดเขานางทอง..ไปนานพอดู....กว่าจะได้มีโอกาสขึ้นเยี่ยมชมความงามและสัมผัสถึงตำนานที่เล่าขานกันมา...ผมต้องรอเวลาถึง 12 ปีเลยทีเดียวครับ...มาอยู่อำเภอพรานกระต่ายตั้งนาน...วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสขึ้นเขานางทองครับ..เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นไปสัมผัสแล้ว...มีหรือ...ที่จะพลาดเก็บ...ความงาม...มาฝากกัน...ประทับใจกับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นแห่งนี้...กับการขึ้นเขาชม"ดอกรัง"...มนต์ขลัง...ตำนานพระร่วง...@เขานางทอง พรานกระต่าย คร้าบ!!!!
สำหรับวันนี้...ขอเชิญชวนทุกท่านที่มีโอกาสผ่านมาทางนี้ได้มาชื่นชมความงามของดอกรัง...อาจจะมีไม่มากนัก..แต่ก็พอได้มีให้ได้ชมกันครับ..แหล่งท่องเที่ยวเล็ก ๆ สัมผัสกับบรรยากาศเย็น ๆ บนยอดเขานางทอง...หากได้รับการสนับสนุนและพัฒนาต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และตำนานดี ๆ แบบนี้..ผมว่า...ไม่แน่..เขานางทอง..อาจจะโด่งดัง..ไปไกล..ทั่วโลก..แน่นอนคร้าบ!!
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง
10/03/2557
เห็นภาพแล้วกระหายทำให้เกิดอาการอยากเที่ยว ทั้งที่สุขภาพยังไม่ค่อยดีนี่แหละ พระเจ้าไม่เข้าข้าง
เหมือนลูกพะยอมเลยนะจ๊ะคุณเพชร
ได้รับความรู้ทั้งเขานางทอง ทั้งดอกรัง ขอบคุณมากๆค่ะ
เห็นแล้วอยากเดินป่าบ้าง
ขอบคุณที่เล่าการเที่ยวที่น่าสนใจนี้...เพิ่งเคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้ค่ะ
ดีจังได้ชมดอกรังครั้งแรกและทราบตำนานของพระร่วง ขอบคุณมากค่ะ
...ตามมาชื่นชมความสวยงามของ ดอกรัง และดอกไม้ป่านะคะ
ตอนเด็กๆ ได้เล่นบ่อยๆค่ะ .... เด็กบ้านนอกนะคะ
-สวัสดีครับครูหยิน
-รอสุขภาพแข็งแรงดีแล้วก็มาเที่ยวได้นะครับ
-ยินดีต้อนรับครับ....
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับครู..
-สวัสดีครับคุณ Bsasima
-เป็นตำนานที่น่าสนใจและน่าไปเยือนเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์น่ะครับ
-แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการดูแลและบูรณะเพิ่มเติม
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับ
-สวัสดีครับป้าใหญ่
-เป็นการท่องเที่ยวในแหล่งประวัติศาสตร์และตำนานในท้องถิ่นครับ..
-เป็นตำนานที่น่าเรียนรู้และบอกต่อครับป้าใหญ่
-ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ
-สวัสดีครับ ดร.พจนา
-ดอกรัง....เด็กเล็ก ๆน่าชมดีครับ..
-บรรยากาศบนเขานางทองก็เย็นสบาย..
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมนะครับ
-สวัสดีครับพี่กานดา
-ดอกรัง...กำลังจะร่วงโรย..
-ถือว่าโชคดีที่ได้ไปชมก่อนดอกจะโรยราครับ..
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับ
-สวัสดีครับพี่หมอเปิ้น
-ได้รำลึกถึงความหลังจากบันทึกนี้ด้วยนะครับ
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับพี่หมอ
ดอกสวยมากๆ
เพิ่งเคยเห็นครับ
ขอบคุณมากๆครับ