การเรียนรู้ไม่จำกัดสถานที่และเวลา

วันนี้สด ๆ ร้อน ๆ ค่ะ ระหว่างการเดินทางมาตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยรถประจำทางสาย "เชียงใหม่ - ฝาง"
พอก้าวขึ้นรถมาที่ว่างเหลือเยอะแยะ แต่เราก็เลือกที่จะไปนั่งข้างผู้หญิงคนหนึ่งที่ถือกระเป๋าใบโตอยู่

เราก็ทักเพื่อขออนุญาตินั่งด้วยตามมารยาท และนั้นแหละค่ะ ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน
ประโยคแรกที่พี่เค้าถามมาก็เป็นประโยคพื้นฐาน ถามว่า "น้องกำลังไปไหน และเรียนอยู่ที่ไหน"

หลังจากนั้นก็หยิบเอากระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีทั้งรูปภาพ และตัวหนังมาให้เราอ่าน พร้อมกับคำถามที่ว่า
"หนูคิดยังไงกับอนาคตข้างหน้า คิดว่าจะแย่ลง เหมือนเดิม หรือดีขึ้น"

หลักฐานของการสนทนาคือกระดาษแผ่นนี้ค่ะ ยับไปหน่อยแต่ก็นี้แหละค่ะคาบประสบการณ์ (เข้าข้างตัวเอง 555)

จากนั้นก็อธิบายร่ายยาวมาตลอดทาง เป็นเวลาเกิบ ๆ สองชั่วโมง แต่ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อเลยค่ะ
เพราะในแต่ละเรื่องที่เค้าพูดมาไม่ได้ทำให้เรากดดันที่จะตอบหรือฟังต่อ (แท้ที่จริงแล้วก็อาจเป็นเพราะการเปิดใจรับฟัง
และความคิดที่เป็นกลางในใจของเราเองที่ไม่เคยคิดว่าที่เค้าไม่จริงหรือเกินจริงไปทั้งหมด)

ในเนื้อหาการสนทนาก็ได้เล่าเรื่องราวของ "พยานพระยะโฮวา" ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก และถือเป็นบิดาของพระเยซู
เล่าเรื่องราวการสร้างโลกตอนที่มีมนุษย์คู่แรกมาเกิดบนโลก การทำผิดกฎของพระเจ้าที่ให้ของมนุษย์คู่แรก
เรื่องการเกิดน้ำท่วมโลกครั้งแรกที่เป็นการล้างมนุษย์ที่ทำชั่วบนโลกออกไป และเล่าเรื่องความเชื่อและศรัทธาที่ต่างกันไป
ของผู้ที่นับถือ "พยานพระยะโฮวา" ที่ไม่ได้มีการสรรเสริญพระเยซูในวันคริสมาสต์ แต่จะจัดงานลำลึกถึงในวันที่พระเพซู
เสียชีวิตมากกว่า เพราะพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้าที่มีความรักต่อมนุษย์ และเป็นผู้ร่วมสร้างโลกให้ดีขึ้น

และนี้ก็เป็นความรู้ใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้ง่าย และเป็นโอกาสดีที่ได้มาเจอกันพี่เค้าค่ะ ทำให้ได้เกร็ดความรู้ที่แปลกใหม่
รู้จักศาสนาคริสต์มากขึ้น ได้เห็นในมุมมองที่แตกต่างของศาสนา (เพราะส่วนตัวแล้วนับถือศาสนาพุทธ)

นี้แหละค่ะเป็นข้อดีของการไม่ปิดหู การเปิดใจรับสิ่งใหม่ที่แตกต่าง เป็นการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่งค่ะ
เพราะโลกนี้ยังมีสิ่ที่รอให้เราเรียนรู้อีกมากมาย ถ้าเราไม่หยุดที่จะใขว่คว้ามา

 

 

มีเว็บไซด์มาฝากด้วยนะค่ะสำหรับใครที่สนใจศึกษาเรื่องนี้ค่ะ

http://www.jw.org/th/