น้องแก้วตอนที่ 1 : "บอกได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น"


น้องพยาบาลที่หอผู้ป่วยนรีเวชโทรศัพท์มาปรึกษาว่ามีผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่อยากให้ขึ้นไปช่วยดู

โดยบอกสั้นๆว่า "ผู้ป่วยมีปัญหาทางสังคม ได้พยายามเข้าไปพูดคุยเองหลายครั้งแล้ว แต่ผู้ป่วยยังดูไม่มีความสุข"

 

หลังเลิกงานเย็นวันนั้น ฉันจึงได้ขึ้นไปที่หอผู้ป่วยนรีเวช 

 

แก้ว (นามสมมุติ) อายุเพียง ๔๒​ ปี บ้านอยู่ตรัง ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย ต้องอยู่ในโรงพยาบาลมานานเป็นเดือนเพื่อรับการรักษาด้วยการฉายรังสี หลังรักษาครบได้เกือบเดือนมานี้ ก็ยังกลับบ้านไม่ได้

 

"จำได้มั้ย" ฉันทักผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง เพราะลุกนั่งขยับตัวไม่ได้ เนื่องจากปวด

แก้วจำฉันได้ เพราะพบกันตอนมาฉายรังสีเป็นประจำ เธอดีใจมาก จับมือจับไม้ฉันแล้วพูดว่า "ดีใจที่เจอพี่"

"อยู่โรงพยาบาล มีใครมาเยี่ยมบ้าง" ฉันถาม

"ลูกกับญาติมา นีีลูกก็เพิ่งกลับไป" แก้วพูดถึงลูกที่เรียนอยู่มัธยมหก ซึ่งเพิ่งได้โควต้าเข้าเรียนวิทยาลัยเทคนิคที่ตรัง 

"แล้วสามีล่ะ" ฉันถามต่อ 

"แฟนแยกทางกันมาสามปีแล้ว" แก้วตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ

"บอกได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น" ฉันตั้งคำถามอย่างระมัดระวัง

"เขาติดการพนัน" แก้วบอกเรื่องในครอบครัวอย่างไม่ปกปิด ความจริงข้อนี้แก้วไม่เคยบอกใคร แม้แต่นักสังคมสงเคราะห์ที่เคยเข้าไปพูดคุยเพื่อช่วยเหลือด้านการเงิน หลังแยกทางกันแล้ว สามีของแก้วก็ย้ายไปอยู่กับพี่ชายที่พังงา ทำงานรับจ้างกรีดยาง โดยไม่ได้มีครอบครัวใหม่ ผู้ป่วยเป็นคนเลี้ยงดูบุตร ๒ คน คนโตเป็นผู้ชายเรียนมัธยม คนเล็กเป็นผู้หญิงอายุ ๖ ขวบต่อเอง

"แล้วตอนนี้ แก้วอยู่กับใคร" ฉันถาม

แก้วตอบว่า "ตอนนี้ มาอยู่กับตายายของลูก พี่ๆน้องๆก็ช่วยฉัน"

"หมอบอกแล้วยัง ว่าจะกลับบ้านได้เมื่อไร" ฉันถาม

"รอให้ยาครบ แล้วก็จะกลับวันสองวันนี้แล้ว" แก้วตอบ

"แล้วกลับยังไงล่ะ" ฉันถาม

"นี่แหละ คือปัญหา" แก้วเข้าประเด็นสำคัญที่เธอกังวล "ไม่รู้โรงพยาบาลจะช่วยได้ฉันอีกหรือเปล่า" เพราะการเดินทางจากโรงพยาบาลกลับบ้านที่ตรัง ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเหมารถครั้งละไม่ต่ำกว่าสามพันบาท แก้วได้รับความช่วยเหลือจากฝ่ายสิทธิประโยชน์ผู้่วยของโรงพยาบาลมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนมารับการรักษาครั้งก่อน เธอกังวลเรื่องนี้ เพราะไม่ได้รับจ้างกรีดยางมาตั้งแต่ป่วย และมีหนี้นอกระบบที่ต้องกู้มาเพื่อค่าใช้จ่ายในครอบครัว เธอเล่าว่าพ่อของเธอเองเคยพูดว่า "ถ้ามาสักสิบครั้งๆละสามพันก็ไม่มีปัญหา ถ้าคิดว่าหาย  แต่ถ้าไม่หาย มาแล้วเราก็ต้องยืมเงินนอกระบบ ก็ต้องเป็นหนี้มากขึ้น นี่ก็ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่หาย มันไม่เห็นอนาคต"

 

จังหวะที่ฉันกำลังคุยกับแก้วเรื่องปัญหาทางการเงินของเธอยู่นั้น น้องชาย..กิตติคมน์ นักสังคมสงเคราะห์จากฝ่ายสิทธิประโยชน์ผู้ป่วยโรงพยาบาลก็ขึ้นมาเยี่ยมผู้ป่วยพอดี ทำให้เรื่องราวต่างๆของแก้วกระจ่างชัดมากขึ้น สามารถเข้าถึงปัญหาของผู้ป่วยได้เร็วขึ้น เพราะน้องชายมีข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของแก้วมาตั้งแต่ทางโรงพยาบาลให้ความช่วยเหลือครั้งก่อนๆอย่างละเอีียดอยู่แล้ว

 

นี่คือข้อดีของการทำงานเป็นทีมจริงๆ

 

น้องชายบอกกับผู้ป่วยว่า ได้คุยกับลูกชายคนโตแล้ว "ลูกเขาเลือกแม่ ยอมไม่เรียนต่อ เพื่อมาเป็นคนดูแลแม่" 

แก้วน้ำตาไหลพรากทันทีเมื่อเพิ่งรู้ว่า ลูกชายยอมเสียสละอนาคตของตัวเอง ไม่เรียนวิทยาลัยเทคนิคที่ได้โควต้า เพื่อมาคอยดูแลตน ทั้งน้องชายและฉันจึงต้องทอดจังหวะการสนทนาของเราออกไป

 

"แล้วลูกก็บอกด้วยว่า อยากให้พ่อกลับมา" เมื่อได้จังหวะ น้องชายจึงเล่าต่อและตั้งคำถาม "แล้วตัวคิดยังไง เรื่องนี้"

"ในเมื่อจากกันแล้ว ก็ไม่ต้องกลับมา" น้ำเสียงของแก้วเด็ดเดี่ยว สะท้อนอารมณ์โกรธ เพราะเคยสั่งลูกเอาไว้ว่า ไม่ให้พูดถึงพ่ออีก

 

น้องชายเล่าต่อถึงการสนทนากับลูกชายของผู้ป่วยครั้งก่อน ซึ่งครั้งนั้นมีสามีและน้องสะไภ้ของผู้ป่วยอยู่ด้วย เรื่องนี้น้องชายยังไม่เคยเล่าให้ผู้ป่วยฟัง "ลูกเขาอยากให้พ่อกับมาดูแลนะ และสามีของตัวเขาก็อยากกลับมา แล้วครั้งนั้นสามีตัวเขามาแอบดูตัวที่ตึกนี้ด้วย รู้หรือเปล่า"

 

แก้วบอกว่า "ไม่รู้" แล้วเงียบไป ใช้ความคิด

 

ฉันได้จังหวะ พูดกับผู้ป่วยว่า "ฟังดูแล้ว พี่เห็นข้อดีของสามีแก้วนะ เขาแยกจากแก้วไปสามปี เขาก็ไปทำมาหากินอยู่กับพี่ชาย ไม่ได้ไปมีครอบครัวอื่น และก็ยังติดต่อกับลูกตลอด นี่ก็ยังมาแอบดูแก้วอีก แสดงว่า เขายังรักแก้วอยู่นะ"  เมื่อเห็นแก้วยังเงียบ จึงพูดต่อ "แก้วบอกพี่ว่าเขาติดการพนัน แต่ถ้าเขาปรับปรุงตัวได้ และกลับมาอยู่ดูแลแก้วกับลูก ถ้าแก้วยอมรับได้ ให้อภัยเขา ลูกของแก้วก็จะได้ไม่ต้องหยุดเรียนด้วย โควต้าก็ไม่ต้องเสียไป แล้วลูกคนเล็กอีกล่ะ จริงมั้ย"

 

แก้วร้องไห้มากขึ้น เงียบไปพักใหญ่ ฉันกับน้องชายปล่อยให้ผู้ป่วยร้อง โดยฉันกุมมือแก้วไว้ แล้วในที่สุด แก้วก็พูดขึ้น เหมือนตัดสินใจได้แล้ว "ถ้าจะกลับ ก็กลับมา"

หมายเลขบันทึก: 563267เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2014 10:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม 2014 10:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)


...... ขอบคุณ เรื่องเล่าดีดีนี้ค่ะ ^_^


ยินดีต้อนรับพี่ฟ่งเข้า Gotoknow และ Pal2Know มากๆครับ

ตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว ต้องไปโฆษณาหน่อย

ขอบคุณพี่ฟ่งมากครับ ที่แบ่งเวลามาเขียนบันทึกดีๆแบ่งปันอย่างนี้

อยากถามเปิดประเด็น เพื่อเรียนรู้ด้วยกันนะครับ

เป็นไปได้มั้ยที่ผู้ป่วยอาจยอมรับสามีกลับมา เพราะจำยอมต่อเหตุผลของพี่ แต่ในใจก็ยังโกรธอยู่ อยากให้พี่เล่ารายละเอียดว่า คุยอะไรต่อด้วยครับ

ขอบคุณครับ

ตอบอจ.เต็มศักดิ์ค่ะ

สำหรับเรื่องนี้ก็บอกกับแก้วว่า เราจะกลับมาคุยกันอีกครั้งหนึ่งในคราวหน้าพร้อมกับสามีและลูก

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท