บนดอยกับในเมือง


โรงเรียนของหนู

      จากการที่ได้ออกไปนอกมหาลัยที่ได้ไปสังเกตการสอนนั้นดิฉันได้เลือกไปโรงเรียนสังกัดรัฐบาลซึ่งเป็นโีรงเรียนแถวบ้านของดิฉัน จากการที่ได้พบเจอการสอนที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ของครูจะด่าจะว่านักเรียนอยู่ตลอดว่าชอบว่าให้นักเรียนว่าสอนไปแล้วไม่เข้าใจหรือยังซึ่ง้ฃเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าพบเจอเลย แต่นี่ก็เป็นข้อดีของนักเรียนที่จะหัดช่วยเหลือตนเอง และมีความพยายามในเรียนมาก ทำให้นักเรียนสนในในเรียนแต่โรงเรียนสังกัดรัฐาบาลมีความเคารพครูดีมากเน้นกิจกรรมให้นักเรียนกล้าแสดงออก แต่ข้อเสียจะเป็นประมาณว่าจะไม่ค่อยเน้นภาษา สื่อเทคโนโลยีและสื่อการสอนไม่ค่อยมีความพร้อม ตามค่าเทอมของรัฐบาลคะบางโรงเรียนอาจไม่ได้จ่ายเลยคะอาจจะเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าหนังสือ โรงเรียนรัฐบาลจะเน้นช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสและอยากเรียนหนังสือบางครั้งอาจเป็นโรงเรียนขยายดอกาสให้นักเรียนได้เรียนหนังสือได้ทั่วถึงคะ

       แต่ครั้งที่สองที่ได้ออกไปทดลองสอนนักเรียนในเมืองและเป็นโรงเรียนสังกัดเอกชน ซึ่งโรงเรียนสังกัดเอกชนมีความพร้อมในทุกๆเรื่องทั้งด้าน IT สื่ออุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์บุคลากรทางการสอนและบุคลากรต่างประเทศมีผลการเรียนและการเรียนที่ดีเลยคะจากการที่ได้ไปสัมผัสกับตัวเองจริงๆคือนักเรียนกลับเป็นเด็กเอาแต่ในเสียนิสัยเพราะพ่อแม่ตามใจลูกมากและไม่ยอมฟังใครนอกจากลูกของคนเองค่ะ อีกทั้งโรงเรียนในเมืองนั้นก็เน้นไปทางวัตถุนิยมไปมากค่ะทำให้นักเรียนไม่เห็นคุณค่าของเงินที่ได้มาและใช้เงินแบบไม่มีปรโยชน์ในข้อนี้เพราะครูโรงเรียนเอกชนไม่ค่อยดุด่าว่ากล่าวอะไรมากนักเพราะใช้เงินจากผู้ปกครองของนักเรียนจึงไม่กล้าสอนอะไรไปมากนักแต่ในความไม่ดุด่าว่ากว่าอะไรมากนักจะมีกฏระเบียบมากกว่าโรงเรียนรัฐบาลมากจะเน้นให้ มรรยาทดี เรียนเก่ง ไว้ก่อนค่ะแต่ที่ดิฉันได้ไปทดลองสอนโรงเรียนเอกชนมาดิฉันได้พบเจอนักเรียนที่ยั่วโมโหกวนประสาทไม่ตั้งใจเรียน แถมยังไม่พอไม่ทำงานไปชวนเพื่อนคุยอีกโดดเรียนหนีเรียนทำหมดดิฉันได้กลับมาคิดว่าคนอื่นที่เค้าอยากเรียนมีตั้งเยอะนักเรียนคนนี้มีโอกาสที่ดีในการเรียนทำไมไม่ตั้งใจเรียนที่ก็เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองไม่มีเวลาให้ ให้แต่เงินลูกทำให้ลูเป็นเด็กขาดความอบอุ่นจึงทำให้เป็นเด็กมีปัญหาแต่ดิฉันกลับสงสารนักเรียนคนนี้มากค่ะเพราะเค้าคงเหงาต้องการให้คนอื่นสนใจในสิ่งที่ตนกกำลังทำแต่อายุยังน้อยยังไม่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ยิ่งเป็นวัยที่กำลังจะเป็นสาวอีกน่าสงสารมากค่ะ

       และจากเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานั้นดิฉันได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของ สมศ ได้เป็นผู้สังเกตการคุมสอบของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านป่าเลา อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสให้เด็นบนดอยหรือนักเรียนที่เป็นกระเหรี่ยง เวลาสอบของ สมศ เริ่มประมาณ 8.30 น แต่เวลา 8.20น. นั้นนักเรียนยังไม่เริ่มมากันเลยดิฉันจึงถามครูที่ประจำสนามสอบนั้นว่าทำไมนักเรียนจึงมาน้อยกันค่ะครูก็ตอบดิฉันว่าบ้านนักเรียนอยู่ไกลนักเรียนกำลังเดินทางมาเรียนค่ะ ซึ่งถึงเวลาแจกข้อสอบนักเรียนบางคนกำลังเดินมาจากที่บ้านเสื้อผ้ามอมแมมมากมือข้างนึงถือกระเป๋าเอกสารอะไรซึกอย่างอีกข้างนึงถือถุงข้าวกัดถุงกินนักเรียนก็รีบวิ่งมาไหว้หนูรีบเข้าสอบได้ทันตามเวลาของสอบช่างเป็นภาพที่น่ารักมากพอสอบเสร็จนักเรียนก็จะมารับจ้างขัดลังน้ำดื่มและกรอกน้ำใส่ลังๆ 5 บาท ดิฉันคิดว่าบางคนมีโอกาสที่ได้เรียนกลับไม่อยากเรียนบางคนไม่มีแม้กระทั่งเงินจะมาเรียนก็ขวนขวายอยากมาเรียนเดินมาตั้ง 19 กิดลเมตรขึ้นเขาลงห้วยคิดแล้วน่าเวทนาคนเราเกิดมาไม่เท่ากันจริงๆคะ

       แต่ยังไงเรียนที่ไหนหรือเป็นรัฐบาลหรือเอกชนนั้นขึ้นอยู่ว่าเราจะเป็นคนดีหรือไม่จะตั้งใจเรียนหรือไม่ หรือจะคบเพื่อนที่ดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวเราเลือกเส้นทางเดินที่ดีให้กับชีวิตค่ะ ส่วนที่ดิฉันได้นำเรื่องราวที่ได้พบเจอมานี้ดิฉันก็ไม่ได้ว่าโรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชนดีหรือไม่มีแค่อยากจะแชร์ประสบกาณ์ที่ได้พบเจอมาค่ะหากข้อความข้อต้นที่ดิฉันได้กล่าวมาได้ละเมิดหรือไม่พอใจท่าใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 561544เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2014 10:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2014 23:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อย่าไปคิดว่าเพราะโรงเรียนในเมือง หรือว่าชนบท เลย. เด็กจะดีไม่ดีอยูที่ตัวพ่อ กะแม่ เลี้ยงดู สั่งสอนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท