ความรู้สึกครั้งแรกในการเข้ามหาลัย รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ออกมาอยู่ในสังคมใหญ่ แต่ไหนได้เมื่อออกจากบ้านมาเรียนในรั้วมหาลัย ก็รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ห่างไกลจากพ่อแม่ ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ต้องกินอาหารเดิม ๆ ในทุก ๆ วัน ทั้งที่เมื่อแม่ค่อยทำกับข้าวให้กิน กินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
การมาเรียนในรั่วมหาลัยนี้ เราต้องรู้จักที่จะวางแผนในเรื่องการเงิน บริหารเงินเอง ใช้อย่างไรให้ประหยัด เพื่อพ่อแม่จะไม่ได้ทำงานหนัก ส่งเสียงานมาให้เราเรียน แต่ตอนนี้ดิฉันได้ทำงาน Part-time หารายได้เสริม เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกส่วนหนึ่ง
สมัยที่เป็น นักเรียน ม. ปลาย วันๆ ก็ได้แต่เรียนบ้าง เล่นบ้าง แทบจะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลย ดิฉันรู้สึกว่า ชีวิตมหาวิทยาลัย นั้น ไม่เหมือนกับชีวิตนักเรียนมากๆเลย กิจกรรมเยอะมาก ถึงแม้การเรียนจะเยอะและหนักขึ้นมาก แต่นั่นทำให้ดิฉันรู้จักการบริหารเวลาในชีวิตให้มากขึ้น การเรียน การทำกิจกรรม การพักผ่อน การทำ งานพิเศษ การทบทวนความรู้เพิ่มเติม สิ่งเหล่านี้ มันเพิ่มเข้ามาในชีวิตดิฉันมากเลย จนตอนนี้ ดิฉันรู้สึกว่า เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อีกไม่นานถ้าเรียนจบ ก็คงจะมีมุมมองที่เปลี่ยนไปอีกแน่ เพราะเชื่อว่า ชีวิตวัยทำงาน กับชีวิตการเรียน นั้น ก็ย่อมแตกต่างกันมาก แต่ หลาย ๆ คนเคยบอกไว้ว่า ชีวิตมหาลัยนี้มีความสุขที่สุดแล้ว
การที่พ่อแม่อยากให้เราเรียนสูง ๆ และเรียนในอาชีพคุณครูก็เพื่อที่จะให้มีการศึกษาที่ดีและมีหน้าที่การที่ดี เพราะอาชีพครูเป็นอาชีพที่ไม่ตกงาน และเป็นแม่พิมพ์ชองชาติ และยังอาชีพที่สุจริต พ่อแม่ทุก ๆ คนอยากให้ลูกทุกคนสบายจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อย เหมือนพ่อแแม่ เพราะพ่อแม่พร่ำสอนดิฉันมาโดยตลอด ถึงแม้ทุกวันนี้เราจะเรียนเหนื่อยแค่ไหนก็สู้พ่อแม่เราไม่ได้หรอก เพราะท่านเหนื่อยกว่าเราเป็นร้อยเท่าพันเท่าค่ะ ทุก ๆ วันนี้ถ้าเราไม่มีคุณพ่อ คุณแม่ ที่คอยส่งเสียเราเรียนมาจนถึงปัจจุบันนี้ เราก็ไม่ได้มายืน อยู่ ณ จุดนี้หรอกนี้แหละคือแรงบันดาลใจอันสูงสุด
สิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือการที่ได้มาเรียนในอาชีพคุณครูนี้เพื่อให้พ่อแม่ชื่นใจอิ และมีกำลังใจเมื่อเราทำความหวังที่ท่านหวังว่าเราเรียนจบแล้วจะได้มีหน้าที่การงานทำที่ดีนี้ และสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุด คือ การที่ได้เกิดมาเป็นลูกของคุณพ่อ และคุณแม่ และดิฉันก็จะนำความรู้ที่ได้จะนำไปประกอบอาชีพและนำไปใช้ ไปปฏิบัติ เพราะการเป็นครูที่ดีต้องรู้จักหน้าที่ของตนเอง มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายรวมไปถึงการมีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคง เพราะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนรุ่นหลังไว้สืบต่อ ๆ ไปได้อีกด้วยค่ะ
ในช่วงเวลานี้ดิฉันได้ใกล้จบปี 4 แล้ว เหลืออีกวันกี่วันก็จะปิดเทอม ในปี 5 ก็จะได้ออกฝึกสอนแล้ว ดิฉันก็จะทำหน้าที่ความเป็นครูให้ดีที่สุด เพื่อเป็นประสบการณ์ในการสอนในวันข้างหน้าที่เราเรียนจบ ทำงานในอาชีพครู เพื่อความใฝ่ฝันของดิฉันและพ่อแม่ในการประกอบอาชีพต่อไป
สวัสดีค่ะ คุณจริยา ปันแก้ว
ช่วงชีวิตของคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไปยังบทบาทหน้าที่ต่างๆ อยู่เสมอ
ขอบคุณมากน่ะค่ะ