“ห้วยขาแข้ง”.....ดินแดนแห่งทรัพยากรโลก
นางสาวจิราภรณ์ กาญจนสุพรรณ (น้องจิ)
นักศึกษาสาขาวัฒนธรรมศึกษา (พัฒนาชนบท)
สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล
ห้วยเอ๋ยห้วยขาแข้ง ดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ทรัพยากรธรรมชาติมีมากมาย ทั้งพันธุ์ไม้สัตว์ป่าน่าอัศจรรย์
หนาวเอ๋ยหนาวน้องหนาวหนาวจับจิต ปุยเมฆมิดยอดภูผาพาหนาวสั่น
เขาสูงใหญ่ยังร้องหนาวเฝ้าตะวัน อาบแสงจันทร์รับอุ่นไอในราตรี
เหย่อเอเหน่อ “ฉันรักเธอ” นะผืนป่า สัตว์น้อยใหญ่ได้พึ่งพาอย่าหน่ายหนี
อยู่คู่ฉันอยู่คู่โลกคู่ปฐพี สร้างแผ่นดินผืนนี้ให้อุดม
เมื่อได้ไปเยือนห้วยขาแข้งซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นมรดกโลก ก้าวแรกที่ได้เหยียบลงบนดินแดนแห่งนี้ มันมีความรู้สึกเหมือนชีวิตได้พบเจอกับสิ่งมหัศจรรย์ที่สร้างโดยธรรมชาติ สายลมที่พัดผ่านช่างฉ่ำเย็น ต้นไม้ใบหญ้าดูเขียวขจี เสียงนกร้องทักทายต้อนรับอย่างครึกครื้น ป่าแห่งนี้ช่างมีความหลากหลายทางนิเวศวิทยาเหลือเกิน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ และมีอะไรให้น่าค้นหาเรียนรู้ยิ่งนัก บางทีก็คิดไปถึงว่า “อยากจะนอนกลิ้ง ตีลังกา รับแร่ธาตุและความชุ่มชื้นจากพื้นดิน พื้นน้ำก่อนจะกลับมาสู่โลกของมลพิษ”
ว่าด้วย “ผู้พิทักษ์รักษาป่า”
( อนุสรณ์ท่านสืบ นาคะเสถียร )
คารวะท่านสืบ นาคะเสถียร พนมมือจุดธูปเทียนเวียนประสม
สร้างผลงานเชิงรุกปลุกระดม ต้านแรงลมป้องผืนป่าให้ยั่งยืน
เสียงปืนลั่นกึกก้องในท้องป่า ลมหายใจเริ่มอ่อนล้าสุดจะฝืน
สละชีพก้องพนาด้วยลูกปืน เพื่อให้ฟื้นผืนป่าค่าอนันต์
อนุสรณ์สถานสืบ นาคะเสถียร คือบทเรียนนักสู้ผู้สานฝัน
อนุรักษ์ธรรมชาติดุจชีวัน เกียรติศักดิ์ลือลั่นทั้งโลกา
สืบ นาคะเสถียร เป็นชื่อที่คุ้นหูมาตั้งแต่เด็ก ๆ มาห้วยขาแข้งครั้งนี้ นับว่าเราโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมาพบ มาสัมผัสกับวีรชนผู้พิทักษ์ป่า ยอมสละชีพของตนเองเพื่อปกป้องผืนป่าเอาไว้ ยกมือประนมพร้อมเทียนธูปอย่างตั้งใจ เพื่อคารวะดวงวิญญาณของท่านสืบ นาคะเสถียรชวนขนลุกพอง ประดุจเหมือนท่านคอยเฝ้ามองและยังคงช่วยปกป้องผืนป่าแห่งนี้อยู่ตลอดเวลา คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจเมื่อเห็นอนุสรณ์สถานของท่าน มันพุ่งเข้ามาในเส้นสมองอย่างรวดเร็วว่า “การสละชีพของท่านคุ้มค่าแล้วหรือยังกับสถานการณ์ในปัจจุบัน” ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ คงได้ลุยสู้กับว่าที่ “เขื่อนแม่วงก์” เป็นแน่!!!!
( หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง )
ผู้สานต่อเจตนาน่าปลื้มจิตวิสัยทัศน์แนวความคิดมุ่งรักษา
อนุรักษ์ฟื้นฟูด้วยวิญญาณ์ สร้างศรัทธาปฏิญาณให้แผ่นดิน
โชคดีแล้วนะพวกเธอเหล่าสัตว์ป่า ที่ได้คนคนนี้มาพ่อโฉมฉิน
เขารักเธอรักต้นไม้เท่าชีวิน ถ้าพวกเธอได้ยินคงอุ่นใจ
ปณิธานขานขับสดับจิต ลองพินิจแววตาแล้วสุกใส
จิตมุ่งมาดปรารถนารักษาไว้ ซึ่งป่าดงพงไพรให้อุดม
ท่านหัวหน้าฯประจำห้วยขาแข้ง สืบสานงานอย่างเต็มแรงและเหมาะสม
ตาหวานพลิ้มยิ้มรื่นชื่นอารมณ์ ปรบมือให้แทนคำชมอีกสักที (อิอิ)
เมื่อคารวะอนุสรณ์สถานท่านสืบ นาคะเสถียรเสร็จเรียบร้อย เราก็ได้เดินเที่ยวชมธรรมชาติ และสถานที่สละชีพของท่านสืบ ก่อนที่จะไปพบกับหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ฟังรายละเอียดและความรู้เกี่ยวกับป่าห้วยขาแข้ง ท่านหัวหน้าฯพูดได้กินใจทุกประโยค เห็นแววตาและความมุ่งมั่นของท่านที่จะอนุรักษ์ผืนป่าสืบต่อจากท่านสืบ นาคะเสถียร ก็ยิ่งพาเราคึกคักไปด้วย “ข้าน้อยขอคารวะในความตั้งใจของท่านจริงๆ”
ว่าด้วย “ป่า”
( ภาพวิวบนมออีหืด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง )
ในแถบร้อนป่าอุดมผสมผสาน ฤดูกาลผันผ่านพาสุขศรี
สังคมพืชล้วนสร้างสรรค์ปันสิ่งดี ให้พื้นที่นี้หลากหลายในสายพันธุ์
ป่าตังเร็งเอ๊ยเต็งรังก็ได้พบ ป่าดิบแล้งแห้งสยบทุกสิ่งสรร
ที่พบมากคือป่าเบญจพรรณ มีแมกไม้นานาพันธุ์ล้วนแปลกตา
ป่าดิบชื้น,ป่าดิบเขา เราก็เห็น ล้วนแล้วเป็นทรัพยากรต้องรักษา
ความอุดมให้ยืนยงคงพนา รักษาป่ารักษาไม้ให้ยืนยาว
ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พอได้ไปสัมผัสแล้วก็ชวนแข้งขาขยับเขยื้อนอยากจะเดินชมให้ถ้วนทั่ว ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความหลากหลายของสังคมพืชพันธุ์ไม้ให้เกิดมาประดับโลก ประดับแผ่นดิน และประดับจิตใจมนุษย์ ทั้งสังคมพืชดอนทรายริมลำห้วย สังคมพืชผาหิน และกลุ่มไม้สนเขา เป็นต้น เมื่อทอดสายตามองไปในระยะไกล ทิวเขาสลับซับซ้อนเขียวขจี ยิ่งพาจิตใจให้ชุ่มชื่น เพราะตลอดการเดินทางไปยังห้วยขาแข้ง มีภูเขาหลายลูกนักที่ต้องกลายเป็น “ภูเขาหัวโล้น” ชนิดที่หายามาปลูกผมนั้นยากนัก นับว่าคุ้มค่ากับการเดินทางที่ยาวไกลจนได้พบกับแหล่งมรดกโลกแห่งนี้ และสิ่งที่ลืมไม่ลงในการมาห้วยขาแข้งครั้งนี้ จนทำให้แข้งขามันแข็งแทบก้าวไม่ออกก็คือ การเดินขึ้นมออีหืด (อีหอบ) นี่แหละ ความชันมันเกินจะบรรยายเหลือเกิน แต่เมื่อขึ้นไปจุดสุดยอด(เขา) แล้วก็คุ้มค่ากับการเดินจริง ๆ วิวทิวทัศน์มันสวยงาม มองเห็นป่าเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล แล้วจะไม่ให้ฉันหลงรักเธอได้อย่างไร “ห้วยขาแข้ง”
ว่าด้วย “น้ำ”
( ลำห้วยที่ไหลผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง )
น้ำเอ๋ยน้ำในห้วย เจ้าช่างสวยไหลเย็นเป็นธารใหญ่
จากหลายแห่งไหลมารวมกลางพงไพร ดุจสายใจสายธารสายชีวี
เป็นน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงเหล่าสัตว์ป่า ได้พึ่งพาอาศัยอย่างสุขี
เป็นน้ำซับห่อหุ้มชุ่มฤดี ห้วยขาแข้งลำน้ำนี้ที่ฉ่ำเย็น
เย็นเอ๋ยเย็นเย็นเย็นเย็นยะเยือก เอานิ้วจุ่มร้องเฮือกกระโดดเต้น
สัมผัสน้ำในป่าโอ๊ยเยือกเย็น เลยได้แค่นั่งเล่นอยู่ริมธาร
น้ำ เป็นสิ่งสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตบรรดาสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เวลามองลงไปในลำน้ำไม่อาจจะห้ามใจเดินลงไปสัมผัสได้ เนื่องจากน้ำในลำห้วยมันช่างใสสะอาดนัก แต่เมื่อเอามือไปสัมผัสจริง ๆ แทบจะยกมือขึ้นไม่ทัน มันเย็นฉ่ำไปถึงกระดูก นี่แหละหนาสายน้ำกลางป่าช่างใสไหลเย็น และเห็นตัวปลาจริง ๆ เมื่อเราทนความเย็นของน้ำไม่ไหวก็ได้แต่นั่งอยู่ข้างริมธาร หลับตาสักครู่ ฟังเสียงนกตัวน้อย ๆ พูดคุยกัน จนบางทีเราก็นึกอยากจะคุยด้วย แต่มันก็จะดูเหนือธรรมชาติไปสักนิด เลยได้แต่เสียมารยาทแอบฟังนกคุยกันอย่างมีความสุข เสียงพวกเธอช่างไพเราะจริง ๆ เจ้านกเอ๋ย
ว่าด้วย “สัตว์ป่า”
( สัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง )
ห้วยขาแข้งเป็นแข้งขาบรรดาสัตว์ ไร้สงัดในสำเนียงเสียงขับขาน
ทั้งกระรอกกระเต็นเล่นชื่นบาน เจ้าเสือโคร่งยิ้มหวานกลางพงไพร
เจ้าสมเสร็จเห็นเจ้าช่างน่ารัก ผีเสื้อยักษ์ฝูงนกยูงช่างสวยใส
เจ้ากวางน้อยเลียงผามามากมาย เดินอวดโฉมใต้ไม้ใหญ่ให้ยินดี
มีลิงข้างบ่างชะนีก็เยอะนัก ทั้งนกเหงือกส่งเสียงทักพาสุขศรี
พี่ควายป่าน้องวัวแดงในแหล่งนี้ สรรพสัตว์มากมีน่าตื่นใจ
ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างพึ่งพา ในผืนป่าที่อุดมและกว้างใหญ่
หากไร้ป่าจะสูญสิ้นทุกสิ่งไป คนและสัตว์จะอยู่ได้อย่างไรกัน
ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนี้ เต็มไปด้วยบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด ที่ได้อาศัยพึ่งพิงกับป่าแห่งนี้อยู่เป็นจำนวนมาก เดินไปทางไหนก็ได้ยินแต่สัตว์ส่งเสียงร้องทักทายเป็นระยะ ๆ เหมือนป่าไม่เคยได้หลับใหล โดยเฉพาะบรรดาเจ้าฝูงกวางน้อยเดินออกมาอวดโฉมอย่างสง่างามให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ ยังมีฝูงนกยูงที่บินมาอวยพรให้เราเดินทางกลับอย่างประทับใจ เป็นความสุขที่ได้จากเพื่อนร่วมโลก ณ ป่ามรดกโลกแห่งนี้
ว่าด้วย “รื้อป่าสร้างเขื่อน”
(ภาพทรัพยากรทางธรรมชาติที่จะต้องสูญเสียเพราะการสร้างเขื่อนแม่วงก์)
อย่านะอย่าเลยอย่ารื้อป่า โปรดสงสารเมตตาอย่าฆ่าฉัน
ฟังฉันหน่อยฟังฉันบ้างอย่าฆ่ากัน ถ้ารื้อป่าแล้วฉันอยู่อย่างไร
เสียงจากสัตว์อ้อนวอนก่อนจะเกิด เขื่อนแม่วงก์กำเนิดคงร่ำไห้
ได้ประโยชน์จากการสร้างมากเพียงไร คุ้มกันไหมกับการเสียทรัพยากร
ไม่ว่าทรัพยากรธรรมชาติจะมีความสำคัญเพียงไร ก็อาจจะต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ที่คิดจะกอบโกยแต่ผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาภายหลัง การสร้างเขื่อนแม่วงก์เป็นเรื่องราวที่เผ็ดร้อนในหลายปีมานี้ กลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติ นักวิชาการ และกลุ่มชาวบ้านบางส่วนได้ออกมาคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์เนื่องจากเล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสัตว์ป่า การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่คุ้มค่า การต่อสู้เหล่านี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้านทานอำนาจแห่งเงินตราและผลประโยชน์ของบรรดาพวกผีดูดเลือดได้มากเพียงไร
จากการรับฟังข้อมูลของเขื่อนหลายแห่งในประเทศไทย คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างเขื่อนก็มีประโยชน์ไม่น้อยต่อประชาชน หากแต่จะเสนออีกหนึ่งมุมมองและตั้งคำถามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขื่อนเหล่านั้นว่า “ประโยชน์ที่ได้นั้นมันเป็นประโยชน์ที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ที่แท้จริงแล้วหรือ” เพราะหลายครั้งเหลือเกินที่ประชาชนต้องเดือดร้อนเพราะเขื่อน สังเกตจากฤดูแล้ง ประชาชนย่อมมีความต้องการที่จะใช้น้ำเพื่อดำรงชีวิต หากน้ำในเขื่อนมีปริมาณน้อยก็จะไม่สามารถปล่อยน้ำให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ยามขาดแคลนน้ำได้ เนื่องจากถ้ามีน้ำในเขื่อนน้อยผนังและสันเขื่อนอาจจะร้าวเกิดความเสียหายขึ้นได้ แล้วเขื่อนจะตอบสนองภัยแร้งได้จริงไหม? ยามหน้าฝน เป็นฤดูที่มีน้ำในปริมาณมาก เขื่อนมีหน้าที่รองรับน้ำเพื่อไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วม แต่หลายปีที่ผ่านมาหมู่บ้านหลายแห่งต้องคอยรับน้ำจากเขื่อน เนื่องจากเขื่อนไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ในจำนวนมาก หากเขื่อนกักเก็บน้ำไว้มากเกินไปเขื่อนก็จะแตก ทีนี้น้ำก็จะยิ่งท่วมเข้าไปใหญ่ ทำให้เวลาฝนตกหนักมักจะเห็นข่าวว่า เขื่อนโน้นเขื่อนนี้ต้องระบายน้ำออกเพื่อรักษาเขื่อนเอาไว้ แล้วน้ำที่ระบายไปไหนล่ะ ก็ไปท่วมหมู่บ้านใต้เขื่อนแทนนะสิ
เราคงจะปฏิเสธได้ยากว่า “การพัฒนาบางครั้งก็จะต้องแลกกับความสูญเสีย ยิ่งเป็นโครงการใหญ่ ก็ต้องแลกกับสิ่งที่ใหญ่ไม่แพ้กัน” การสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็ต้องแลกกับทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมหาศาล ประโยชน์ที่ได้จากการสร้างเขื่อนย่อมมี แต่มันจะคุ้มค่ากับผลเสียที่จะเกิดตามมาภายหลังหรือไม่ก็ไม่อาจจะคาดเดา โปรดจงคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะมีชีวิตอีกมากมายที่ต้องรับเคราะห์กรรมจากการสร้างเขื่อนแม่วงก์แห่งนี้เป็นแน่ ถ้าสัตว์ป่าพูดได้ พวกมันคงถามว่า “พวกเราผิดมากไหม ที่ใช้ผืนป่าแห่งนี้เป็นบ้านของเรา” สุดท้ายนี้อยากจะฝากวลีไว้สักประโยคว่า “หยุดทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นมรดกโลก ประดุจลมหายใจของสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินนี้กันสักที” เสียงเล็ก ๆ จากเด็กเสียงเหน่อ
ดีใจมากค่ะ ที่ผืนป่าของไทยยังอุดมสมบูรณ์
ไปอทัยธานี ชัยนาททุกปี แต่ไม่เคยแวะห้วยขาแข้ง ต้องหาโอกาสไปสักครั้งค่ะ
ท่านผู้เขียนคือ นางสาวจิราภรณ์ กาญจนสุพรรณ หรือน้องจิ นักศึกษาปริญญาโท ศิลปากรครับ เธอเป็นเด็ก active มากๆ เธอจัดจ้านในเรื่องร้องรำทำเพลงพื้นบ้าน แนว อีแซว ลำตัด เต้นกำรำเคียว ทำนองนี้ อันเนื่องมาจากเธอเป็นเด็กสุพรรณบุรี จึงเจริญรอยตามแม่ศรีประจันต์..... ใช้ได้ครับเด็กกำลังเติบโตครับ
-สวัสดีครับ..
-ตามมาเยี่ยมชมป่าห้วยขาแข้งครับ...
-ขอบคุณภาพสวย ๆ ครับ.
...ชอบกวางค่ะ...น่ารักนะคะ
น้องจิเขียนได้ดีมากเลยนะครับพี่บางทราย
ไม่ค่อยได้ไปที่นี่เลย
ใช่ครับ น้องจิเขียนได้ดี ครับ กำลังเทรนเรื่องวิชาเอกเขาด้วย เขาเรียนมาทางที่พี่มีประสบการณ์เลยออกตัวว่า ใช้พี่ให้เป็นประโยชน์นะ ยินดีจะถ่ายทอดแลกเปลี่ยนคสามเห็น ประสบการณ์กัน