ความสุขที่แท้จริงของผมคืออะไร...


หลังจากที่ผมป่วยและพักฟื้นรวม 1 เดือน ผมกลับมาทำงานด้วยความ "ไม่เหมือนเดิม" ได้ครบ 1 อาทิตย์ 

โดยอัตโนมัติของการดำเนินของโรคหรือการดำเนินชีวิตของผม...เช้านี้ผมนอนตื่นก่อน 6.00 น. สายกว่าปกติ 30 นาที อาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบเร่งและคว้าอาหารเช้าที่คุณแม่รีบตื่นขึ้นมาทำ มีนม 1 กล่อง และแซนวิสจากขนมปัง 1 คู่ใส้โบโลน่า แถมแอ๊ปเปิ้ลปอกอย่างดี 1 ลูก ดีที่ช้าได้ เพราะเป็นวันหยุดงานของแฟนมาขับรถส่งและรับจากม.มหิดล ศาลายา - บ้านรามอินทรา (บนถนนที่รถติดเป็นอันดับ 5 ของกทม.) เดิมวันอื่นๆ คุณแม่ต้องเหนื่อยมากๆ เราออกกันไม่เกิน 6.15 น. เพื่อไปถึงบ้านอาจารย์ส้มที่นนทบุรีที่ขับมาทำงานประจำและกลับมาส่งผมอีกทีที่ Big C เป็นประจำเพื่อให้คุณแม่นำกลับไปบ้านราวๆ 2 ทุ่มครึ่งถึง 3 ทุ่มทุกวันทำงาน บางวันคุณแม่ผมไม่ได้นอนเพราะต้องเฝ้าคุณยายที่ป่วยและบ่น "เบื่อชีวิตติดเตียงและรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว...แต่ชีวิตมันตายยากจริงๆ" 

กลับกันกับความคิดของผมที่ตื่นขึ้นมาทุกวันว่า "ขอให้วันนี้ทานยาเช้าและเย็นครบถ้วน อย่าได้มีอาการอัมพาตชั่วคราวฉับพลันอีกเลย เพราะถ้ามีอาการนี้ อาจไม่ฟื้นตัวได้ดีแบบที่เป็นอยู่ อาจฟื้นตัวแบบพิการ และตายยากเหมือนกัน" 

เช้าวันนี้รู้สึกไม่สดชื่น อาจเป็นเพราะเดือนธ.ค. มีงานที่ต้องส่งให้ทันก่อนปีใหม่ถึง 3 งาน พิมพ์งานหน้นคอมพิวเตอร์ได้นานสุดๆ 1 ชม.ครึ่งก็ต้องพักนอนราบเพราะมึนหัว ทำงานได้ช้าลงจริงๆ จะไม่ทำงานเหล่านี้ก็ไม่ได้ ไม่มีใครทำแทนได้ เพราะงานนี้เป็นหน้าที่ของประธานหลักสูตรกิจกรรมบำบัดซึ่งรับผิดชอบนศ.อยู่ราว 80 ชีวิต ที่่ต้องรับรองหลักสูตรให้เป็นสากล งานวิจัย และงานเขียน ส่วนการขอตำแหน่งวิชาการของตนเองก็เลื่อนไปอีกแล้ว แต่ตั้งใจว่าภายในปีหน้าให้จงได้ (สัญญาคล้ายๆปีที่แล้ว...แล้วทำก็ไม่ได้อีก)

จนต้องขอถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ 3 ครั้ง แล้วบ่นกับแฟนในรถ ดีเหลือเกินที่แฟนผมเค้าคิดบวกๆ มากๆ ทั้งๆ ที่มีปัญหาคล้ายๆ ผม

จากอารมณ์หงุดหงิดถึงชีวิตของตนเองที่เป็นภาระของผู้อื่นเหลือเกิน...ก็เข้าใจอยู่ว่า ต้องพักผ่อนเยอะๆ ออกกำลังกาย ต้องทานอาหารสุขภาพ ต้องปฏิบัติธรรม แต่ถ้าต้องทำงานทุกวันแบบนี้ แล้วนำงานไปทำที่บ้านวันหยุด และทำได้อย่างๆช้า งานหนึ่งก็อาจเป็น 2 อาทิตย์เข้าไปแล้ว และต้องมีงานอื่นๆ ระหว่างวันทำงานอีก ที่วางแผนได้และวางแผนไม่ได้ หมดแล้ว 35 ชม.ต่อสัปดาห์ แล้วเวลาให้สุขภาพเพื่อป้องกันโรคกรรมของผมอีกหละ ขอบอกตรงๆ ว่าจัดการเวลาเท่าที่ได้ ก็จะได้พักผ่อนสุดๆ 6 ชม.ต่อวันพอไหว ออกกำลังกายก็เบาๆ เพราะยังมีความดันอยู่ก็ได้บ้าง 15 นาทีวันอาทิตย์ และถ้าทานอาหารสุขภาพคงต้องจ่ายตังค์ให้คุณแม่ซื้อและทำให้ได้สบายๆในวันหยุด ส่วนปฏิบัติธรรมก็ทำได้ดีจริงๆ คือก่อนนอนวันหยุดแค่ 15 นาที เอะ พอมานั่งคิดนิ่งๆ ก็เกิดปัญญาว่า "ทำได้ จัดสรรเวลาได้ครับ" ส่วนที่กังวลแลเครียดเพราะ "ความเกรงใจในตัวเราในฐานะผู้รับ...ต่อความตั้งใจดีของผู้อื่นในฐานะผู้ให้" 

ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อเขียนบันทึุกไปด้วยและไตร่ตรองไปด้วย ผมเกือบสบายใจแล้ว เลยตั้งคำถามให้ตัวเองว่า "เมื่อเราทำวันนี้ให้สบายใจและดีที่สุดแล้ว...ทนทำงานไปเบื่อไปให้ได้เงินมาเพื่อผ่อนชำระหนี้บ้าน-รถด้วยเวลานานๆ หรือหางานทำที่บ้านไม่ต้องเดินทางไกล แล้วจะทำงานอะไร เขียนหนังสือก็ขายไม่ได้ดี เป็นอาจารย์มานานแล้วจะทำงานอื่นๆ อะไร ดันเป็นนักกิจกรรมบำบัดจิตสังคม...เฉพาะทางเกินไปใครก็ไม่ค่อยรู้จักและต้องใช้พลังเยอะมากในการให้บริการผู้ป่วยขณะที่ตัวเองก็ป่วย ถ้าไม่ทำงานจะมีเงินมาผ่อนชำระหนี้ข้างต้น ถ้าวันหนึ่งเกิดอัมพาตจนพิการ...ใครจะมาชำระหนึ้แทนเราแล้วต้องเลี้ยงดูเราอีก คิดวนไปมาอีกแล้ว เข้าใจแล้วว่า วงจรความเครียดภายในที่ทำให้ผมป่วยเป็นแบบนี้นี่เอง ผมลอง "หยุดคิด" แล้วทบทวนตนเองใหม่โดยตั้งคำถามสั้นๆว่า "ความสุขที่แท้จริงของผมคืออะไร..."

ผมลองสืบค้นมากมาย ก็พบว่า ความสุข (Happiness) คือ สภาวะที่ดี (Well-being) มีความหลากหลายทางอารมณ์ตามกระบวนการของร่างกาย จิตใจ และสังคม คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่วิกีพิเดีย (ภาษาอังกฤษ)   

ดังนั้น "อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะนิยามสภาวะที่ดีด้วยนามธรรม (Subjective Well-being) หรือรูปธรรมม (Objective Well-being)"

ตัวอย่างนามธรรมของดร.ป๊อป เช่น ความสุขของผมคือ การทำความดีตราบจนลมหายใจสุดท้าย แม้ว่าจะอัมพาตอีกจนพิการหรือไม่พิการ

ตัวอย่างรูปธรรมของดร.ป๊อป เช่น ความสุขของผมคือ การออกกำลังกายให้มีร่างกายที่แข็งแรงและขับรถได้เร็ววัน จะได้ไม่เป็นภาระของคุณแม่ และทำงานใช้ทุนให้ร่างกายทรมานน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากดูแลร่างกายดีแล้วแต่เกิดอัมพาตซ้ำๆ ก็ประเมินตนเองว่าจะทำงานได้อย่างไร ต้องเปลี่ยนงาน หรือต้องเป็นภาระให้คุณแม่เลี้ยงดูจนลมหายใจสุดท้าย

นอกจากนี้เราทุกท่านจะเห็นความสุขในหลายรูปแบบในเชิงจิตวิทยาการเรียนรู้ ยกตัวอย่าง

1. คลิปของ Martin Seligman ที่เขียนหนังสือความสุขดีมากและได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ไว้ได้น่าสนใจมาก 

2. 15 เทคนิคในการสร้างความสุข คลิกที่นี่

3. สุขกายสบายใจเราสร้างได้ของดร.ป๊อป

จากตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงความรู้ที่ชวนให้เราคิดทบทวนและฝึกปฏิบัติ แต่เราควรนำมาวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อสุขภาวะทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ทั้งนามธรรมและรูปธรรมในระยะสั้น (5-10 ปีของช่วงชีวิต) กับในระยะยาว (มากกว่า 10 ปีถึงตลอดชีวิต) 

 

หมายเลขบันทึก: 556144เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2013 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2013 14:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

.... "ความสุขที่แท้จริงของผมคืออะไร..."พบว่า ความสุข (Happiness) คือ สภาวะที่ดี (Well-being) .... ใช่แล้วค่ะ .... ความสุขที่แท้จริง คือ สุภาวะที่ดี + สุขภาพที่ดี (รวมทั้ง สุขภาพกาย...รวมสุขภาพจิต+ใจ ด้วยนะคะ) .... ส่งกำลังใจมาช่วยนะคะ .... บ้างครั้งP'Ple ก็เป็นเช่นกันค่ะ .... แต่โชคดีที่เป็นแค่...สุขภาพจิต + ใจ .... ซึ่งต้องแก้ไขที่จิตใจ ... เมื่อแล้วเข้าใจ ...ถึงตัวตนของตนเองค่ะ .... เราต้องเปลี่ยนที่ตัวเรา(ตัวP'Ple) ...เปลี่ยนคนอื่นๆๆ เปลี่ยนอยากๆๆๆๆๆๆ ค่ะ ....เข้มแข็ง+แข็งแรงเร็วๆ นะคะ

ขอบคุณค่ะ Dr..Pop

ขอบคุณมากๆครับอ.แอน และพี่ดร.เปิ้น สำหรับกำลังใจที่ดีมากๆครับผม

ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจจากคุณจัตุเศรษฐธรรมและคุณสายชล

ส่วนที่กังวลแลเครียดเพราะ "ความเกรงใจในตัวเราในฐานะผู้รับ...ต่อความตั้งใจดีของผู้อื่นในฐานะผู้ให้"

เมื่อดร.ป๊อปก็ทราบแล้วว่า ผู้ให้มีความตั้งใจดีที่จะทำให้ดร.ป๊อป (ผู้รับ)

ก็ไม่น่าเก็บมากังวลใจนะคะ เพราะผู้ให้จะรู้สึกแย่ที่เป็นสาเหตุให้ดร. ป๊อปไม่สบายใจ

ทุกคนที่เป็นผู้ให้ คงรักและอยากให้พี่หายเร็วไว ที่ทำเพราะตั้งใจทำ ไม่ใช่ทำให้พี่ต้องมาเกรงใจ

หนูเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ

สวัสดีเจ้าค่ะ..คุณ..ดร.ป้อป....ยายธี..คิดว่า..เข้าใจความรู้สึกของ คุณได้ดี...และคนข้างๆคุณด้วย...เพราะเมื่อสามปีที่แล้วมา..ต้องทำใจให้ได้..กับกายสูญเสีย..คนข้างกายข้างใจไป...หลังจากที่เขาต่อสู้..และ..ผ่านสภาวะ..อัมพาตครึ่งซีกไปได้อย่างหวุดหวิด...(เขาก็เป็นหมอ..เหมือนกัน.เขาเรา..ต้องทำงาน..ส่งบ้าน..ส่งรถค่าอะไรต่อมิอะไร..จิปาถะ.แถม..ต้องสู้กับ..ความหนาวเย็น..ไม่เปิด..เครื่องทำความร้อนไม่ได้...)..ยายธี..อยู่เป็นกำลังใจให้เขาตลอดมา..เกือบยี่สิบปี..แต่สุดท้าย..เส้นเลือดใหญ่.ที่ไปเลี้ยงสมอง.ทั้งสองเส้น..ตีบ..เส้นแรกทำ บายพลาส..

"ทุกอย่างอยู่ที่ใจ"..เจ้าค่ะ...ความสุข..เข้าถึงได้..เมื่อ..วาง..ว่าง..ได้..ความสงบที่ได้จาก..การ..ปฏิบัติ..จะ..ส่งผล..ให้..ใจ..สบาย..คลาย..ทุกข์..คลายกังวล...การหัด..หายใจ..ลึกๆ..ยาวๆ..(หายใจทางเท้า..กุศโลบาย..ของท่านอดีต..คเวสโกนั้น..ดีมากๆ..เจ้าค่ะ)...ทุกข์เพราะคิดผิด..พลิกนิดเดียว...เป็นต้น..

ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ขออย่ากังวลใดๆ เฉยๆกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต อยู่กับปัจจุบัน อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิด พี่จะใช้วิธีดูการหายใจของตัวเองว่า หายใจหรือหายใจออก ก็ดีนะคะ

โห .... อาจารย์ยังมี "ความสุข" ในการเขียนนะคะเนี่ย เขียนได้ตั้งยาวนะคะ สบาย ๆ ค่ะ ^_,^

ขอบคุณมากๆครับในทุกกลยุทธ์และข้อคิดเห็นที่ให้กำลังใจผมได้ดีมากครับ ขอบคุณคุณกล้วยไข่ คุณ sonortaw พี่หมอธิรัมภา คุณยายธี พี่โอ๋ คุณจัตุเศรษฐธรรม คุณ tuknarak คุณบุษยมาศ น้องหมอเจี๊ยบ คุณธีระวุฒิ คุณสุภรัตน์ และคุณสายชล

-สวัสดีครับอาจารย์..

-ตามาให้กำลังใจครับ..

-ขอบคุณสำหรับกิจกรรมแห่ง"ความสุข"นะครับ..

ขอบคุณและยินดีด้วยอย่างยิ่งครับคุณเพชรน้ำหนึ่ง

ขอบคุณมากๆ ที่เขียนบทความนี้ให้อ่าน อ่านแล้วได้พลังไปด้วย ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงนะคะ

ดีใจที่หายดี ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ

A sound mind is in a sound body ค่ะ ;)

เรียน อ.ป๊อบ ค่ะ

สำหรับพี่ การพยายามไม่นำความทุกข์ใส่ตนเอง ไม่ว่าจะด้วยความคิดฟุ้งซ่านไปเอง หรือเสียงจากความคิดผู้อื่นที่กระตุ้นให้ทุกข์... เท่านี้ ก็สงบ และสุขได้แล้วค่ะ

มันมา... แล้วมันก็ไป... ค่ะ

ขอให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และสดชื่นในทุกวันนะคะ

cheer!

ขอบคุณมากๆครับสำหรับคำแนะนำที่ทำให้จิตผมสงบได้จากคุณกฤษณา และคำอวยพรดีๆจากคุณหยั่งราก ฝากใบ และคุณพิทยา

สู้ๆนะคะอาจารย์ป็อป หนูและเพื่อนๆเป็นกำลังใจให้อาจารย์เสมอนะคะ

และจะนำข้อคิดของอาจารย์ไปปรับใช้ค่ะ ^^

โดยการค้นหาความสุขของตนเองให้เจอ แล้วทำสิ่งนั้นโดยแรงจูงใจความสุข และไม่ได้มัวแต่คิดถึงเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเราแต่คิดถึงการที่จะมีความสุขได้ในวันต่อไป

อาจารย์ป๊อปสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :)

เห็นทุกข์..เห็นธรรม..นำใจเป็นสุข...ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

สู้ๆนะคะอาจารย์ หนูไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน แต่ทุกครั้งที่อ่านบล็อคอาจารย์ก็ประทับใจทุกครั้ง

แต่บล็อคนี้มันตรงกับชีวิตหนูจริงๆคะ กับความเครียด ความกังวลแล้วบอกตัวเองว่า

"หยุดคิด" แล้วทบทวนตนเองใหม่โดยตั้งคำถามสั้นๆว่า "ความสุขที่แท้จริงคืออะไร..."

หวังว่าเบลจะวางกลยุทธได้อย่างอาจารย์บ้างนะคะ

วรัญญา โสดาภักดิ์

พอได้อ่านเรื่องของอาจารย์ มันทำให้หนูมองย้อนที่จะคิดไปทำอะไรดีๆสักอย่างเพื่องคนที่เรารัก ที่เค้าอยู่ข้างๆหนูมาตลอด ถึงแม่วันนี้จะขาดพ่อแต่หนูก็ยังเหลือแม่ที่ต้องดูแล สุ้ๆนะคะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท