วันพ่อปีนี้ (5 ธันวาคม 2556) ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันในวันเดียวกัน
เริ่มตั้งแต่ ตื่นนอนแต่เช้า ตักบาตรพระคุณเจ้าพระอาจารย์วิสุทธิ วิสุทธิจารี เจ้าอาวาสวัดศานติ-ไมตรี ที่ท่านได้ขับรถมาโปรดโยมแม่และพ่อ ที่ได้นิมนต์พระอาจารย์เอาไว้ทุกเช้า
..
..
ปีนี้พระอาจารย์ อายุ 70 กว่าปีแล้ว สุขภาพของพระอาจารย์ไม่สู้ดีนัก ไม่สามารถเดินเท้าด้วยระยะทางไกล ๆ ได้เนื่องด้วยระยะทางจากบ้านแม่และบ้านข้าพเจ้าอยู่ห่างจากวัด หากเดินทางไปกลับแล้วร่วม 10 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทางเดียวที่พระอาจารย์จะมาโปรดโยมแม่และโยมพ่อของข้าพเจ้าได้ ก็คือการนั่งรถมารับบิณฑบาตรจากญาติโยมภายในหมู่บ้าน
วัดศานติ-ไมตรีนี้ เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม สายสวนโมกข์ฯ ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่พระอาจารย์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพุทธทาสนั่นเอง
อีกประการหนึ่ง...ตัวข้าพเจ้าเองก็ยังอดน้อยใจตัวเองไม่ได้...ที่ไม่มีโอกาสได้รับใช้พระอาจารย์บ้าง ทุกครั้งที่เห็นพระอาจารย์ขับรถออกมารับบาตรญาติโยม โดยไม่มีศิษย์คนใดคอยเป็นธุระขับรถให้ ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้ามีบ้านอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ห่างไกลจากวัดมากนัก
ด้วยเหตุเพราะ...ตัวข้าพเจ้าเองก็มีภารกิจในครอบครัวที่ต้องทำในแต่ละวันมากเกินว่าจะรับภาระขับรถให้พระอาจารย์ได้ ...ใจหนึ่งคิดว่า...อะไรก็ตามหากทำไปแล้วเกิดทุกข์ แทนที่จะได้บุญกลับพาลเป็นบาปไปเสียดื้อ ๆ เพราะเมื่อสิ่งที่คิดและอยากทำมันฝืนกำลังที่ตัวเองมีอยู่ ....เมื่อข้าพเจ้าปล่อยวางความรู้สึกนี้ไปได้...ใจก็พลอยปลอดโปร่งโล่งสบายตามไปด้วย สิ่งที่คิดทำต่อไปก็คือ... พยายามหาเวลาทำบุญตักบาตรในทุก ๆ เช้าที่ตัวเองและครอบครัวสามารถทำได้ ....และนี่ก็คือความสุขทางใจประการหนึ่งที่เพิ่มผ่านเข้ามาในชีวิตของทุก ๆ เช้าที่ได้ตื่นลืมตา ขึ้นมามองดูโลก…คนที่ข้าพเจ้าเห็นความสุขจากแววตาของเค้ามากที่สุดหาใช่ใครไม่....ก็คือตัวลูกสาวข้าพเจ้านั่นเอง ที่ชอบใส่บาตรพระโดยไม่รู้สึกเก้อเขินเหนียมอายเหมือนก่อน รู้จักไหว้พระ รู้จักถอดรองเท้าก่อนใส่บาตรพระ รู้จักช่วยแม่กับพ่อเตรียมข้าวปลาอาหารที่จะนำมาใส่บาตรโดยไม่อิดออด และตื่นนอนตอนเช้าแทบทุกวัน ไม่เว้น....แม้กระทั่งวันหยุดของโรงเรียน
วันพ่อปีนี้ไม่มีลูกชายอยู่ด้วย แม้ว่าว่าครอบครัวจะขาดบางสิ่งบางอย่างในชีวิตไป แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ? เพราะนี่คือการฝึกใจของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ กับบททดสอบของการเติบโตในชีวิตลูก ที่พ่อและแม่ต้องยอมรับเข้าใจและทำใจให้ได้
..
พอสายหน่อย ข้าพเจ้านั่งเช็ดรูปที่นำไปอัดกรอบให้พ่อรูปนี้
..
..
เพราะรู้ว่า...พ่อชอบ และพ่ออยากเห็นลูกใส่ชุดข้าราชการ เครื่องแบบที่พ่อชอบพูดอวดเพื่อนบ้านของพ่อเสมอว่า...”ลูกกูทำงานรับใช้แผ่นดิน” พ่อจะพูดไปยิ้มไปเสมอ หากข้าพเจ้าได้เห็นและได้ยินพ่อพูด....... ภาพถ่ายใบนี้ข้าพเจ้าได้ถ่ายคู่กับพ่อพร้อมกับคู่ชีวิต เมื่อคราวไปร่วมในงานทอดกฐินพระราชทานของวัดศานติ-ไมตรี ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
คนถ่ายรูปก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ลูกสาวของข้าพเจ้านั่นเอง
ข้าพเจ้านำรูปนี้ไปอัดกรอบที่ร้านทำกรอบรูปในตลาด ...ก่อนวันพ่อเพียงหนึ่งวัน พร้อมกับเขียนข้อความบนรูปนี้ว่า....”รักพ่อ” นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่ข้าพเจ้าเขียนคำว่า… รักพ่อ….ให้ใครต่อใครได้เห็น มันเป็นสิ่งแทนความรู้สึกจากใจของคนที่เป็นลูกของพ่อทุกคนบนโลกใบนี้ ที่บางครั้งอยากทำแต่ไม่กล้า อยากทำแต่เขิน หรืออยากทำแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
..
..
ข้าพเจ้าก้มกราบพ่อ...ขอให้พ่อมีชีวิตยืนยาวอยู่กับลูก ๆ ไปนาน ๆ....... ปีนี้พ่อ 85 ปีแล้ว ไม่ต้องทำงานให้มันหนักเหมือนก่อน เข้าสวนได้ ยกจอบได้ตามกำลังที่มีอยู่ หากรู้ตัวว่ามันเหนื่อย ไม่ไหว ก็ให้ เข้าบ้าน นอนดูทีวี กินข้าว ทำสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พ่ออยากทำ หรือเขียนอะไรก็ได้นะที่พ่ออยากเขียน ในสมุดบันทึกที่ข้าพเจ้ามอบให้พ่อไว้เขียนอะไรเล่นๆ หลายปีมาแล้ว(ซึ่งข้าพเจ้าแอบเห็นว่า...พ่อยังใช้มันอยู่)
ปีนี้ ลูกๆ ของพ่อ ทยอยกันมา(จะขาดก็ เพียงพี่สาวคนโตที่เจ็บออดๆ แอดๆอยู่บ้านที่ตลาดกับพี่ชายคนโตที่อยู่ชุมพร)ข้าพเจ้าเจอน้องชายศิลปินภาพเหมือนและน้องสาว 2 คน ที่มาอยู่กับพ่อและแม่ก่อนที่น้องชายจะเดินทางกลับต่างจังหวัดไปตอนเช้าเนื่องจากมีงานวาดภาพที่มีลูกค้าต่างชาติมาตามอยู่หลายชิ้น ต้องรีบส่งให้ทัน
..
..
ก่อนเที่ยงข้าพเจ้ากับครอบครัว ได้เฝ้ามองพิธีมหามงคลวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพ่อหลวง ในโอกาสที่พระองค์ท่านมีพระชนม์พรรษา 86 พรรษา ผ่านทางจอทีวี ...ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นพระองค์ท่านผ่านจอทีวี หลังจากที่ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพระองค์ท่านนานแล้ว
ข้าพเจ้าเห็นพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ต่างร้องคำถวายพระพรพระองค์ท่าน “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสองฟากฝั่งถนน ข้าพเจ้าเห็นรอยยิ้มของพระองค์ท่านผ่านกระจกรถยนต์พระที่นั่งที่พระองค์ท่านทรงประทับนั่งมา....เป็นรอยยิ้มที่ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความสงบเย็นจากภายในใจของพระองค์ เป็นรอยยิ้มที่รู้สึกถึงความสุขที่ข้าพเจ้าได้รับอยากน่าอัศจรรย์ใจ
..
รอยยิ้มของพ่อหลวง...พ่อของแผ่นดิน...ภาพรอยยิ้มที่ข้าพเจ้าได้เห็นนี้วันนี้....ข้าพเจ้าจะเก็บไว้ในใจของข้าพเจ้า
และภาพแห่งความทรงจำนี้....จะตราตรึงหัวใจของข้าพเจ้าไปชั่วชีวิตของข้าพเจ้าเลยทีเดียว
..
วันพ่อปีนี้....ปักษ์ใต้มีฝนหนัก ช่วงบ่ายจนกระทั่งเย็น พายุฝนได้เทลงมาอยู่หลายชั่วโมง สวนยางหลังบ้านเจิ่งไปด้วยน้ำ
บ่อปลาที่มีปลาค้างบ่ออยู่หลายร้อยตัว....ปริ่มน้ำ ข้าพเจ้ายืนมองดูแล้ว ก็อดใจหายไม่ได้... แต่ก็ปล่อยวางนะ หากน้ำมามากจนล้นบ่อ ปลาที่หลุดออกไป ก็ถือว่ามันเป็นไปโดยธรรมชาติ ออกจากบ่อมันก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ตามธรรมชาติเช่นกัน ..
ข้าพเจ้าคิดต่อว่า..อีกหน่อยปลาที่เคยเลี้ยงไว้ก็จะยังคงเลี้ยงต่อไป แต่มิใช่เลี้ยงเพื่อการพานิชย์เป็นกิจจลักษณะเหมือนแต่ก่อน สวนที่เราอยู่จะได้มองมีชีวิตชีวา เข้าสวนได้เห็นนก เห็นปลา เห็นกบ เห็นเขียด หรือแม้กระทั่งกระรอก กระแตที่วิ่งผ่านกิ่งยางไปมา
...ไม่รู้นะ....แต่ส่วนตัวแล้ว... ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความสุขที่บั้นปลายในชีวิตของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง
..
..
คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุขเป็นพิเศษอีกวันหนึ่งที่ได้เห้นสิ่งสวยงามของชีวิต และได้เห็นความช่างคิดของลูกสาวก่อนเข้านอน ถึงแม้นว่าวันนี้จะไม่มีพี่ชายคอยเล่นด้วยเหมือนก่อน ข้าพเจ้าก็สามารถเป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวได้โดยปริยาย
..
หลังลูกสาวอาบน้ำเสร็จ
ข้าพเจ้าอดแปลกใจไม่ได้ว่า...วันนี้ทำไมลูกสาวโป๊ะแป้งขาวทั้งตัวเป็นพิเศษวิ่งออกมาจากห้องน้ำสักพักเธอก็เอาของเล่นที่ซื้อมาวันนี้มานั่งแกะ ประกอบเข้าหากัน
..
ข้าพเจ้านั่งดูทีวีอยู่ ก็ยังไม่ได้แอ๊ะใจว่า....ทำไมลูกสาวต้องปิดไฟด้วย
และข้าพเจ้าก็เห็นสิ่งนี้
..
..
หลอดไฟเรืองแสง ที่ลูกนั่งเคาะ นั่งบิดอยู่เป็นนาน ถูกติดอยู่บนอกเสื้อของลูก และหน้ากากเรืองแสงอันนั้นถูกจับใส่ไว้บนใบหน้าของลูกแล้ว ........ลูกสาวแลบลิ้น ปลิ้นตา และพยายามสื่อสารส่งสัญญานทางกายบอกกับพ่อว่า....พ่อเห็นอะไรในตัวลูกมั้ย !!
..
แม่น้องดวงใจ หัวเราะ!!!! ก๊าก...ก๊าก...ส่งเสียงเชียร์ให้ลูกสาวแสดงท่าทางแปลก ๆ อวดพ่อมากมาย
..
..
ข้าพเจ้าเห็นความสุขในตัวของลูก ที่ลูกอยากสื่อให้ พ่อ ได้ รับรู้....
..
..
บอกตรง ๆ ครับว่า....วันนี้ ความสุขที่ข้าพเจ้ารับรู้ได้นั้น เป็นความสุขง่ายๆในชีวิตของคนเรา.. ที่ไม่ว่าใครก็ตาม....สามารถไขว่คว้าสิ่งนี้มาไว้กับตัวได้
มันง่าย...จนข้าพเจ้า รับรู้ได้ว่า....ความสุขที่มาจากหัวใจนั้น...เป็นเช่นไร?
ขอบคุณอาจารย์ไอดินฯมากนะครับ
หวังไว้ว่า อาจารย์คงสบายดี
ด้วยความระลึกถึงนะครับ
อ่านด้วยความาบซึ้งใจ กับคุณพ่อที่อบรมบ่มเพาะคุณความดีให้กับลูก ไม่ใช่ด้วยการสอนสั่งด้วยวาจา แต่เป็นการพาลูกประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน (การทำบุญตักบาตร) และการแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่างให้ลูกได้ซึมซับไปทีละเล็กละน้อย (ความกตัญญู) จนกลายเป็นค่านิยมในจิตใจ
เป็นความสุขที่เรียบง่ายและยั่งยืนนะครับ
ได้อยู่กับธรรมชาติ
ได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก
น้องดวงใจก็โตขึ้นมากเลย
ขอบคุณบันทึกดีๆเรื่องพ่อและครอบครัวที่อบอุ่นครับ
-สวัสดีครับ..
-อ่านบันทึกนี้ด้วยความปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งครับ
-ถือว่าการเขียนคำว่า -ขอบคุณบันทึกที่ทำให้ผมได้ระลึกถึงพระคุณพ่ออีกครั้งหนึ่งครับ..
อ่านแล้วอิ่มเอิบใจในความรักของครอบครัว
ขอให้มีความสุขตลอดไปนะครับ
ทุกบันทัด..ทุกภาพถ่าย...สะท้อนความสุขอบอุ่นของครอบครัวตัวอย่างนี้ ชื่นชมค่ะ
....ภาพแห่งความสุข ... ทั้งครอบครัวนะคะ .... ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ
ท่าทางมีความสุขทั้งครอบครัว
อิ อิ ขำน้องดวงใจที่ซู้ดเลย
คุณพ่อรุ่นลูก กับคุณลูกรุ่นหลานสินะ ดูอบอุ่นดีจ้ะ
สิ่งเหล่านี้ เป็นการทำดีให้ลูกเห็น และจะถูกบันทึกลงในความทรงจำของลูก นี่แหละแสงแห่งความดีค่ะ
รำลึกถึงพระคุณพ่อนะคะ...ครอบครัวอบอุ่น...สุขสันต์วันพ่อค่ะ
คิดถึงน้องดวงใจค่ะ ฝากบอกด้วยค่ะ ครูหญิงก็คิดถึง
พระอาจารย์วัดศานติไมตรีใจดีมากๆค่ะ พบเห็นท่านครั้งใดก็เป็นสุขใจทุกครั้ง ท่านรักทุกคน จำใครๆได้แม่นยำ เมื่อครั้งวันทอดกฐิน คณะครูอนุบาลบ้านยูงทองรวบรวมปัจจัยไปร่วม พอส่งซองให้ ท่านถามว่า ผอ.เป็นคริสต์ไม่ใช่หรือ ตอบท่านว่า ค่ะ คณะครูร่วมปัจจัยและเป็นตัวแทนมาค่ะ ซึ้งใจที่ท่านจำรายละเอียดของคนในชุมชนได้อย่างเยี่ยม
เวลาท่านผ่านอนุบาลบ้านยูงทอง ในช่วงจังหวะครูเสาว์กำลังจะข้ามถนน ท่านทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่านมีไมตรีจิตจริงๆ ขอสนับสนุนค่ะ