"การคัดค้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม"
กลายเป็นประเด็นการเมืองของคนทั้งชาติในช่วงนี้
นอกจากสื่อมวลชนดั้งเดิมที่เป็นผู้เผยแพร่ข่าวสารในเรื่องนี้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือ โทรทัศน์
Social Network เป็นตัวเร่งเร้าให้เกิดกระแสเหมือนไฟลามทุ่ง
แน่นอนว่า มีทั้งข้อเท็จจริง และข้อเท็จที่ไม่จริง
ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของผู้เผยแพร่ว่า มีความคิดเห็นไปในทิศทางใด
หากหัวใจของผู้รับสารมีวิจารณญาณที่ดีงาม ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จนเกินสมควร ย่อมทำให้สามารถวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเกิดได้อย่างชัดเจน
เกมการเมืองเป็นเรื่องของ "ความฉับไว" ในการตัดสินใจเดินเกม
ต่อ "ผล" ที่ฝ่ายของตัวเองต้องการว่า จะให้ผลมันออกมาอย่างไร
ผมไม่บริโภคข่าวสารทุกวัน บางทีก็ได้ยินบ้าง บางทีก็ได้อ่านบ้าง
เลือกเฉพาะแก่นสำคัญแห่งความเปลี่ยนแปลงที่เงยมามองดู
ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนทั้งสิ้น อยู่ฝ่าย "รักในหลวง" เท่านั้น
กระแสการคัดค้านพระราชบัญญัติดังกล่าว
ถือเป็นวิจารณญาณส่วนตัวของแต่ละคน
ว่า คัดค้านเนื่องมาจากสาเหตุใด
เพื่อนบางคน ... ไปเป่านกหวีดอยู่สีลมแล้ว
เพื่อนบางคน ... ร่วมลงชื่อคัดค้านเรียบร้อย
เพื่อนบางคน ... ประกาศตัวผ่านโลก Social Network
หรือแม้กระทั่ง "ร้านไข่เจียว หน้ามอ"
ที่ผมมองเห็นจากเหตุการณ์เหล่านี้ ...
* ฝ่ายรัฐบาลถือเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
และคิดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ถือหางอยู่
ฝ่ายค้านก็เสียงน้อย สู้ไม่ได้ ค้านนอก ค้านใน
ก็ทำอะไรไม่ได้ เรียกว่า คนมันได้ใจ
ดังนั้น ดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าเสียเลย
ยังก็ต้องผ่านอยู่ ตี ๓ ตี ๔ ก็เอา
แต่ีที่ไหนได้ ความไม่ชอบมาพากล
เจตนาที่แอบแฝง ความสงสัยของประชาชน
คนที่ไม่ใช่ฝ่ายค้าน กลับส่งเสียงดังกลบ
ความได้ใจ กลายเป็น ความปรามาสและประมาท
คนไทยที่เขาไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าถือดีว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น
เมื่อถึงเวลาเข้าสักวัน ความประมาทจะฆ่าตัวเองตายเอง
* "พลังเงียบ" มาจากไหนกันมากมาย
ไม่เคยเห็นสถาบันการศึกษาไทยออกมามากขนาดนี้
นับตั้งแต่เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม และ ๖ ตุลาคม
นี่เป็นครั้งแรกในช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้เห็น
ถือว่า "ปัญญาชน" เริ่มทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่สังคมแล้ว
องค์กรอิสระ ทุกภาคส่วน กลุ่มคนเล็ก ๆ รวมตัวกัน
แสดงเจตนาคัดค้าน ประสานงานกันเป็นเครือข่าย
คล้ายกับการยิงรังสีปรมาณูในหนัง Startrek
ลามไปหมดทั้งประเทศแล้ว
เป่านกหวีด เดินขบวนรณรงค์
ใช้ Social Network
* ประเด็นหลัก ๆ ในการคัดค้านที่น่าสนใจ คือ
มันเป็นการทำลายระบบคุณธรรมจริยธรรมของประเทศนี้
แล้วสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นว่า ...
หากคุณโกงชาติบ้านเมืองได้แล้วนั้น
คุณก็เอาเงินไปซื้อคนที่เขาจะช่วยคุณสิ
แค่นี้ คุณก็ไม่ผิดแล้วไง ไม่ต้องโดนลงโทษด้วย
เพราะ "เงิน คือ อำนาจ" ซื้ออะไรก็ได้
แล้วเราจะไปสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนมองเห็น ...
* ทุกคนใช้วิจารณญาณจึงดีที่สุด
นิยม "ประชาธิปไตย" ได้ แต่ไม่ควรนิยม "ความรุนแรง"
ผมเห็นผู้นำกลุ่มคนที่คัดค้านบางคน
ให้สัมภาษณ์ในเชิงยั่วยุให้คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง
ใครไม่เห็นด้วย พวกเราจะต้องจัดการมัน แบบนี้
แล้วก็ให้เปลี่ยนจากการคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม
มาเป็นการขับไล่รัฐบาลแทน
เจตนาที่ชุมนุมกันก็เพื่อ ............. ???
* ฝ่ายรัฐบาล พลิกเกมเร็วมาก
เห็นว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้น ประชาชนเกือบทั้งประเทศ
เขาไม่เห็นด้วย ก็เร่ง ๆ ๆ ๆ ถอนออก
ไม่กดดันวุฒิสภา แล้วมาให้คำสัญญาว่า
จะไม่นำเข้าไปเสนออีก
เออคือว่า "นักการเมือง" คนไหนบ้างที่รักษาคำัสัตย์
ที่ให้ไว้กับประชาชนบ้างน้า
เชื่อได้มากน้อยแค่ไหน
อันนี้คือประเด็น ...
* ส่วนฝ่ายค้าน เห็นฝ่ายรัฐบาลถอย
กำลังจะคิดเข้าตีต่อไปเพื่อให้แตกดับ
ไหน ๆ ได้ที ก็ต้อง "ตีเหล็กตอนร้อน"
นี่แหละ ...
ผมไม่แน่ใจว่า เป็นเรื่องสมควรทำเช่นนั้น
หรือมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านโดยตรง
เกรงว่า บ้านเมืองมันจะวุ่นวายมากกว่านี้
ประชาชนคงไม่ได้สนับสนุนฝ่ายค้่านทั้งหมด
แต่ประชาชนคงเห็นว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
มันไม่ไหวจริง ๆ ... รับไม่ได้ เขาจึงออกมาแสดงสิทธิ์
ระยะเวลาที่กำลังจะเดินทางไปถึงนี้ ...
ก็ต้องมองดูกันต่อไป
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
พวกเราในฐานะคนไทยที่มีสิทธิแห่งความเป็นพลเมืองไทย
ทุกคนสามารถสิทธิได้ในกรอบของกฎหมายที่เปิดไว้ให้
หากทำอะไรเกินเลย ก็ต้องใช้วิจารณญาณของตัวเองดู
คิดได้รอบคอบ อย่าใช้อารมณ์ หรือหูฟังแต่ผู้นำกลุ่ม
บ้านเมืองจะอยู่รอด สงบสุข ก็ล่มสลาย ก็อยู่ "สติปัญญา"
เราเองนี่แหละ
ตาดู หูฟัง และพิจารณาให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจทำอะไร
"ประชาชน" ไม่เคยได้ประโยชน์เท่ากับ "นักการเมือง"
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งนั้น ...
ไม่ยินดีต้อนรับผู้ที่มีหัวรุนแรงนะครับ ...
บุญรักษา ประเทศชาติครับ ;)...
...รู้สิทธิและหน้าที่...เคารพกฎกติกามารยาท และกฎหมาย...ไม่ใช้ความรุนแรงนะคะอาจารย์
กิน..อะไร..เสพ..อะไร....มันก็แสดง..ผล..ออกมา..เป็นอย่างนั้น..."กิน..ของเน่า..ร่างกายปรับไม่ไหว..ก็ตายเร็วหน่อย.."...จะรู้ไหมเนี่ย..
ทำดีได้ดี....ทำชั่วได้ชั่ว....... แม่น้ำบ่เกยไหลปิ้นขึ้นดอย
ไม่ได้แดง .. ไม่ได้เหลือง .. แต่เป็นขาว แดง น้ำเงิน ค่ะ (n__n)
ความ "ชอบธรรม" คงไม่เหลือ หากสิ่งที่ทำ .. เพื่อประโยชน์ของบางใคร ทำไปโดยไม่คำนึงถึง "ความถูกต้อง"
เป็นหน้าที่ของคนไทยค่ะ (@^__________^@)
ประชาชนจะยืนอยู่ฝ่ายที่ถูกต้อง และยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเสมอมา
พี่เป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่เดินอยู่บนถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๑๖ ร่วมในเหตุการณ์วิกฤติใหญ่ทุกครั้งยังไม่เคยเห็นกระแสประชาชนมากเท่าครั้งนี้ เพราะมันมีเหตุปัจจัยสะสมจนอึดอัดมาระยะหนึ่้งแล้ว
ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ข้อคิดดีๆ พี่เห็นด้วยในสิ่งที่อาจารย์เสนอทั้งหมดค่ะ เราไม่ต้องการความรุนแรง จึงต้องคิดและตัดสินใจอย่างมีสติ แต่บางการตัดสินใจก็อยู่นอกเหนือความคาดคิดของเรา ตรงนี้น่าห่วงมาก
ขอบคุณมากครับอาจารย์
นักการเมืองบ้านเราหาจริงใจยากกกกกก