เท่าไร ถึงจะพอ
สมัยก่อนที่ข้าวของไม่แพง เรา ผู้ซึ่งเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้นำ ไม่ใช่บุคคลที่มีสายตาคนนับหมื่นนับล้านเฝ้าติดตามมองดู เคยใช้จ่ายเงินค่ากินอยู่ ค่ากาแฟหรู ซื้อข้าวของสิ้นเปลือง..หมายถึงสิ่งละอันพันละน้อยที่ไม่ใช่ปัจจัยสี่ของชีวิตโดยไม่คิดมาก
จากความโชคดีที่ได้มีโอกาสเรียนเขียนอ่านทั้งทางโลกและทางธรรม รู้จักกันส่วนหนึ่งไว้เก็บออม เมื่อคำนวณแล้วว่าพอไหว มีอีกบ้างก็เผื่อแผ่ส่วนหนึ่งต่อผู้อื่นที่ลำบากหรือด้อยโอกาสกว่า ถัดจากนั้นทำบุญและบริจาคบ้าง
จนล่วงมายุคข้าวของราคาแพง จำเป็นต้องประหยัดมัธยัสถ์ ยังสู้อดทน และยังจัดสรรปันส่วนแม้จำนวนเม็ดเงินจะเล็กลง
ไม่เคยคิดที่จะต้องมีทรัพย์สินเงินทองให้มาก..จนเกินไป
วันหนึ่งเราก็จะตายไปเหมือนทุก ๆ คนที่ตายไปก่อนแล้ว
เงินทองแม้เพียงหนึ่งสลึง เสื้อผ้าติดกายสักชิ้น ก็ยังเอาไปไม่ได้
คุณเล่า โลภไปถึงไหน เงินทองจำนวนเท่าไหร่จึงจะพอ
ที่มีอยู่แล้ว อยากได้เพิ่มอีกสักเท่าใด เงินหลักพันล้าน หมื่นล้าน วางแผนว่าจะใช้ไปนานขนาดไหน ใช้กันกี่รุ่นจึงจะหมด
ไม่เคยคิดบ้างเลยหรือว่า
สักวันก็ต้องตายจากโลกนี้ไปเหมือน ๆ กันทุกคน
หยุดเถิด
ภูสุภา
๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
เงินทองกองท่วมโลก….ก้อยังดับความโศกไม่ได้
มี..ผ้าเพียง..พันกาย....
มี..อาหาร..เพียงประทัง..ชีวิต..
มี..ที่นอน..แค่..กว้างหนึ่งศอก..ยาว..สี่ศอก..ก็น่า..จะพอ..
มี..ที่ถ่าย..ที่ไม่..ส่งกลิ่น..รบกวน..ชาวบ้าน....(เท่านี้)..ก็น่า จะ พอ...(..แค่ กิน ขี้ ซี่ นอน...แต่..มันก็ยังไม่พอ..ซักกะที...๕๕๕..)
"พอ" แล้วถึง "ดี" ครับ
ไม่ใช่ "ดี" แล้วถึง "พอ"
ถ้าตั้งเป้าว่าต้องดีก่อน ยังไงๆ มันก็ไม่พอครับพี่ :)
เพียง พอ ก็พอเพียง
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
เป็นบันทึกที่ทำให้ได้ข้อคิดดีๆ ค่ะ
"หลายคนยังคอยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา
เพราะคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้มีความสุขที่แท้จริง
แต่สิ่งนี้ในวาระสุดท้ายก็ต้องคืนโลกไป"
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
เห็นด้วยค่ะอาจารย์
เงินซื้ออะไร ๆ ไม่ได้ทั้งหมดหรอกค่ะ จริงมั้ยคะ