ธรรมชาติ ไม่ว่าที่ไหนไหน จะใกล้หรือไกล สามารถทำให้ลืมความกังวล ความหมกมุ่น ครุ่นคิด ความทุกข์ต่างๆลงได้ แม้อาจเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ตาม
หากเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน แทบไม่ค่อยได้สนใจ ไม่ได้ยินเสียงนกร้อง ไม่เห็นผีเสื้อที่วนเวียนดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้สีสดใส ต้นไม้ที่ผลิดอก แตกใบ ใบอ่อนมะนาวที่กำลังถูกหนอนชอนไช กัดกิน หรือสระน้ำ(ของคนอื่น)หน้าบ้านมีเงาสะท้อน เกิดภาพสวยงามแปลกตา
ทำไมถึงมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป..
คงเนื่องจาก เราอยู่ในภาวะที่เร่งรีบ มีเรื่องราวที่ต้องทำหรือจัดการให้เสร็จในห้วงเวลาที่จำกัดอยู่
เสมอๆ ไม่ว่าจะครอบครัว งานบ้าน หน้าที่การงาน ไม่รวมการเมือง..ฮาๆ
ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเกือบทุกคน เกิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นับเดือน นับปี หรือหลายๆปี..
เพิ่งจะหันกลับมามองและรู้สึกว่า ตื่นเช้ามา สูดอากาศอันสดชื่น ลมพัดแผ่วเบา ใบไม้พลิ้วไหวตามแรง
เสียง จิ๊บ จิ๊บ ของนกนานาชนิด ไก่ของเพื่อนบ้าน ขัน เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก...
เป็นสัญญาณการเริ่มต้นวันใหม่ พอตกตอนเย็น ใกล้พลบ ดวงอาทิตย์ค่อยๆอับแสงลง
หมุนเวียนเปลี่ยนผัน ตามกาลเวลา
คงเป็นเพราะ ชีวิตขณะนี้ ไม่ต้องแข่งกับเวลาเท่าใดนัก..เหมือนก่อน ด้วยภาระหน้าที่บางอย่างลดลง หรืออาจเป็นวัยที่มากขึ้นด้วย ฮาๆ ทำให้จังหวะชีวิตเต้นช้าลง ทำให้หู ตา เปิดรับสิ่งต่างๆรอบกายมากขึ้น และพบกับความสุขเล็กๆ ความงดงามความลงตัวอย่างเหมาะเจาะ ของธรรมชาติใกล้ๆที่เราเคยมองข้ามผ่าน
ขณะที่ครูกาญเงี่ยหูฟังเสียงของสรรพสิ่งใกล้ๆ ใจก็ลอยไปหาลูกที่อยู่ห่างไกล
อย่างคิดถึงและห่วงใย...
บันทึกและภาพโดย : กาญจนา สุวรรณเจริญ
-สวัสดีครับครู
-ตามมาใช้ชีวิตให้ช้าลง....
-งานกล้วยไข่เริ่มหลายวันแล้ว..มาเที่ยวไหมครับครู..
-มีแกงหยวกกล้วยไข่กับข้าวต้มผัดกล้วยไข่มาฝากครับ..
สวัสดีค่ะ
เดียวค่ะ จำได้น่ะค่ะ
กำลังกลับมาเขียนบันทึกอีกครั้งค่ะ
ช้าแล้วมอง
มีสิ่งสวยงามมากเลยนะครับ
จังหวะที่ช้าลง
ความงามมากมากจะปรากฏชัด
ครูนกเห็นด้วยค่ะ
ใจมีเวลาแปลความหมาย
ภาพงามมากๆค่ะ...ใจสงบ ด้วยความงามแห่งธรรมชาติเช่นนี้ค่ะ..
ดูภาพแล้วใจนิ่งขึ้นนะคะ สวยมาก ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะพี่นา
ไม่ได้คุยกันนานแล้วนะคะ คิดถึงจึงตามหาค่ะ