จะยื้อหรือ…..จะยอมอย่างมีความหมาย( Sha รพปากพะยูน)


มือที่ดูหยาบกร้านเอื้อมมารับพวงหรีดเพื่อแสดงความเคารพจากฉัน ด้วยสีหน้าอิดโรย เหนื่อยล้า ดวงตาแดงเรื่อ แววตาแสดงความขอบคุณอย่างเห็นได้ชัด

รอยยิ้มหวานและดวงตาฉายแววดีใจที่ได้เห็นฉัน บนใบหน้าที่เหี่ยวแห้ง ร่างกายซูบผอมดูผิดหูผิดตาจนทำแทบไม่ได้ ไม่เหมือนคนที่เคยรู้จัก หญิงสูงอายุที่ดูแก่กว่าวัย 67 ปี นอนอยู่บนเตียงที่ 3 ของตึกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่

มันทำให้ฉันหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน หากเอ่ยถึงป้าหอมผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เจ้าหน้าที่ในรพ.หลายๆคนคงรู้จักดี เพราะป้าหอมเป็นลูกค้าขาประจำของรพ.เราคนนึง ด้วยฐานะที่ยากลำบาก เมื่อเจ็บป่วยแต่ละครั้งต้องเรียกใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อมาโรงพยาบาล เมื่อมานอนรักษาตัวในตึกผู้ป่วยใน ฉันก็ได้มีโอกาสดูแลรักษาป้าหอมเหมือนคนไข้อื่นๆทั่วไป ป้าหอมมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง มีลูก 3 คน แต่ทุกคนก็ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ไม่มีเวลามาดูแลแม่ขณะเจ็บป่วย รพ.จึงเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของป้าหอม ป้าหอมเป็นคนคุยเก่ง ยิ้มหวาน ฉันยังจดจำรอยยิ้มของป้าหอมได้ดี เวลาที่ฉันเข้าไปทักทาย ป้าหอมมักแสดงสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งป้าหอมอาการกำเริบ หายใจเหนื่อยหอบมากขึ้นฉันก็จะยืนเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ๆ สบสายตา จับมือให้กำลังใจป้าหอม จนอาการดีขึ้น

สองปีมานี้ป้าหอมดูแก่ไปมาก อาจเกิดจากโรคอื่นที่ยกโขยงมารุมเร้า มีทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง หรือแม้แต่อาการข้างเคียงจากยาที่จำเป็นต้องใช้รักษา

2 เดือนก่อนหน้านี้ ฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานประจำจนไม่ได้สังเกตว่าป้าหอมได้ห่างหายไปจากโรงพยาบาล มาวันนี้ที่พบกันจึงรู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่ตรงหน้าจะใช่ป้าหอมคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักหรือไม่ ดูจากร่างกายที่ซูบผอม พูดจาสับสนวกไปวนมาในบางครั้ง แต่พอเจอหน้าฉัน รอยยิ้มหวานก็ยังมีให้เสมอ แสดงออกว่าจำฉันได้ ฉันจึงเดินเข้าไปหาทักทายป้าหอม ป้าหอมตอบคำถามฉันสองสามคำสั้นๆ แล้วก็นิ่งเงียบไป ยิ้มลอยๆเหมือนไม่รู้จักกัน แตกต่างไปจากทุกครั้งที่พบกัน

จากประสบการณ์การทำงานฉันสามารถประเมินได้เลยว่า ป้าหอมอาการไม่สู้ดีนัก เพราะป้าหอมถูกส่งตัวกลับมาจากรพ.ประจำจังหวัดด้วยปัญหาติดเชื้อบริเวณแผลกดทับที่เท้าข้างขวา เพื่อมาฉีดยาฆ่าเชื้อต่อ เหตุเพราะว่าป้าหอมไม่ยอมตัดขา จากหญิงสูงอายุที่ดูแข็งแรง เคยตรากตรำทำงาน ช่วยเหลือตัวเองได้ดี ไม่พึ่งพาใคร ต้องมานอนติดที่อยู่กับบ้านเพราะอุบัติเหตุหกล้ม ขาดคนดูแลเอาใจใส่จนขาที่หักเกิดแผลกดทับลุกลามใหญ่โตจนเกินที่จะเยียวยา ต้องใช้วิธีตัดขาเป็นทางออก ขณะนั้น ฉันรู้สึกสงสารป้าหอมจับใจ อยากให้ป้าหอมหายป่วย ฉันรู้ว่าที่รพ.ประจำจังหวัดจะต้องบอกเหตุผลของการรักษา กับป้าหอมและญาติมาแล้วไม่น้อย แต่ฉันก็ยังอยากพูดให้ป้าหอมและญาติเห็นความจำเป็นที่ต้องตัดขา เพื่อรักษาชีวิตป้าหอมไว้ แต่ป้าหอมก็ยืนยันกับฉันว่าไม่ตัดคำเดียว แถมยังยิ้มแบบฝืนๆให้ฉันด้วย

ด้วยสภาพที่ป้าหอมเป็นอยู่ ฉันไม่อ้อมค้อมมาก เมื่อพูดกับป้าหอมไม่สำเร็จ ฉันก็แยกมาคุยกับสามีและลูกๆของป้าหอม ฉันนึกหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อมาโน้มน้าวให้ทางญาติตัดสินใจส่งป้าหอมกลับไปรักษาที่ รพ.ประจำจังหวัดอีกครั้งเพื่อตัดขา แต่ก็ไม่เป็นผล ฉันรู้สึกโกรธสามีและลูกของป้าหอมแต่ก็ไม่แสดงอะไรออกไป นึกในใจว่าทำไมทุกคนใจร้ายกับป้าหอมจัง ตอนป่วยมานอนรพ.ก็ไม่เคยมาเฝ้าถึงตอนนี้ป้าหอมกำลังจะตายก็ไม่รักษา อาการของป้าหอมทรุดลงเรื่อยๆ.....ป้าหอมกำลังจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

เมื่อแผนการรักษาแรกไม่เป็นผล ทั้งหมอเจ้าของไข้และทีมที่ดูแลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของผู้ป่วยและญาติได้ แผนการดูแลต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ให้ผู้ป่วยและญาติใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าและมีความหมาย ผ่านพ้นวาระสุดท้ายอย่างมีความสุข สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากที่เคยมานอนรพ.คนเดียวก็เปลี่ยนเป็นผู้ป่วยที่มีญาติมาห้อมล้อม มีคนดูแลตลอดเวลา ทางโรงพยาบาลได้อำนวยความสะดวกให้โดยจัดมุมที่สงบให้ เปิดโอกาสให้ญาติมีส่วนร่วมในการดูแล มีญาติคนนึงของป้าหอม (ทราบทีหลังว่าเป็นเพื่อนสะใภ้ซึ่งสนิทกับป้าหอมมาก)พูดกับฉันว่า...พยาบาลคนนี้หรือ ลูกอ้อย ป้าหอมแหลงถึง(พูดถึง)อยู่บ่อยๆว่ามานอนโรงพยาบาลไม่มีใครมาเฝ้า ลูกอ้อยมันดีคอยดูแลตลอด...ฉันก็ได้แต่ยิ้มๆ ซึ่งตรงข้ามกับใจที่รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก และคิดในใจว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ฉันจะดูแลป้าหอมอย่างดีที่สุด ฉันไม่รู้ตัวเช่นกันว่าทำไมฉันจึงรู้สึกผูกพันกับป้าหอมผิดกับคนไข้คนอื่น แต่ฉันจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลหลายวันเพราะต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างจังหวัด ฉันได้ฝากให้น้องพยาบาลช่วยดูแลป้าหอมอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษแทนฉันด้วย

ระบบสั่นจากสัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์ ดึงสมาธิของฉันออกจากการฟังบรรยายในห้องประชุมที่ต่างจังหวัด พยาบาลเจ้าของไข้ป้าหอมโทรศัพท์มาหาฉัน บอกฉันว่าป้าหอมอาการทรุดหนัก ทางญาติขอพากลับบ้าน ทีมพยาบาลที่ดูแลป้าหอมได้อำนวยความสะดวกในการรพาป้าหอมกลับบ้านเป็นอย่างดี แพทย์อนุญาตให้ใช้รถของโรงพยาบาล และมีพยาบาลเจ้าของไข้คอยดูแลไปส่งถึงบ้าน มีสามีและลูกๆพร้อมทั้งญาติๆคนอื่นๆรอรับการกลับมาของป้าหอมอย่างพร้อมหน้า...ป้าหอมได้กลับบ้านได้อยู่กับครอบครัว กับคนที่ป้าหอมรักในวาระสุดท้ายของชีวิต

มือที่ดูหยาบกร้านเอื้อมมารับพวงหรีดเพื่อแสดงความเคารพจากฉัน ด้วยสีหน้าอิดโรย เหนื่อยล้า ดวงตาแดงเรื่อ แววตาแสดงความขอบคุณอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ความคิดของฉัน หวนนึกถึงคำพูดเมื่อครั้งที่ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมสามีและลูกของป้าหอมให้ส่งป้าหอมไปรักษาที่รพ.ประจำจังหวัด ก็ผุดขึ้นมา หอมมันยอมตาย มันสั่งนักสั่งหนาอย่าตัดขามัน มันเกิดมามีครบมันก็ขอจากไปแบบครบ เป็นคำพูดที่ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจ เพราะมัวแต่พยายามหาหนทางทำตามความคิดของตัวเอง และแอบคิดไม่ดีว่าเป็นคำแก้ตัวของคนใจร้ายที่ไม่อยากดูแลป้าหอม ภาพชายชราสีหน้าอมทุกข์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันขณะนี้กลายเป็นคนที่น่าสงสาร เป็นผู้เสียสละที่ยอมหักใจทำตามคำขอสุดท้ายของคู่ชีวิตที่ร่วมทุกร่วมสุขกันมากว่า ๔๐ ปี

ฉันเข้าไปทำความเคารพศพป้าหอมเป็นครั้งสุดท้าย ยืนดูรูปของป้าหอม และขอให้ป้าหอม หลับให้สบาย ไปสู่ที่สุขคติต่อแต่นี้ไปจะไม่มี ป้าหอมที่ฉันประทับใจในรอยยิ้มหวานปนเศร้าอีกต่อไป

ฉันก้าวเดินออกจากศาลาวัด มาด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวอย่างไรชอบกล ภาพหญิงชราวัย 67 ปี ครอบครัวขัดสน ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หอบเหนื่อยจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ที่ถาโถมเข้ามารุมเร้า ต้องเดินเข้าเดินออก รพ.บ่อยครั้ง จนเป็นบ้านหลังที่สอง เหมือนคนไร้ญาติ ไม่มีคนมาดูแล เยี่ยมเยียน และมีความเชื่อฝังใจว่าหากตายไปโดยมีอวัยวะไม่ครบถ้าต้องตัดขา จะมีชีวิตที่เหลืออยู่ยังไง....หรือเหตุการณ์นี้จะสอนฉัน ให้คิดที่จะรู้จักฟัง และเคารพการตัดสินใจของผู้ป่วยในขณะที่ยังมีสติสัมปชัญญะ ฟัง..ฟัง..ฟัง ให้มากกว่านี้

โดย........ นางรัตนา สมบูรณ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลปากพะยูน

หมายเลขบันทึก: 549943เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2013 11:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 ตุลาคม 2013 12:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

เศร้านะคะ

บนโลกใบนี้มีอะไรมากมายจริงๆ ค่ะ

หากเราไม่เป็นเขาจริงๆ เราก็คงไม่รู้นะคะ  ......เหตุผลที่แท้จริง .....ที่อยู่เบื้องหลังความกลัวนั้น คือ อะไร

       --- เรื่องของปัจจัย .........

              ...... เรื่องของความพร้อม ......

                      ---- ความกังวล......

                          ....... เรื่องของใจและความเชื่อ .........

 

มันอาจเป็นส่วนผสมรวมกันในหลายๆ เรื่องค่ะ........ที่สุดแล้ว ท่านก็หมดทุกข์แล้วค่ะ

 

 

แต่ละคนมีเหตุผลในการอยู่และดำเนินชีวิตแตกต่างกันเหลือเกินค่ะ

ชื่นชมตั้งแต่ชื่อเรื่องที่ชวนติดตาม รวมทั้งเนื้อหาในชีวิตจริงคนทำงาน ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

 

อ่านแล้ว คิดถึงพ่อและอา พี่ชายกับน้องลูกของปู่ของผมที่จากไปในสถานการณ์คล้ายกัน คือเราต้องตัดสินใจ แม้จะด้วยความจำใจ แต่ผมก็น่าจะทำได้ดีกว่านั้น….. ขอบคุณความรู้สึกอันเป็นกุศล ที่ทำให้หวนกลับคิดถึงผู้มีพระคุณอีกครั้งครับ

ปล่อยให้บรรลุเจตนารมคือหยุดการยื้อ เพราะไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าเจตนารมย์

สวัสดีน้องอร....มีเรื่องเล่าในการทำงานของคนสาธารณสุข อีกหลายเรื่องที่เป็นประสบการณ์ตรง 

ที่คิดคนละมุมกับผู้ป่วย ยิ่งเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย คนสาธารณสุข ต้องฟังๆๆๆ และคิดให้รอบคอบในการเสนอความคิดประกอบการตัดสินใจ

ในมุมแบบนี้ นายหัวใหญ่เคยแนะนำให้ข้อคิดเตือนใจได้ดีมากๆ 

ยังจำคำสอนได้หลายๆกรณีย์

ขอให้วิญญาณป้าหอมไปสู่สุขคติด้วยเถิด

หวัดดีจ้ะลุงวอ...วันนี้คุณมะเดื่อเหนื่อยจริง ๆ เลยจ้ะ 

ป้าหอมไปสบายแล้วค่ะ

ลุงวอค่ะ..ครูหยินไปสงขลามาเนื่องจาก พ่อของพี่เขยเสียชีวิต

ทันทีที่ขับรถผ่านปากทางปากพะยูนคิดถึงลุงวอมาก

แต่เหนื่อยมากเกินไปจึงเกรงใจไม่ได้โทร..

ช่วงนี้ยุ่งงานตะบี้ตะบัน...งานซ้อนงาน  งานเพื่อนก็เยอะ

ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย..ไม่อยากบ่นว่าเหนื่อย

ต้องกัดฟันสู้เมื่อยังมีลมหายใจอยู่

                   ระลึกถึงน่ะค่ะ

บันทึกที่เขียนบรรยายได้ดีมากขอชมผู้เขียนด้วยจ้า

น้องกล้วยไข่ ...ใช่แล้วครับทุกคนมีเหตผล 

การคิดแทน บางทีก็เป็นผิด

เคารพความคิดถือว่าเคารพความเป็นมนุษย์

 

เรียนน้องจาร์ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาแลกเปลี่ยน เรื่องเล่าของรพ.ปากพะยูน

 

 

เรียนท่านอาจารย์ ฤทธิไกร มหาสารคาม  เรื่องเล่ามีพลัง มีเรื่องเล่าหลายเรื่องที่เล่าแล้วมีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

วิธีคิด และการทำงานของบางคน  อาจารย์ หมอโกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ บอกว่า เรื่องเล่า สามารถเปลี่ยนโลกได้

เรียนท่านอาจารย์ จำรัส เพราะเราคิดว่าเรารู้ เรจึงคิดแทน แล้วอยากให้เขาทำตามที่เราคิด จึงเกิดปัญหา

ขอบคุณ คุณ พ.ที่มาให้กำลังใจ ป้าหอมเลือกที่จะไปอย่างครบปกติทุกอย่าง

เรียน ท่าน วอญ้า

เข้าใจว่า เวบไซท์นี้ ( Goto Know) เป็นการแบ่งปันความรู้ ไม่ใช่การแบ่งปันความรู้สึก(อารมย์) ความเห็นต่างๆเป็นกระบวนการคิด และที่สำคัญคือการสร้างกระบวนการคิด เพื่อก้าวข้ามไปสู่สังคมที่ยกระดับเป็นสังคมแห่งความสุข ผู้พิพากษามีหน้าที่ตัดสินคดีตามกฎหมาย พระเจ้าจะพิพากษาเมื่อถึงวันสุดท้าย(ระหว่างนี้ยังไม่มีใครผิด) แต่พวกเรากันเองมีเสรีภาพมากพิพากษาคนอื่นได้ทุกวัน การคิดแทนจึงเป็นธรรมดาของเราๆท่านๆ ยกเว้นพวกที่เรียกตัวเองว่าวิทยากรกระบวนการถ้าคิดแทนคนอื่นต้องอาบัติปราชิกทันที

น้อง มะเดื่อ เหนื่อยนักก็หยุด ให้หายเหนื่อย ค่อยเดินต่อ

เรียนน้อง น้ำชา...แอบไปฟัง (ลางานไป) เรื่องเล่าของ อาจารย์ หมอโกมาตร นาราทีฟ เมดดีซีนมา  กลับมาถึง หัวหน้ามอบหมายให้ ทำเรื่องเล่า รวมเล่ม

ต้องมา"ยอน"(เอ็มเพาเวอร์ บวกกับโคช) คือ ยอน ให้น้องๆ ทุกแผนก เขียนเรื่องเล่า  เพื่อรวมเล่ม ในปี 2557 นี้

ตอนนี้มีเรื่องเล่าที่ต้องอ่าน  แนะนำ  นำมาวิพากพ์ อยู่ หลายเรื่องแล้ว จะได้นำมาแลกเปลี่ยนผ่านบันทึก

สบายดีครับ ยังมีแรงเดินทาง หาความรู้

เรียนครูหยิน ขอบคุณที่คิดถึง

มีเวลาจะแวะไปเยี่ยมครับ

เรียนอาจารย์จำรัส

ขอบคุณมากที่มาอธิบายขยายความ  เรื่องการคิดแทน โดยเฉพาะ ประโยคนี้ " เพราะเราคิดว่าเรารู้ เรจึงคิดแทน แล้วอยากให้เขาทำตามที่เราคิด จึงเกิดปัญหา"  ที่ตอบความเห็นอาจารย์

ในประโยคนี้ มีอาการของความรู้สึก แฝงอยู่ เพราะนึกอารมย์ของครอบครัว  ที่ เรารู้  เราเห็น เราคิด อยากให้ลูกเป็นไปตามที่เราคิด จึงใช้การคิดแทน หลายครั้งเกิดปัญหาในการคิดแทน.....

แต่พอได้อ่านความเห็นอาจารย์ ในประโยคนี้" แต่พวกเรากันเองมีเสรีภาพมากพิพากษาคนอื่นได้ทุกวัน การคิดแทนจึงเป็นธรรมดาของเราๆท่านๆ ยกเว้นพวกที่เรียกตัวเองว่าวิทยากรกระบวนการถ้าคิดแทนคนอื่นต้องอาบัติปราชิกทันที" 

ความเห็นต่างของอาจารย์ เป็นเหมือน"หินลับมีด"ที่ลับความคิด ลับปัญญาให้คมยิ่งขึ้น

ด้วยความขอบคุณ....

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท