ก่อนนั้นร่วมสองปี ผมนำงานเขียนใน Blog ของตนเองไปสู่การเป็นเอกสารการเรียนการสอนในรายวิชา “พัฒนานิสิต”
โดยเฉพาะสาระสำคัญที่ว่าด้วยแนวคิดการจัดกิจกรรมนอกหลักสูตรบนฐานคิดของการ “เรียนรู้ร่วมกับชุมชน” หรือ “เรียนรู้คู่บริการ”
นอกจากนั้นยังรวมถึงเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง อาทิ การจัดการความรู้ การถอดบทเรียน การเขียนเรื่องเล่าเร้าพลัง
พร้อมๆ กับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ไม่เน้นการบรรยายแบบแห้งๆ หากแต่เน้นการ “เล่าเรื่อง” สู่กันฟัง หรือแม้แต่เรียนรู้ผ่าน “สื่อสร้างสรรค์” ต่างๆ ทั้งสื่อที่นิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัยจัดทำขึ้น และสื่อจากองค์กรภายนอก
และที่สำคัญอีกประการก็คือ แทนที่จะสอบปลายภาคแบบมีคำถาม คำตอบ หรือคำถามปลายเปิดให้นิสิตได้เขียน หรือบอกเล่ากลับมา
ผมกลับเลือกให้นิสิตได้ทำโครงการร่วมกัน โดยใช้โครงการหรือกิจกรรมนั่นแหละเป็นคะแนนปลายภาค
ครับ-ก่อนลงพื้นที่จัดกิจกรรม ผมจะให้แต่ละกลุ่มพัฒนาโจทย์บนฐานคิดอันเป็นความต้องการของชุมชนก่อนเสมอ –ชุมชนที่ว่านี้อาจหมายถึงทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัย
ถัดจากนั้นก็นำมาเสนอ หรือบอกเล่าสู่กันฟังในชั้นเรียน ว่า “จะไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ด้วยกระบวนการ หรือวิธีการใด” ฯลฯ
ทั้งนี้การบอกเล่าที่ว่านั้น ผมจะเน้นให้นิสิตได้นำเสนอด้วยสื่ออันเป็นแผนผังความคิด (Mind Map) เน้นความคิดรวบยอดและการทำงานเป็นทีม โดยแต่ละกลุ่มผมจะเน้นไปที่ชื่อโครงการ วัตถุประสงค์ สิ่งที่คาดว่าจะได้รับ วิธีการ เป้าหมายเชิงพื้นที่ เป้าหมายเชิงกลุ่มคน เป็นหัวใจหลัก
เมื่อผ่านการแลกเปลี่ยนแล้ว จึงให้นิสิตกลับไปเขียนเป็นโครงการตามรูปแบบที่ได้เรียนมา และนำส่ง รอจนกว่าจะได้รับการอนุมัติ แล้วค่อยลงพื้นที่จัดกิจกรรม
ครั้นถึงวันสอบปลายภาค ก็ให้แต่ละกลุ่มนำผลงานมาจัดบอร์ด นำเสนอความรู้ หรือผลการดำเนินงาน เสริมด้วยกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อให้แต่ละคนแต่ละกลุ่มได้ปฏิสัมพันธ์กันอีกครั้ง ก่อนแยกย้ายไปสู่การสอบในวิชาอื่นๆ
ครับ-นั่นคือกระบวนการเรียนการสอนวิชาพัฒนานิสิตในมุมของผม
ครั้นมาทำงานบริการวิชาการแก่สังคมให้กับมหาวิทยาลัย (โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน) ผมก็ไม่ละเลยที่จะนำเอาเนื้อหาใน Blog มาเป็นเอกสารประกอบการขับเคลื่อน ทั้งในมิติของอาจารย์ และนิสิต
มิหนำซ้ำยังเชื้อเชิญให้อาจารย์ หรือคณะทำงานได้ช่วยกันเขียนบทความเพื่อเป็นเสมือน “คู่มือ” ในการจัดกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ซึ่งผลการขับเคลื่อนในหนึ่งรอบปี ก่อเกิดเป็นชุดความรู้หลายเรื่อง โดยอาจารย์แต่ละท่านได้ช่วยศึกษาค้นคว้า เขียนและเรียบเรียงขึ้นใหม่ในสองสามเรื่อง เป็นต้นว่า
·การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม PAR (ผศ.ดร.ชูพักตร์ สุทธิสา)
·เทคนิคการทำงานกับชุมชนและเ
·การเขียนรายงานผลโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนจากทฤษ
และในส่วนที่ผมรับผิดชอบนั้น ผมหยิบจับเอา Blog ไปปรับแต่งและจัดทำเป็นเรื่องอ่านประกอบ เพื่อบูรณาการสู่การขับเคลื่อนอยู่สามถึงสี่เรื่อง เป็นต้นว่า แนวคิดการจัดกิจกรรมนิสิตใน
ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีว่า หลังกิจกรรมเสร็จสิ้นลง ในบางหลักสูตร หรือในบางโครงการ ถึงขั้นให้นิสิตสะท้อนผลการเรียนรู้ผ่านการเขียนเรื่องเล่าเลยทีเดียว
ครับ-โดยส่วนตัวผมมองว่า ความรู้ที่เราได้รับมา จะมีค่าอย่างมหาศาลเมื่อนำไปสู่การเผยแพร่หรือแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ มิใช่เราค้นพบความรู้แล้วเก็บงำไว้กับตัวเอง
การมีความรู้และแอบใช้ความรู้อยู่คนเดียวเงียบๆ โดยไม่ยอมก้าวออกมาสื่อสารกับสังคม –ผมว่าพฤติการณ์เช่นนี้ ไม่เหมาะไม่ควรแน่ เพราะการได้มาซึ่งความรู้ของแต่ละคน ล้วนต้องอาศัยทรัพยากรจากส่วนต่างๆ เสมอ หาใช่หลับตาเนรมิตขึ้นมาด้วยตนเองเสียทั้งหมด
ดังนั้นความรู้ที่ได้มา จึงย่อมมีสถานะเป็น “สาธารณะ” อยู่ในตัว
ดังนั้น การได้มาซึ่งความรู้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะเก็บงำไว้คนเดียว หน้าที่ของการได้มาซึ่งความรู้คือการนำพาความรู้ไปแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกับผู้คนเป็นหัวใจหลัก
กรณีดังกล่าวเช่นนี้ ผมจึงไม่รู้สึกเขินอายที่จะนำพาเอาบันทึกใน Blog ของตนเองไปเป็นเอกสาร หรือคู่มือให้อาจารย์และนิสิตได้อ่านเล่นเพื่อเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการแก่สังคม
แน่นอนครับ- การนำไปเผยแพร่เช่นนั้น ผมไม่ได้คาดหวังหรือบังคับเป็นนโยบายว่าทุกๆ หลักสูตรหรือทุกๆ โครงการ ต้องนำเอาความรู้ หรือยึดหลักคิดจากงานเขียนของผมเป็นเครื่องมือหรือหมุดหมายหลักในการขับเคลื่อน คนแต่ละคน อาจารย์แต่ละท่าน นิสิตแต่ละคน ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์บนบริบทของตนเอง รวมถึงบนบริบทของ “กิจกรรมและชุมชน” นั้นๆ
ครับ-ค้นพบความรู้ แต่ไม่แบ่งปัน ไม่แลกเปลี่ยน ย่อมไม่ต่างอะไรจากการเก็บซ่อนสมบัติไว้กับตัวเอง (หวงสมบัติ)
ทุกครั้งที่แบ่งปัน ย่อมหมายถึงการงอกงาม เบ่งบาน เพิ่มจำนวนของทรัพย์สมบัตินั้นๆ ขึ้นเรื่อยๆ
ครับ-มีความรู้ ยิ่งแบ่งปัน ยิ่งแลกเปลี่ยน ยิ่งช่วยให้ความรู้ที่ว่านั้นแหลมคมและทรงพลัง เป็นดอกเป็นผลขึ้นอย่างคณานับ ....
ขอบคุณมากครับอาจารย์ที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
ถ้าอยากได้คู่มือที่อาจารย์เขียนมาอ่านบ้างผมต้องทำยังบ้างครับ
..... ได้คู่มือในการทำงาน .... เยี่ยมจริงๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ
เยี่ยมเลยค่ะอาจารย์
ยอดเยี่ยมครับ ;)...
ยอดเยี่ยมมากเลยครับ
ได้หนังสือดีๆออกมาครับ
ชอบแนวคิดในการจัดสอบของอาจารย์จังเลย...แต่ใช้กับเด็กประภมคงลำบาก..
เข้ามาอ่านบันทึกของอาจารย์ทีไร ได้แนวคิดดี ๆ ทุกครั้ง ขอบคุณมากมายจ้ะ
-สวัสดีครับบ
-ตามมาให้กำลังใจครับ
-ใช่แล้วครับ "ค้นพบความรู้ แต่ไม่ได้แลกเปลี่ยน หรือแบ่งปัน ก็เปรียบเหมือนคนหวงสมบัติ"
-ขอบคุณครับ
-มี"ลูกนมวัว"มาฝากครับ..
สวัสดีค่ะอาจารย์แผ่นดิน
ถ้าไม่มีข้อข้องขัด ราว ๆ ธันวาอาจได้ไปร่วมแลกเปลี่ยน - แบ่งปันสมบัติ เอ๊ย ! ความรู้ ที่ มมส.
เวที สกว.นะคะ อาจจะ อาจจะ
หวังว่าจะได้พบอาจารย์นะคะ