เป็นกระบวนการที่พัฒนาผู้ให้บริการบ่มเพาะสุขภาวะที่น่าสนใจ ผมเองก็เพิ่งเข้าไปเรียนรู้สุขภาวะในหลักสูตร คศน. คิดว่า น่าจะต้องเติมเต็ม Slow Knowledge มาบูรณาการกับ Mental Model ผมว่าประเด็นผู็นำสุขภาวะของท่านอ.วิจารณ์ก็น่าสนใจทั้งการพัฒนาในมิติปัญญา สังคม อารมณ์ จิตวิญญาณ และร่างกาย ผมถอดบทเรียนไว้ที่ http://www.gotoknow.org/posts/542966
ขอบคุณมากครับอาจารย์
รักและคิดถึงเสมอครับผม
สวัสดีครับอาจารย์ Dr.Pop ครับ
ในเวทีและเครือข่ายนี้ ก็คุยกันในประเด็นภาวะผู้นำ ทีมและลักษณะของผู้นำ ที่จำเป็นในการทำงานเชิงกระบวนการของเครือข่ายนี้กันมากทีเดียวอาจารย์ แต่ก็มีหลากหลายดี
ตอนนี้ เลยเป็นกระบวนการที่จะต้องผสมผสานการเรียนรู้ ที่ดำเนินไปกับการปฏิบัติ การสร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาระบบกลไกที่จะบริหารจัดการให้พอดีกับบริบทของโรงพยาบาล ไม่ให้มากและน้อยไป ซึ่งตรงนี้ก็เป็นความยากอีกแหละ เพราะความพอดีก็ต้องเกิดจากการเรียนรู้และหารือไปด้วยกันเช่นกัน ก็น่าสนใจและเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆน่ะอาจารย์
เป็นโมเดลที่ดีมากครับ...เราต้องมีความสุขก่อนนะครับ...จะได้แบ่งเบาความทุกข์และสร้างสุขแด่ผู้อื่นได้ครับอาจารย์
เป็นสิ่งที่วาดหวัง สุขภาวะชุมชน คนหลากหลายอาชีพมาออกแบบความสุขร่วมกัน เชื่อมั่นสุขสร้างได้
หรือไม่ ก็มีความอดทนต่อทุกข์ที่จะสร้างสุขให้กับผู้อื่น แล้วก็(ได้ความสุข)ความเป็นจริงในชีวิตไปบนการได้แก้ทุกข์ให้กับผู้อื่นั้นไปด้วย อย่างนี้ก็เป็นแบบแผนที่พบได้มากเลยทีเดียวละครับ แพทย์ระดับผู้บริหารของเครือข่ายท่านหนึ่ง ดูแลผู้ป่วยดีมาก และในการทำงานในองค์กรก็เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงานมาก อีกทั้งยังเป็นคนรุ่นใหม่ มีโอกาสทำงานในเมืองและมีโอกาสก้าวหน้าในชีวิตอีกมากหากจะเลือก แต่ก็กลับเลือกกลับบ้านและไปอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอที่ใกล้บ้านเกิดตนเอง เมื่อแบ่งปันเรื่องที่มีความสุขกัน ก็บอกว่าไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าความสุขแบบที่คนทั่วๆไปกล่าวถึงนั้นคืออะไรด้วยซ้ำ เพราะเบื้องหลังในการทำหน้าที่แพทย์ของตนเองนั้น จำเป็นต้องทำเพื่อความสุขคนอื่น และสิ่งที่เป็นความต้องการของตนเองนั้นมาทีหลัง กระทั่งแทบจะไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เป็นความสุขของตนเองเลย
บางครั้งก็ต้องวางมือและออกจากความเป็นส่วนตัวของตนเองทันทีเหมือนกำกับชีวิตนเองไม่ได้ เพราะถูกตามตัวเพื่อไปดูแลผู้ป่วย อีกทั้งไม่มีใครรู้เลยว่า เบื้องหลังอย่างหนึ่งที่หมอตัดสินใจกลับบ้านก็คือ ต้องการกลับไปดูแลสุขภาพของแม่ที่กำลังชราและกำลังป่วยอย่างหนักจากอัลไซเมอร์ ซึ่งทุกข์จากความเป็นลูกแล้วยังไม่พอ ก็ยังทุกข์ในฐานะที่ตนเองเป็นแพทย์ ช่วยคนอื่นได้แต่ช่วยแม่ตนเองไม่ได้ ช่วยได้ก็ไม่ต่างไปจากชาวบ้านทั่วไปที่แก้ทุกข์ให้แก่ตนเอง เช่น ครั้งหนึ่ง ก็ต้องพึ่งหมอดูให้กับแม่ ซึ่งความทุกข์อย่างนี้ ชาวบ้านก็คาดหวังจากตน คนเป็นหมอ ซึ่งก็มีความทุกข์ไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ไม่สามารถกล่าวอย่างนี้ได้ ต้องเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้ดีกว่าทำให้ตนเอง
ครั้งหนึ่ง วางแผนล่วงหน้าตั้งนานที่จะขอลาหยุด เบื้องหลังนั้นก็คือจะพาแม่ไปพักผ่อนสัก ๒-๓ วัน แต่พอถึงเวลาจริงๆก็กลับเจอการตามตัวเร่งด่วนเพราะเกิดกรณีความจำเป็นของผู้ป่วยกระทัยหัน ในชนบทอย่างที่ทำงานก็ยากที่จะหาคนแทนกัน เลยก็ต้องยกเลิกวันลาและไม่สามารถพาแม่ไปเที่ยว ชีวิตการทำงานและเบื้องหลังการดูแลผู้อื่นก็ดำเนินมาอย่างนี้ ....
กรณีคล้ายๆอย่างนี้ เป็นแบบแผนที่พบมากเหมือนกัน แพทย์ พยาบาล คนงานเปล คนขับรถโรงพยาบาลหลายแห่งในเครือข่าย บอกว่าความสุขและทุกข์อย่างหนึ่งเกิดจากการจดจ่อกับความเป็นไปของผู้ป่วยและญาติที่ได้ส่งต่อไปอีกทีหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไร พอได้ข่าวดีก็มีความสุข พอยังไม่รู้ข่าวคราวหรือได้ข่าวว่าแย่ก็ทุกข์ ....
สภาพการณ์ที่เป็นจริงและลักษณะประสบการณ์อย่างนี้ที่พบทุกเมื่อเชื่อวัน รวมทั้งเมื่อได้ dialogue คิดใคร่ครวญนิ่งๆ ได้เจริญสติและสร้างความลึกซึ้งต่อเรื่องต่างๆด้วยกันดีขึ้น แนวคิดและการตั้งคำถามว่า จริงๆแล้วเราต้องการความสุขเป็นเป้าหมาย หรือเราต้องการเรียนรู้เพื่อได้ความอดทนต่อทุกข์ มีชีวิตแข็งแกร่ง แล้วก็มีความสุขไปบนกระบวนการเหล่านั้น มากยิ่งๆขึ้นไปตามกัน ซึ่งก็น่าสนใจและมีบริบทเฉพาะของผู้ปฏิบัติ ให้เห็นควาหมายอันแท้จริงเหนือสิ่งที่พยายามอธิบายกัน ได้ดีมากเลยละครับ
สวัสดีครับเฒ่าวอญ่าครับ
คิดถึง คิดถึงนะครับ
ดิฉันกำลังวางกรอบที่จะเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจแนวคิด 'สุขภาพจิต' กับ 'สุขภาพแบบบูรณาการ' พยายามหาวิธีอธิบายเชื่อมโยงว่า สุขภาพแบบบูรณาการนั้นเป็นการบูรณาการสุขภาพทุกด้านเข้าด้วยกัน ไม่คิดแยกส่วน แต่มองภาพรวม เพราะกิจกรรมหนึ่ง ๆ สามารถพัฒนาคนและชุมชนได้หลายด้าน ทั้งสุขภาพดี ครอบครัวอบอุ่น เพิ่มเครือข่ายสังคม ส่งเสริมวัฒนธรรม ได้เงินใช้ และสุขภาพจิตก็ดีไปด้วย ฯลฯ เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้วดิฉันประเมินตนเองว่า 'คิดยาก' เกินไป
หน่วยสังคมชุมชนด้านสุขภาพกายเขาวางแผนพัฒนาสุขภาพจิตเพื่อชุมชนของเขาเอง ก่อน ที่เราจะคิดรุกคืบออกไปนอกวงล้อมของตัวเองเสียอีก ดิฉันคงไม่ต้องเขียนเชื่อมโยงอะไรอีกแล้ว คืนนี้นอนหลับฝันดีแน่นอน
ขอบคุณ อ.วิรัตน์ ค่ะ
อาจารย์ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ..
สวัสดีครับ ดร.ดารนีครับ
ขอบพระคุณและดีใจนะครับ ที่อย่างน้อยก็เหมือนได้ร่วมเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่ได้มีปฏิสังสันทน์ทางความคิดให้กัน แล้วก็ได้มุมมอง ได้ความคิด และเห็นวิธีทำสิ่งที่ทำอยู่ ได้ดีขึ้น มุมมองและแนวคิด ทั้งที่วางไว้แต่เดิมกับที่เห็นมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม ก็คล้ายกับที่ในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการที่ผมนำมาเล่าถ่ายทอดนี้เหมือนกันครับ
สวัสดีครับลูกหมูเต้นระบำครับ
ขอบคุณเช่นกันครับที่แวะมาอ่านและทักทายกัน
ขอบคุณความรู้ที่แบ่งปัน ท่านอ.มองลึกและชัด
"
อาชีพผู้ดูแลความทุกข์และสร้างสุขให้ผู้ป่วย เขาเหล่านั้นน่านับถือจริงๆ
จากบันทึกนี้ และข้อคิดเห็นของ Dr.Pop ดิฉันมาสะดุดใจที่คำว่า หลักสูตร คศน. ไปค้นหาอ่านใน web มีรายละเอียดมากเท่าที่ต้องการ สิ่งที่สำคัญคือพบว่า คศน.มีสิ่งที่คนทำงานต้องการมากที่สุด นั่นคือ เครือข่ายผู้นำและขุมพลังสนับสนุนมหาศาล เพื่อให้ผู้นำในเครือข่ายทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ง่ายขึ้น
ดิฉันรู้สึกภาคภูมิใจแทนผู้นำที่ถูกคัดเลือกและผ่านหลักสูตรนี้มาแล้ว ไม่อิจฉาเลย แต่รู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลง 'ตัวเล็กนิดเดียว' รู้สึกท้อแท้ขึ้นมากระทันหัน รีบลุกไปส่องกระจกเพื่อยืนยันความคิดเดิมว่า "75 กิโลไม่เล็กหรอก เตี้ยไปหน่อย แต่ก็ทำให้ใหญ่ขึ้น" เราเข้าไปใช้เครือข่ายและขุมพลังของเขาไม่ได้ (ก็ไม่ใช่ห้องสมุดสาธารณะนี่นา) แต่เราก็มองหาเครือข่ายของเราเองได้
อย่างน้อยตอนนี้ก็มี Dr.Pop กับ อ.วิรัตน์ รวมสองคนแล้วนะ อาจารย์ยินดีรับไว้ใช่ไหมคะ
สวัสดีครับคุณครู krutoiting ครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ขอร่วมชื่นชมและแสดงความนับถือด้วยครับ
สวัสดีครับ ดร.ดารนีครับ
ด้วยความยินดีครับ อยู่ในกลุ่มน้ำหนักพอๆกันอีกด้วยครับ ฮ่า