วันนี้ได้เห็นรูปแบบการสัมมนาของนักศึกษากิจกรรมบำบัด ม.มหิดล ชั้นปีที่ 4 ที่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านการค้นหาและการอ่านเชิงวิพากษ์ (Critical Reading) จากกลุ่มเพื่อนที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันหลังจากการนำเสนอเชิงวิชาการ (Academic Presentation) ในหัวเรื่องจากวารสารวิจัยภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะและผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และ/หรือจิตสังคม ของแต่ละคนที่นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงลึกระหว่างเพื่อนนักศึกษาและอาจารย์สาขากิจกรรมบำบัดไปก่อนหน้านี้ พร้อมมีการระบุแหล่งอ้างอิง (Citation of Reference) และการให้คะแนนคุณภาพของหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence Based Practice)
จุดสังเกตและประเด็นสำคัญที่ผมอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบันทึกนี้ เพื่อมุ่งให้เกิดการพัฒนากระบวนการเีรียนรู้ด้านกิจกรรมบำบัดศึกษาในประเทศไทย ซึ่งมีความต้องการนักกิจกรรมบำบัดในสถานพยาบาล โรงเรียน ศูนย์ และหน่วยงานการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย ความคิดความเข้าใจ จิตสังคม และการพัฒนาความสุขและความสามารถในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต อ่านบทบาทนักกิจกรรมบำบัดแนวใหม่ ได้ที่นี่
ในการสัมมนา หรือ Seminar แปลตรงๆ ว่า "ร่วมใจ" ถือเป็นการระดมความตั้งใจของนักศึกษาและอาจารย์ทุกท่านให้มีการจัดการความรู้ในหัวเรื่องต่างๆ ที่ผ่านการวิเคราะห์กระบวนการวิจัยและการสังเคราะห์ความรู้ในตัวตน อย่างไรก็ตาม ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ควรเตรียมทัศนคติที่พร้อมต่อการ "ร่วมใจ" สู่การพบปะในหนึ่งหัวเรื่อง หรือ การประชุม (Conference - Meeting a topic) ที่ประกอบด้วยกระบวนการต่างๆ (4 C) ดังต่อไปนี้:-
1. Connector คือ การระดมสมองเพื่อค้นหา "ตัวเชื่อมความรู้ในที่ประชุม" ซึ่งเป็นคำสำคัญ กลไก แก่นความรู้ ความรู้เฉพาะ และคำอธิบาย ที่เชื่อมโยงในมิติหนึ่งและมีความหมายในเชิงวิชาชีพและวิชาการ เช่น ในกลุ่มแรกที่นำเสนอในวันนี้น่าจะเชื่อมโยงด้วยกลไกของการใช้สมองควมคุมการเคลื่อนไหว (Motor Control Mechanism) ระยะการฟื้นตัวทางการเคลื่อนไหว (Stages of Motor Recovery) หรือ เทคนิค/แนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพทางระบบประสาท (Neurological Rehabilitation Techniques/Guidelines)
2. Common คือ การระดมสมองเพื่อค้นหา "จุดร่วม" ซึ่งเป็นนำเสนอความเหมือนกันของคำสำคัญในการศึกษาที่หลากหลาย เช่น ในกลุ่มแรกที่นำเสนอในวันนี้น่าจะมีจุดร่วม การศึกษาบุคคลที่มีความบกพร่องทางระบบประสาท (Study of People with Neurological Impairment)
3. Conclusion คือ การระดมสมองเพื่อค้นหา "บทสรุป" ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับแบบบูรณาการความรู้ในการศึกษาที่หลากหลาย เช่น ในกลุ่มแรกที่นำเสนอในวันนี้น่าจะมีบทสรุปว่า เทคนิคที่ใช้ในการวิจัยประสิทธิผลของการบำบัดฟื้นฟูบุคคลที่มีความบกพร่องทางระบบประสาท มี 4 เทคนิค ซึ่งยังไม่มีการนำมาผสมผสานหรือเปรียบเทียบประสิทธิผลได้อย่างชัดเจน แต่ละเทคนิคจะใช้ในบริบทและระยะการฟื้นตัวทางการเคลื่อนไหวในแต่ละบุคคล
4. Convey คือ การนำพาความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งในทางคลินิกกิจกรรมบำบัด แบ่งความรู้ออกเป็น 2 ระดับ
ได้แก่ 1) ความรู้ที่ได้มาอย่างรวดเร็ว (Fast Knowledge) ถือเป็นการต่อยอดความรู้ที่มีอยู่แล้วในวิชาชีพกิจกรรมบำบัด (Clinical Implication) เช่น การบังคับการเคลื่อนไหว หรือ Constrain-Induced Movement ที่เพิ่มเติมจากการบำบัดฟื้นฟูทางระบบประสาท
2) ความรู้ที่ได้มาอย่างช้าๆ (Slow Knowledge) ถือเป็นการต่อเติมให้มีความรู้ใหม่ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพกิจกรรมบำบัดในอนาคต เช่น การปรับรูปแบบการบังคับการเคลื่อนไหว หรือ Modified Constrain-Induced Movement ที่คำนึงถือบริบท (Contextualization)
และสุดท้าย ดร.ป๊อป หวังอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิตหนึ่งนี้ ว่า นักศึกษาและอาจารย์สาขากิจกรรมบำบัด ม.มหิดล จะมีความรู้ที่งอกงามขึ้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า และมีการสะสมประสบการณ์ทางวิชาชีพกิจกรรมบำบัดร่วมกับทักษะชีวิตของแต่ละจิตวิญญาณ พร้อมที่จะอดทน เสียสละ มีความเมตตากรุณา และมีจิตอาสาในการพัฒนาระบบการให้บริการทางกิจกรรมบำบัดร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกช่วงวัยที่มีหรือไม่มีความบกพร่องทางร่างกาย และ/หรือจิตสังคม ให้มีความสามารถในการดูแลตนเอง การศึกษา การทำงาน การพักผ่อน การใช้เวลาว่าง และการเป็นพลเมืองดีของสังคมไทย
ขอบคุณมากครับคุณ พ.แจ่มจำรัส
เรียนรู้หลายอย่างจากบันทึกนี้ครับ...ชอบกับคำว่า..." ความรู้ที่ได้มาอย่างช้าๆ (Slow Knowledge)" มากครับอาจารย์
ยินดีและขอบคุณมากครับคุณทิมดาบ
ได้อ่าน ได้เข้าใจ คิดว่านำมาใช้ได้กับทุกสถานการณ์นะคะ
ขอบคุณมากมายค่ะ
มีความสุขกับมื้อค่ำวันนี้ค่ะ
พี่ กร.ป๊อบงอกงามแน่เลย กิจกรรมบำบัดเห็นจากร้อยยิ้ม นศ. แต่ะคน ...
ขอบคุณมากครับคุณ Bright Lily
ขอบคุณมากครับคุณลูกหมูเต้นระบำ
ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจจากอ.นุ
ต่อยอดช้า ๆ เพิ่มเติมจากประสบการณ์ ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากครับคุณหมอธิรัมภา
.... ขอบคุณมากค่ะ กับ ความรู้ดีดี 4 C ในกระบวนการประชุม ....ที่มีคุณภาพ ..... ขอนำไปใช้บ้างนะคะ
ยินดีและขอบคุณมากครับพี่ดร.เปิ้น
โชคดีจังเลยที่ได้อาศัยเรียนรู้ไปด้วย
และอยากเรียนให้ทราบว่าความรู้เรื่อง
การใช้ผ้าขนหนูหนุนศีรษะนอนนั้น
ได้นำไปใช้แล้วกับผู้มีปัญหา 3 ราย
ขออนุโมทนากุศลบุญที่รับมาส่งมอบให้แล้วนะคะ
โอ้ ยินดีมากเลยครับคุณครูต้อย ขอบพระคุณมากครับ และขออนุโมทนาบุญเช่นกันครับผม
พี่สนใจเรื่อง กระบวนการเรียนรู้ค่ะ
คิดว่าไม่ว่าจะศัพท์เทคนิคอย่างไร ความหมายแท้จริงคือ การเรียนรู้ที่ดีเป็นการเรียนรู้ร่วมกันโดยกลุ่มนะคะ เพราะเกิดความหลากหลายและสนุกด้วย
เห็นด้วยว่า เรียนรู้หลากหลาย สนุกสนาน และเกิดปัญญาปฏิบัติแบบกลุ่ม ขอบคุณคุณ Nui มากครับผม
ขอบคุณมากครับคุณ T-Tikk
การได้อ่านบทความของอาจารย์ป๊อบในหัวข้อ "กิจกรรมบำบัดศึกษา - Seminar ที่ดีทำอย่างไร"
ทำให้ ผมได้รับความรู้ในเรื่องของการเรียนแบบ"ร่วมใจ" หรือ Siminar ว่า
การจะทำสัมนาที่ดีนั้นต้องมีองค์ประกอบ4 อย่าง และที่สำคัญในหัวข้อที่4 ที่บอกว่า มีการนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพ
ซึ่ง ผมคิดว่าการนำความรู้ไปใช้แบบ Slow Knowledge นั้นมีความสำคัญมากต่อไปในอนาคต
เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับผู้รับบริการทุกๆคนและทุกๆบริบทได้อย่างมีคุณภาพและมีเป้าหมาย