นายนภนต์ จตุรภุชพรพงศ์ (คอฟ) นักศึกษาชั้นปีที่ ๑
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาฟังเด็กเพลินพัฒนาที่ย้ายไปเรียนที่อื่นกัน...ผมออกไปตอน ชั้น ๙ (ม.๓) ผมย้ายไปเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง เพลินให้ภุมิคุ้มกันเราในการเข้าสังคม ผมเจอตอน ม. ๔ มีคนให้เราเลือกคบทั้งดีและแย่กว่า เราดีที่มีภูมิคุ้มกัน ผมชอบเพลินและมาเพลินบ่อยๆ ชอบครูที่เป็นครูไม่ใช่อาจารย์ ครูคือคนที่ให้ความรู้เรา เป็นความผูกพันเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง เด็กเพลินที่ไปเรียนอยู่วัดนายโรงฯ เรียกได้ว่าดังเพราะเรามีความคิดที่แตกต่าง และสามารถนำเสนอออกมาได้
นายศิรัส จันทร์รุจิพัฒน์ (อ๋อง) เตรียมศึกษาต่อต่างประเทศ
ผมเข้ามาที่เพลินตอน ชั้น ๔ - ชั้น ๘ ผมไปเรียนโรงเรียนที่แตกต่างจากเพลิน ผมไปโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ที่เป็นสังคมที่มีแต่ลูกคนรวยไปเรียนซึ่งตอนแรกผมก็ปรับตัวไม่เข้า ที่เพลินให้ภูมิคุ้มกันเหมือนที่เพื่อนบอก ที่ฮาร์โรว์ เด็กเขาคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ ตอนกลางคืนก็ไปผับ กินเหล้า เป็นเรื่องปกติ แต่ที่เพลินไม่มี แต่เราก็สามารถหาเพื่อนในแบบที่เข้ากับเราได้ซึ่งมีน้อยมาก การเรียนที่เพลินสอนให้เราคิด ซึ่งต่างจากโรงเรียนอินเตอร์ที่สอนให้เราสอบผ่าน สอบได้เกรดสูงอย่างเดียว อย่างเรียนฟิสิกส์ผมไม่รู้ว่าเขาเรียนไปทำไม คือผมอ่านแต่ข้อสอบและท่องอย่างเดียวแต่ของเพลินสอนให้เห็นภาพและนำไปใช้จริงได้ มีการออกภาคสนามที่ช่วยให้เราฝึกคิด
นายรพี พิมพ์ทอง (จูเนียร์) นักศึกษาชั้นปีที่
๑ คณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ผมเข้ามาตอน ชั้น ๓ - ชั้น ๙ แล้วไปอยู่ที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
เป็นโรงเรียนที่เขาเข้มข้นเรื่องวิชาการ ด้านวิทย์ - คณิต ที่โน่นเขาจะเรียนกันค่อนข้างเข้มข้นมากแล้วก็พยายามให้ทำความเข้าใจและท่องจำเยอะมากด้วย ก็ได้นำวิธีการเรียนรู้ที่เพลิน
ค้นข้อมูลและหาข้อมูลเพื่อหาความรู้มาเป็นของตัวเองให้ได้โดยไม่ต้องจำมากเกินไป
ทำให้เรียนรู้ได้มากขึ้น สิ่งที่ผมได้จากเพลินถึงความรู้จะได้ไม่มาก
แต่วิธีการเรียนรู้ที่ได้ไปทำให้ผมเรียนรู้ที่โน่นได้มาก
นายเสาเอก ขันติกิตติกุล (ปั้น) นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย มหาวิทยาลัยมหิดล
ผมเข้ามาตอนชั้น ๕ - ชั้น ๙ แล้วไปเข้าที่มหิดลวิทยานุสรณ์เหมือนจูเนียร์ สิ่งที่ได้จากเพลินคือการสอนเรื่องกระบวนการคิด ซึ่งมีประโยชน์สามารถใช้ได้ในอนาคตอย่างมาก ก็คือตอนที่ผมเรียนอยู่ที่มหิดลวิทยานุสรณ์ ข้อสอบไม่มีตัวเลือก แต่จะเป็นเติมคำ คิดวิเคราะห์ ซึ่งตรงนี้เราได้ฝึกมาแล้วตอนอยู่ที่เพลินทำให้เราทำข้อสอบได้ง่ายขึ้นสภาพแวดล้อมและสังคมที่เพลินจะดีมากไม่ว่าจะเป็นทั้งเพื่อน คุณครู อยู่แล้วเรารู้สึกอบอุ่น สภาพสังคมที่เพลินทำให้เราปรับตัวกับสังคมแบบอื่นได้ อย่างที่มหิดลวิทยานุสรณ์ต้องอยู่หออยู่กับเพื่อน ผมก็สามารถปรับตัวได้
นางสาวฐิติรัตน์ สิริภัทรวณิช (ฟ้า) นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบศิลปะเครื่องประดับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
ครูที่เพลินพัฒนากับครูที่โรงเรียนอื่นจะแตกต่างกัน ครูที่เพลินจะใส่ใจเด็กเยอะเป็นพิเศษ จะคอยอยู่เมื่อเด็กมีปัญหาสามารถเข้าไปหาได้เสมอ ตลอดเวลา ตรงนี้คิดว่าครูคงเหนื่อยและเหนื่อยกว่าครูที่อื่นหลายเท่า อยากให้กำลังใจครูว่าหนูชอบแนวทางที่นี่และอยากให้ครูสู้ต่อไป มีประโยชน์กับตัวเด็กมากเลยนะคะที่ครูอยู่รอเด็กและพร้อมเสมอเวลาเด็กมีปัญหาครูสู้ๆ นะคะ
นายศรณสิญจ์ จุฬาลักษณานุกูล (โอ๊ต) นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ วิทยาลัยนานาชาติ สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล
ผมอยากขอเสริมเรื่องภาคสนามที่ค่อนข้างลุย
สอนให้เราอยู่รอดโดยไม่ต้องใช้ชีวิตหรูหรา ตรงนี้ผมว่ามาถูกทางแล้วครับ รุ่นผมที่
อึด ถึก ทนได้ขนาดนี้เพราะผ่านการภาคสนามมานับครั้งไม่ถ้วน
อย่างเช่นการไปธรรมยาตรา การไปที่วัด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
ไม่ติดหรูใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ
เด็กบางคนอาจจะมาจากครอบครัวรวย พ่อแม่มีเงินเยอะ
ไม่จำเป็นต้องไปแบบนั้นก็ได้ แต่อยากจะบอกว่าภาคสนามดีจริงๆ ตรงฝึกให้รู้จักความยากลำบาก
นายภคพล ตั้งนันทชัย (ปราณ) นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
อยากเสริมที่โอ๊ตพูดที่พ่อแม่บางคนบอกว่าที่บ้านสะดวกสบายอยู่แล้วจะไปลำบากทำไม อนาคตเราไม่รู้ว่าจะเจออะไร วันหนึ่งเด็กก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ถ้าเขาได้เรียนรู้การออกไปใช้ชีวิตภายนอกมันก็จะเป็นประโยชนืต่อตัวเขาอย่างมากเพราะอนาคตเป็นของเขาเอง ผู้ปกครองไม่สามารถดูแลเขาไปตลอดได้หรอกครับ
นางสาวภคมน วนพูนสุข (แนท) นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ วิทยาลัยนานาชาติ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หนูเข้ามาเพลินตอนชั้น ๕ ภาควิริยะ แล้วออกไปตอนชั้น ๘ ไปเรียนโรงเรียนแบบปกติในเมือง แต่สุดท้ายก็รักเพลินเพราะชินกับเพลินที่สอนให้คิดเองทำเอง แต่ที่ๆไปเรียนเขาสอนให้เรียนจากตำรา ขึ้นกระดานให้เด็กอ่านตาม อยู่ห้องหนึ่งมี ๕๐ คน อย่างที่เพลินห้องหนึ่งมี ๑๘ คน รักกันมากอยู่กันเป็นครอบครัวสุดท้ายก็มาจบที่เพลินอยู่ดี ชอบความเป็นครอบครัวเพลินพัฒนาชอบที่ทุกคนรักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันทุกอย่าง ทำให้เรารู้สึกว่ามีคนช่วยเหลือตลอดเวลา ครูน่ารักมากช่วยทุกอย่างเหมือนเป็นพ่อแม่ของเรา มีอะไรติดขัดเพื่อนก็จะช่วยเหลือกันอย่างดี อยากฝากน้องๆ ว่าเก็บประสบการณ์ในเพลินให้ได้มากที่สุด
ขอเสริมของเพื่อนว่า ที่ศิษย์รุ่นที่ ๑ -๔ ที่ออกมาได้ประสิทธิภาพเพราะเราผ่านการขัดเกลามาจากคุณครูมาก คุณครูต้องเหนื่อยกับเรามากกว่าจะมาได้ขนาดนี้ ต้องผ่านการขัดเกลา เขี่ยวเข็ญ เราเอาไปใช้ได้อย่างดี
เพราะคุณครูจริงๆ พวกเราทั้ง ๔ รุ่นถึงได้เป็นแบบนี้
ชื่มชมครับ..ดอกผลเพลินพัฒนา
ขอปรบมือแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ รร.เพลินพัฒนา ขอบคุณมากครับผม
ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเป็นกำลังใจค่ะ :)