เที่ยวฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ (๑)


ป้ายต่างๆ เป็นภาษาฝรั่งเศส เดาไม่ออก

วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๙

ลูกสาวที่เรียนจบปริญญาเอกด้วยทุน คปก. ได้ไปประชุมวิชาการ The 13th World Congress of Food Science and Technology ภายใต้ theme “Food is Life” ที่เมือง Nantes ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ กันยายน ๒๕๔๙ ดิฉันจึงถือโอกาสติดตามไปเที่ยวพักผ่อนด้วย หลังจบการประชุมวิชาการเราจะกลับมาอยู่และเที่ยวที่เมืองปารีส วันอังคารที่ ๒๖ กันยายนจะเดินทางไปยังเมือง Asten ประเทศเนเธอร์แลนด์ อยู่ที่นั่นจนถึงวันศุกร์ที่ ๒๙ กันยายนแล้วจึงเดินทางกลับมาที่ปารีสเพื่อเตรียมตัวกลับเมืองไทย คณะเราเป็นชุดแม่-ลูก ๔ คนคือดิฉัน ลูกสาว ลูกเขย และแม่ของลูกเขย

วันที่จะเดินทางดิฉันวุ่นวายกับการสะสาง สั่งงาน และฝากงาน (ทั้งงานบ้านและงานอาชีพ) กว่าจะได้ตระเตรียมข้าวของก็เย็นเกือบค่ำ แม้แต่อาหารเย็นก็ไม่ได้รับประทาน เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองและ check in เรียบร้อยแล้ว รู้สึกหิวมาก ลูกสาวซื้อแซนด์วิช ๑ ชิ้น ราคา ๙๐ บาท เห็นชิ้นแฮมโผล่ออกมาดูเสมือนว่าข้างในมีใส้แฮมอยู่เยอะ แต่พอแกะขนมปังออกมาดูปรากฏว่ามีเพียงแฮมชิ้นเล็กๆ วางอยู่ริมๆ เท่านั้น แซนด์วิชอะไรแพงได้ขนาดนี้ แถม "สร้างภาพ" หลอกเราอีก คราวหลังพกของรับประทานมาจากบ้านน่าจะดีกว่า

เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยเที่ยวบิน TG 930 มุ่งหน้าสู่ปารีสเมื่อเลยเวลา ๒๔ น.ย่างเข้าวันที่ ๑๖ กันยายนไปเล็กน้อย เครื่องบินขึ้นได้สักพักก็งีบหลับไป ตื่นขึ้นมาเพราะเขาเสริฟอาหารตอนประมาณ ๐๑.๓๐ น.เข้าใจว่าคงเป็นเวลาอาหารค่ำของที่ปารีสเพราะเวลาที่นั่นช้ากว่าเมืองไทย ๕ ชั่วโมง หลังจากนั้นหลับๆ ตื่นๆ ตลอด เรานั่ง Economy class ที่นั่งจึงคับแคบ หลับไม่สบาย ยังโชคดีที่เก้าอี้ข้างๆ ว่างอยู่ ๑ ที่ พอจะยกแข้งยกขาขึ้นมาวางได้บ้าง ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเวลาประมาณตีสี่กว่าของปารีส ล้างหน้าแปรงฟันแล้วนั่งอ่านหนังสือ “บริษัทกะรอกน้อย จำกัด” ที่ซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้อ่านอย่างจริงจังสักที

ดิฉันอ่านหนังสือบริษัทกะรอกน้อยอย่างละเอียดตั้งแต่หน้าแรก เพราะอยากจะทำความเข้าใจเรื่องของ storytelling ให้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็จบบทที่ ๑ ไปเที่ยวคราวนี้ดิฉันตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบ

เราถึงสนามบิน Charles de Gaulle เวลาประมาณ ๐๗ น. กว่าเล็กน้อย กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของฝรั่งเศสแตกต่างจากที่ดิฉันเคยมีประสบการณ์ ดูแล้วไม่รู้ว่าเข้าแถวตรงไหน คนเดินแทรกกันไป-มา ไม่ค่อยมีระเบียบ เจ้าหน้าที่ดู passport แล้วก็ผ่านไปได้ ไม่มีการซักถาม แต่คนที่นั่นเขาบอกว่ามีการสุ่มตรวจ ถ้าเขาสงสัยเขาจะกันตัวออกไปต่างหาก

อากาศที่ปารีสเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว ดิฉันมีหลานสะใภ้มาทำงานประจำอยู่ที่สำนักงาน ททท.ปารีส หลานชายและลูกสาวมาอยู่ด้วย เลยจัดหารถตู้ของคนไทยมารับจากสนามบินไปส่งที่ apartment ของหลาน คนขับรถชื่อ “คุณอ๊อด” มายืนยกป้ายชื่อรออยู่แล้ว คุยกันจึงรู้ว่าคุณอ๊อดเป็นชาวชัยภูมิ มาทำงานอยู่ที่นี่เกือบ ๒๐ ปีแล้ว พอขึ้นรถก็เปิดเพลงลูกทุ่งไทยให้ฟัง ลูกสาวของดิฉันจึงบอกว่าอย่างนี้น่าจะมี “ข้าวเหนียว” กับหมูทอด เรานั่งรถโดยเอา hand bag วางไว้ที่พื้น เอาขาคร่อมไว้ เพราะก่อนมามีคนเตือนเยอะว่ามีพวกมิจฉาชีพทุบกระจกรถฉกชิงเอาไปง่ายๆ แม้แต่ตอนที่ไปขอ visa เจ้าหน้าที่สถานฑูตฝรั่งเศสก็ยังเตือน

ไปถึง apartment ที่ครอบครัวของหลานพักอยู่ ได้รับการต้อนรับด้วยข้าวต้มกุ้งคนละ ๑-๒ ถ้วย เราพักผ่อนคุยกันแบบสบายๆ เอาของบางส่วนออกจากกระเป๋าฝากไว้ที่บ้านหลาน เพื่อไม่ให้กระเป๋าหนักมากเกินไป เราออกไปรับลูกสาวอายุ ๖ ขวบของหลานที่เรียนอยู่ใกล้ๆ หลานชายเตือนว่าเวลาเดินต้องมองถนนด้วย เพราะถนนที่นี่มี “อุจจาระน้องหมา” เยอะ ทำให้เราต้องคอยระวังตัวตั้งแต่บัดนั้น พอเที่ยงครึ่งคุณอ๊อดก็มารับพวกเราอีกครั้งพาไปส่งที่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางต่อไปเมือง Nantes ตอนนั่งรถไปสถานีรถไฟ เรามองเห็นหอ Eiffel อยู่ไกลๆ คุณอ๊อดกลับบ้านไปนึ่งข้าวเหนียวร้อนๆ พร้อมซื้อหมูแดงและหมูกรอบมาฝากด้วยถุงใหญ่ ทำเอาเราซาบซึ้งใจไปเลย

 

หอ Eiffel ที่มองเห็นไกลๆ

 

หลานชายและลูกสาวของเขาไปส่งที่สถานีรถไฟด้วย ไม่อย่างนั้นเราคงมีโอกาสตกรถไฟ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ชานชลาไหน ป้ายต่างๆ เป็นภาษาฝรั่งเศส เดาไม่ออก หลานบอกจึงรู้ว่า voie แปลว่าชานชลาและกว่าป้ายจะขึ้นบอกว่ารถไฟขบวนที่จะไป Nantes อยู่ที่ชานชลาไหนก็ใกล้เวลารถออกเต็มที แถมตู้ที่เราจะขึ้นอยู่ท้ายๆ ขบวน จึงต้องลากกระเป๋าแบบเดินแกมวิ่ง เราจองตั๋วรถไฟผ่านอินเตอร์เน็ต ได้เลขที่ตู้และที่นั่งมาเรียบร้อย เราได้ยินมาว่าเวลาขึ้นรถไฟบางทีคนที่นี่ก็มานั่งที่ที่เราจองไว้เฉยเลย เราจึงจองตั๋วในชั้น ๑ ซึ่งราคาแตกต่างจากชั้น ๒ ไม่มากนัก (ไม่เห็นมีชั้น ๓) ที่นั่งภายในจัดแถวเก้าอี้แบบ ๒-๑ (คนละด้าน) ที่นั่งของเราเป็นแถวละ ๒ ที่นั่ง หันหน้าเข้าหากัน มีกระจกกั้นบางส่วนพอให้รู้สึกว่ามีความเป็นส่วนตัว มีป้ายติดไว้ว่าขอให้เงียบๆ

 

ลูกสาวขณะหลับบนรถไฟ

 

รถไฟออกตรงเวลาประมาณ ๑๔ น. จอดเพียง ๒-๓ สถานี สองข้างทางเหมือนชนบทบ้านเรา แต่ท้องไร่ท้องนาดูมีเนื้อที่มากมาย ถึง Nantes ในเวลา ๑๖ น.กว่า

วัลลา ตันตโยทัย

หมายเลขบันทึก: 53167เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2006 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 14:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท