ต้องขอเอ่ยถึงเรื่องเดิมก่อน ที่เล่าว่ารถยนต์คู่ชีพของครูอ้อยเก่าและแก่มากนั้น ต้องมีการซ่อมบำรุงทุกๆเดือน คราวนี้อันตรายมาก เพราะเกี่ยวกับเครื่องห้ามล้อ (เบรค) ระยะนี้ฝนตกทุกวัน จึงเป็นอันตรายแก่ผู้ขับขี่ยานยนต์มาก
ครูอ้อยจึงคิดว่าจะต้องเอารถไปให้ช่างที่เป็นคุณพ่อของนักเรียนและฝากรถไว้ ตอนเย็นจะมารับกลับ แต่รถเขาป่วยหนักมาก ไม่สามารถวิ่งไปถึง ซอยลาดพร้าว 71 จึงต้องเลี้ยวไปขอความช่วยเหลือคุณตำรวจ สน.โชคชัย ที่ช่วยถอยรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ลืมถามชื่อว่าท่านชื่ออะไร แต่ท่านมีดาบอยู่ที่คอ และคงเป็นดาบเวร กระมัง เรียกไม่ค่อยจะถูก ขอบคุณผ่านออนไลน์อีกครั้ง อาจจะเขียนเป็นบันทึกอีกก็ได้
เรามีการติดต่อกันระหว่างครุอ้อยกับช่างซ่อมรถตลอดวันด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะต้องเอากุญแจไปฝากไว้เจ๊ขายก๋วยเตี่ยวใกล้อู่ซ่อมรถ เพราะยังเช้ามืดอยู่ ช่างคงยังไม่ตื่น ครูอ้อยจึงต้องนั่งแท็กซี่ไปโรงเรียน
อาการของรถ คือ ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ 2000 บาท และเรื่อง เบรค ตลอดจนค่าบริการ รวมทั้งสิ้น 3,210 บาท พอดีคุณครูทุกคนได้โบนัสประจำปีเป็นจำนวน 3,490 บาท จึงใช้เงินโบนัสนี่ล่ะเป็นค่าซ่อมรถ เป็นที่ระลึก จำง่ายดี
ตอนเย็นเดินไปบอกนักเรียนว่า " วันนี้จะกลับบ้านมาเรียกครูกลับด้วยนะ เพราะรถของครูอยู่ที่บ้านของนักเรียน "
เมื่อถึงเวลาที่คุณแม่ของนักเรียนมารับลูกชายฝาแฝดทั้งคู่ ครูจึงนั่งรถไปด้วย ตลอดเวลาที่นั่งไปในรถ สังเกตเห็นว่า คุณแม่เป็นคนใจดี และเด็กทั้งสองคนก็พูดได้ตลอดเวลา พอถึงบ้าน คนแรกก็บอกคุณแม่ว่า "เดี๋ยวผมจะลงไปดูรถให้ " และโบกไม้โบกมือให้คุณแม่ของเธอจอดรถได้
ครูอ้อยเดินตามนักเรียนทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ น่าอยู่ ซื้อขนมจีบมากินด้วยกันด้วย ในขณะที่คุยกันก็กินขนมด้วยความหิวโหย และนักเรียนก็แสดงความเป็นเจ้าของบ้านตามประสาเด็กผู้ชาย คุณแม่เดินมาพร้อมกับแก้วน้ำเย็นใบโตมาให้ครูอ้อย เราทั้ง 4 คนนั่งคุยกันเรื่องเรียนของนักเรียน
ในคราวนี้เอง ครูอ้อยจึงถือโอกาสใช้กลวิธีเยี่ยมบ้านนักเรียน เพื่อเป็นการต่อยอดของกลยุทธิ์ที่ใช้ในวันนี้ เรียนเชิญอ่านที่นี่ก่อน
คุณแม่ก็พูดอย่างมีความต้องการให้ครูทำอย่างไร ครูอ้อยก็รับความต้องการและจะปฏิบัติในภาคเรียนต่อไป
ส่วนนักเรียนทั้ง 2 คน พูดคุยเรื่องของการทำความดีในวันนี้ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเพื่อน คุณแม่ก็พอใจ และเลยมาพูดถึงเรื่องการอยู่ในสังคม ครูก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการปลูกฝังคุณธธรรมที่ดีให้แก่นักเรียน
ครูอ้อยนั่งคุยอยู่จนหกโมงเย็น จ่ายเงินค่าบริการแล้ว ก็ลากลับบ้าน ท่าทางนักเรียนจะยังอยากให้ครูของเขาอยู่ต่อสักนิด แต่คุณแม่ตัดบทว่า เย็นมากแล้ว เดี๋ยวฝนจะเล่นงานครูอ้อยอีก
ครูอ้อยขับรถกลับบ้านคนเดียว รู้สึกอิ่มเอมใจ ที่ได้พบกับความสำเร็จ ถึงแม้จะน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร
สวัสดีคะยามเช้าคะครูอ้อย...
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ...อ่านไปยิ้มไปเลยคะ...
น่ารักจังลูกศิษย์ของครูอ้อย...กะปุ๋มเชื่อว่าการที่เขาคุยจ้อได้...
เพราะคุณแม่และครูอ้อยให้โอกาสคะ...ที่บ้านเราก็ตระหนักเช่นกันคะ...เวลาที่เราคุยกันหลานๆ ...มาแทรกด้วยเราก็ไม่เคยตำหนิคะว่าเป็นเรื่องผู้ใหญ่คุยกัน...บางทีเขาก็มาแสดงความคิดเห็นแบบเด็กๆ ด้วยคะ...
ดีใจคะที่เห็นครูอ้อยสบายใจ
*^__^*
กะปุ๋ม
บรรยากาศดีมากครับ ...คุณครูกับศิษย์ตัวน้อย
ผมว่า สรุปได้จากบันทึกที่น่ารักนี้ คงเป็น "จิตใจ" ที่มุ่งให้ ให้อย่างเต็มใจ เป็นบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยมิตรภาพอย่างแท้จริง
ครูอ้อย ถ่ายทอดได้ดีมากครับ...ในทุกบันทึก
อรุณสวัสดิ์ค่ะ Dr.Ka-Poom
สวัสดีค่ะ คุณเอก
คุณขจิตคะ
คุณวัฒนาคะ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทุกท่าน
เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านนักเรียนคู่เดิมอีกครั้ง ที่ว่าคู่เดิมเพราะเด็กคู่นี้เป็นฝาแฝดกันค่ะ และโชคดี ขณะที่กำลังเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่ง ได้พบนักเรียนอีกคนหนึ่งเดินกับคุณแม่ คุณแม่มาทักทายและเชิญให้ครูอ้อยไปเที่ยวเล่นบ้านของท่านบ้าง
ครูอ้อยนั่งเล่นอยู่บ้านแฝดสักครึ่งชั่วโมง คุณแม่คุณพ่อของแฝดนั้นมีความพอใจมากที่เห็นลูกๆทั้งสองชอบเรียนภาษาอังกฤษ แค่ชอบเขาก็พอใจ เพราะเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยชอบเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งสองคนวอนขอให้ครูอ้อยมาสอนพิเศษให้เด็กๆในวันหยุดบ้าง ครูอ้อยไม่รับปาก เพราะไม่นิยมการสอนภาษาอังกฤษค่ะ
ส่วนอีกบ้านหนึ่งนั้น คุณแม่ก็ยกอาหารมามากมายมาเลี้ยงครูอ้อย ปฏิเสธไปเพราะตอนเย็นครูอ้อยไม่ค่อยกินอะไรมากนัก บ้านนี้คุณพ่อกลับจากทำงานดึก ดังนั้นคุณแม่จึงมีหน้าที่ทั้งเป็นพ่อและแม่ ดูแลลูกได้ดีมาก เลยแนะนำให้ปล่อยเด็กเขามีอิสระในเวลาว่างบ้าง สักวันละ 1 ชั่วโมง ให้เขาคิดอะไรเป็นของเขาเอง คุณแม่เขาชอบครูอ้อยมาก เธอชมว่าคุยสนุกดี มิน่าเล่าลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่าครูอ้อยตลกดี
ครูอ้อยจะยึดอาชีพตลกในโอกาสต่อไปค่ะ
ขอเพิ่มเติมเรื่องผู้ปกครองที่ซ่อมรถให้ครูอ้อย
วันหนึ่งกระจกหลังของครูอ้อยแตก ด้วยความไม่รู้ว่าจะไปซ่อมที่ร้านไหน จึงโทร.ติดตามถามจากช่างซึ่งเป็นคุณพ่อของนักเรียน ช่างก็ไม่รู้แต่รับปากว่าจะถามให้แล้วจะโทร.กลับมาบอก
ด้วยความเป็นคนมีน้ำใจ คุณพ่อนักเรียนชื่อ คุณณรงค์ก็โทรกลับมา และบอกว่าร้านที่ทำกระจกนั้นอยู่ในซอย ลาดพร้าว 69 ข้างซอยช่างณรงค์นั่นเอง ครูอ้อยรีบจดหมายเลขโทรศัพท์ 02-5302736-7 หรือ 02-9330707 ครูอ้อยรีบโทร.ตามและถามราคา
จากนั้นรีบโทร.ให้พ่อบ้านนำรถมาที่ดังกล่าว ครุอ้อยนั่งรถมอเตอรืไซค์รับจ้างออกไปรับรถ แล้วก็กลับบ้าน
เรื่องนี้ หากเรารู้จักคน และรู้จักศักยภาพของเขา เราก็จะได้รับประโยชน์นั้นด้วย