ไหว้พระ ๙ วันเป็นสิริมงคลชีวิต
ในช่วงเทศกาล ครอบครัวของข้าพเจ้า และครอบครัวน้องชายมีรสนิยมเหมือนกัน คือไม่เดินทางไปไหนไกล นอกจากอยู่บ้าน ทำบุญ ไหว้พระ และหาร้านอาหารทานอาหารร่วมกันสองครอบครัว สามสี่ปีมานี้ โชคดีที่เรามี "กะทิ" เป็นความสุขที่เราพกพาไปด้วยเสมอ เป็นความสุขที่งดงาม และปรารถนาให้เป็นความสุขโดยตัวเองและสร้างความสุขให้คนรอบข้าง
ส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๕ ข้าพเจ้าเสนอว่าเราสองครอบครัวจะไปไหว้พระ ๙ วัด ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
วัดแรก วัดป่าเลไลยก์ สันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ ๑,๒๐๐ ปี เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท) วัดนี้เป็นสถานที่หนึ่งที่อ้างอิงในวรรณคดีขุนช้าง-ขุนแผน
วัดที่สอง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระผงสุพรรณ เรียกสั้น ๆ ว่า “วัดพระธาตุ” เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่มีอายุยาวนานไม่ต่ำกว่า 60 ปี มีพระมหาธาตุอันเป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วัดที่สาม วัดแค ไหว้พระหลวงปู่คงนั่งพญาต่อ เป็นวัดที่มีชื่ออยู่ในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เป็นวัดที่ขุนแผนได้มาเรียนวิชา เสกใบมะขามเป็นตัวต่อ ตัวแตน กับ สมภารคง เพราะที่วัดแคมีต้นมะขามยักษ์ ขนาดใหญ่ ๙ คนโอบ
วัดที่สี่ วัดสารภี ไหว้พระพุทธมุนีศรีมงคล มีอายุกว่า 100 ปี
ปิดทองหน้าพระ
ลอดท้องพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เชื่อว่าหายป่วยไข้
วัดที่ห้า วัดพระลอย ที่มาของวัดเชื่อว่ามีพระพุทธรูปปางนาคปรกเนื้อหินทรายขาวลอยมาตามแม่น้ำท่าจีน(แม่น้ำสุพรรณ) จึงได้ทำพิธีอาราธนาขึ้นมาจากแม่น้ำ สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี เป็นที่สงวนพันธุ์สัตว์น้ำ มีฝูงปลาหลายชนิดผู้มาเที่ยวชมสามารถให้อาหารปลาได้ ถือเป็น อุทยานมัจฉา อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี
กะทิขอเสี่ยงเซียมซี...ตอนแรกกระจาย ลองครั้งต่อไปได้เลข ๑๕ ค่ะ
วัดที่หก วัดหน่อพุทธางกูร เป็นวัดที่เงียบสงบสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ภายในพระอุโบสถหลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ ค่อนข้างสมบูรณ์ชัดเจน เป็นจิตรกรรม ที่มีความงดงาม เขียนราว พ.ศ. 2391 ในสมัยรัชกาลที่ 3
วัดที่เจ็ด วัดพระนอน ติดกับแม่น้ำท่าจีน สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมี อุทยานมัจฉา อยู่บริเวณริมน้ำหน้าวัด มีปลานานาชนิดชุกชุม เป็นเขตอภัยทาน มีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์สลักจากหิน มีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น คือ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในลักษณะนอนหงายขนาดเท่าคนโบราณยาวประมาณ 2 เมตร ลักษณะคล้ายกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย
วัดที่แปด วัดพิหารแดง ความเป็นมา สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีทหารเอกชื่อพระเทพราชา เป็นคนบ้านโพธิ์หลวง ซึ่งปลูกหมากและพลู ส่งไปเมืองหลวง ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น "พลูหลวง" จนถึงปัจจุบัน (หมู่ที่ 1) และต่อมาพระเทพราชาเป็นพระเจ้าแผ่นดินต่อ ได้ไปค้นพบวิหารในบริเวณใกล้บ้านพลูหลวง ได้ปรับปรุงบูรณะโดยใช้สีแดงเป็นหลัก เพื่อเป็นอนุสรณ์ อยู่ต่อมาวัดวิหารแดง เรียกเพี้ยนมาเป็น "วัดพิหารแดง" และใช้เป็นชื่อเรียกตำบลพิหารแดงเป็นต้นมา
วัดที่เก้า วัดสำปะซิว มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานต่อๆกันมาว่า เดิมสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ ที่กองทัพไทย ใน “ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ” ได้มาหยุดพักรบ เพื่อตรวจสอบบัญชีจำนวนทหารในกองทัพว่า มีจำนวนทหารที่สูญหายจากการทำศึก เท่าใด และมีจำนวนทหารเหลืออยู่เท่าใด ซึ่งประชาชนในสมัยนั้นเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “ สางบัญชี “ จึงตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “ วัดสางบัญชี “ เนื่องจากสาเหตุอันใดไม่ทราบ ได้ทำให้การเรียกชื่อวัดแห่งนี้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จากชื่อว่า “ วัดสางบัญชี “ เป็น “ วัดสำปะซิว “มาจนถึงทุกวันนี้
การไหว้พระ ๙ วันในวันเดียวเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจและทำในสิ้นปีเก่าที่ผ่านมา เพื่ออธิษฐานจิตตั้งมั่น น้อมกายใจยึดมั่นนำหลักธรรมมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ปีใหม่ปีนี้ เริ่มต้นด้วยความหวังของทุกท่านว่าจะให้ดีขึ้นกว่าเดิม หรือหากคิดว่าที่ผ่านมาดีแล้ว ก็อยากให้ดีเหมือนเดิม
สำหรับข้าพเจ้า จะดีหรือไม่อยู่ที่เราสร้างเหตุ ขอให้เราสร้างเหตุ กรรมดี จิตดีมีกุศล ผลบุญจะส่งให้มีปัจจัยดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต