"ป๊ะกับม๊ะมีสวนยางแปลงเดียวนี้แหล่ะลูกเห้อ ปะเฝ้าใส่ปุ๋ย พรวนดินอยู่เป็นประจำ เพื่อว่าวันหนึ่งมันได้เติบใหญ่ แข็งแรง และได้แผ่ร่มเงาไปให้ผู้อื่นด้วย"
พ่อบอกผมต่อหน้าคุณครูที่ไปเยี่ยมบ้านเมื่อครั้งผมเรียนประถมศึกษา
ณ ขณะนั้นผมรู้สึกฉงนงวยงงว่าพ่อเอาสวนยางมาจากไหนมาพูด ในขณะที่คุณครูอมยิ้มอย่างชื่นชมพ่อและส่องนัยตามายังผม เหมือนจะสื่อให้ผมรู้ว่าผมคือความหวัง เพราะพ่อและแม่ไม่มีสวนไร่นาแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หลังจากนั้นผมได้จดจำใคร่ครวญ คิด วิเคราะห์คำพูดนั้นอยู่ตลอดจนได้คำตอบว่า "สวนยาง" ที่พ่อได้เอ่ยต่อหน้าคุณครูในวันนั้น นั่นคือตัวผม คือลูกคนนี้
พ่อและแม่ตรากตรำ บากบั่นสู้งานหนัก ทั้งเฝ้าประคบประหงมเพื่อส่งเสียให้ลูกได้มีการศึกษา มีความรู้ความสามารถ เป็นพลเมืองที่ดีและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เมื่อลูกเติบโต จบการศึกษาอย่างที่พ่อแม่คาดหวังไว้ มีกินมีใช้อย่างพอประมาณ ก็จำเป็นต้องแผ่ร่มเงา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตอบแทนผู้มีบุญคุณทั้งหลาย รวมถึงสังคมที่เราอยู่อาศัย
เพียงเพราะคำของพ่อแค่เพียงประโยคเดียว ฝังลึกสุดก้นบึ้งในจิตใจตั้งแต่ประถมจวบจนทุกวันนี้ วันที่ผมจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ก่อนจะทำสิ่งใด ผมได้คิดถึงคำของพ่ออยู่เสมอ จนทำให้ผมมีวันนี้ได้
ผมขอขอบคุณ "คำของพ่อ" และ ผมรัก "พ่อ" ครับ
วิทวัส อันตาผล 2 ธ.ค. 2555
พ่อ..แม่...ทำงาน..ทำอะไรต่างๆ....ให้ลูก...ก็หวังเพียงว่า... ลูก...จะมีความรู้....ช่วยตนเองได้...ในอนาคต ...เท่านั้น นะคะ
ขอบคุณค่ะ