ธนาคารอาหารส่วนตัว...เพื่อเตรียมรับวันโลกร้าว..ตามทำนายของนอสตราดาโม้


เตรียมพร้อมรับวันโลกร้าว

คุณอาจมีเงินสิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน  แต่เงินคุณที่ฝากไว้จะไร้ค่า ถ้าไม่มีอะไรกินในวันโลกร้าว   ส่วนนอสตราดามุส จะทำนายอะไรเรื่องโลกแตก (และร้าว)ผมไม่ค่อยได้ฟัง (เบื่อ...เพราะเอาแต่วิถีดาวเป็นหลัก แรงดึงดูดหฮ่าไรมันจะแรงได้ปานนั้น)

 แต่พอผมได้ดูสารคดีฝรั่ง ทางช่อง national geographic เรื่องการเตรียมพร้อมรับวันโลกร้าวจากเศรษฐกิจทุนนิยมเมื่อสองวันก่อนแล้วขำ ....... เพราะเรื่องเดียวกันนี้ผมเองก็คิดไว้แต่เมื่อสัก ๒๐ ปีก่อน โดยผมไม่ได้ดูดาวหรือจินต์เอาเอง แต่ผมใช้เหตุผลลุ่นๆว่า เศรษฐกิจทุนนิยมมันจะล่มสลายอย่างแน่นอน ไม่นานนี้ เพราะมันเป็นระบบที่ “กินตัวเอง” ...โดยผมเขียนบทความไว้มากหลาย รวมทั้งใน กทน. นี้ ...โดยเฉพาะเอาเศรษฐกิจทุนนินยมมาผสมการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ แบบที่จีน โซเวียต และเวียตนาม กำลังทำกันอยู่และ ไทยเราก็นิยมกันเหลือหลาย  (ไทยเรานิยมอะไรก็ได้เสมอ ไม่ว่างี่ง่าวปานใดก็ตาม) 

...เหมือนเสาไม้ที่มันสร้างขึ้นมานาน ต่อยอดให้สูงกันขึ้นไปเรื่อยๆ พอมันไปต่อไม่ไหว อากาศบางลงเรื่อยๆ หายใจไม่ทัน มันก็ต้องหากินกับโคนมันก่อน เพื่อพยุงตัว แต่พอโคนผุ หมดเนื้อไม้รองรับยอดหนัก เสามันก็ล้ม ..... ก็ตายกันเป็นเบือ ตามธรรมดา แบบนี้ผมทำนายไว้นานแล้ว ตามหลักสามัญสำนึกธรรมดา .....ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหนังสือ นอสตราดาโม้ มาอ่านหรอก รับรองว่าแม่นแน่ เหมือนจับวาง (มือห้ามสั่นก็แล้วกัน) 

พอเสาสูงล่ม ผมทำนายต่อว่า จะเกิดโกลาหลทั่วโลก มหันตภัยนี้รับรองว่าเกิดแน่ และจะหนักยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก 

เรื่องทำนองนี้ พวกฝรั่งมันก็คิดกันออกเหมือนกันนะ แสดงว่าพวกฝรั่งมันไม่ได้โง่ไปเสียหมดทุกคนแบบไอน์ไสตน์ หรือ เอดิสัน บิลเกตส์ สตีฟจ๊อบ หรอก.......

แต่ครั้นพอจะหาวิธีแก้วิกฤต ฝรั่งมันกลับคิดกันโดยเน้นไปที่การป้องกันตัว เช่น ต้องสะสมอาวุธ เพื่อป้องกันพวกรากหญ้า ยากจน มาปล้นเอาเสบียงอาหาร มันเลยคิดกันว่าก่อนอื่นต้องสะสมปืน กระสุนกันให้มาก รวมทั้งระเบิดบ้าบออะไรตามประสาฝรั่งโง่

แต่สิ่งที่ผมคิดคือ เราทุกคน ควรสะสมอาหารไว้ให้กินได้นานสามปี ซึ่งไม่ยากเลย 

...วิธีการของผมคือ การทำแห้ง แล้วป่นละเอียด โดยผมเน้นไปที่ผัก และแป้ง

คนไทยเรานั้นเก่งด้านหมักดองมากที่สุด เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ผักดอง ข้าวหมาก หน่อไม้ดอง น้ำปลา แต่เรามักอ่อนแอด้านการทำแห้ง (ผิดกับจีน ฝรั่งที่ทำแห้งเก่งกว่าเรา เช่น หมูแฮม เบคอน ไชโป๊ ดอกไม้จีน ดอกเก๊กฮวย หน่อไม้แห้ง หมูหยอง ) 

การทำแป้งป่นละเอียดแห้งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะคนไทยเราเองก็ทำกันมานานแล้ว เช่น แป้งมัน แป้งข้าวโพด ข้าวเจ้า มะพร้าวแห้ง แต่ผมขอแถมแป้งมันเทศ มันพร้าว มันอื่นๆ อีกหลากหลาย

เนื้อแห้งป่นเราก็ทำกันพอควร เช่น กุ้งแห้ง ปลาป่น ปลาย่างรมควัน

ที่เราทำกันน้อยมากคือผักแห้งป่น อาจเป็นเพราะมันทำยาก เพราะผักมันมีน้ำมาก (ผักส่วนใหญ่มีน้ำ ๗-๘ สิบปซ.) ดังนั้นผมเสนอวิธีใหม่ดังนี้....

เอาผัก เช่นผักคะน้า กาดขาว หัวไชเท้า มาทุบด้วยสากพอแบนๆ แล้วเอาไปรีดน้ำออก (เช่นด้วยการผ่านเครื่องรีดปลาหมึกปิ้งริมทาง) ...........จากนั้นเอาไปตากแห้งด้วยแดด จะทำให้แห้งสนิทได้ภายในหนึ่งวัน โดยเฉพาะหากใช้เครื่องอบที่ผมคิดค้น ทดลอง และเปิดเผยไว้แล้ว แบบยกให้ฟรีๆ (แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผักอาจจะไม่แห้งทันเวลา และอาจเน่าเสียเสียก่อน)

สำหรับน้ำผักที่คั้นออกมาได้ ก็อย่าทิ้ง เพราะเอาไปทำประโยชน์ได้มากหลาย เช่น เอาไปดื่มสดๆ (เช่นที่กำลังนิยมกันในวันนี้ เช่น น้ำแครอท ใบย่านาง) หรืออาจ เอาไปต้มเป็นน้ำซุป เอาไปหมักเป็นไวน์ หรือ เป็นน้ำกระสาย หรือเอาไปหมักกับปลา เป็นปลาร้าน้ำผัก ...ชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อ ยังมีเทคโนฯอาหาร ที่หมักน้ำผัก เป็นอาหาร แล้วเอามากินกับผักสด ผักรวก อร่อยมาก

พอผักแห้งแล้ว เราอาจเก็บยัดอัดใส่ขวดได้เลย หรือ ถ้าต้องการประหยัดพื้นที่ก็ให้เอามาทำป่นเสียก่อนก็ได้ จากนั้นตำให้แน่น เขียนระบุวันเวลาที่เก็บ แล้วเอาไปเก็บกินได้นานสามปี 

พอมีวิกฤต ก็เอาผง แป้ง ผัก เนื้อ ที่แห้งๆ มาผสมกัน เคี้ยวกินได้เลย ...หรือเอาไปปั้นเป็นก้อน ทำเป็นอาหารให้ทหารได้เลย กินกันตายในระหว่างการรบเพื่อป้องปกชาติ (เรื่องพวกนี้ผมเอาไปสอนทหารนายพลหลายสิบคน ระดับวางนโยบาย แต่มันไม่สนหรอก สนแต่จะไปตีกอล์ฟ ออฟแคดดี้ไปวันๆ ) 

และถ้ามีคนมาปล้น ก็บอกเขาว่าอย่ามาปล้นเลย มากินด้วยกันดีกว่า โดยแลกกับแรงงานที่จะมาช่วยทำนา ปลูกผัก ให้เป็นอาหารกันต่อไป เพียงสามสี่เดือนก็ได้ผลพอกินแล้ว ก็รอดตายกันหมด

นี่ถือเป็นการฝากธนาคารอาหารที่ดีกว่าการฝากเงิน เพราะในยามคับขันนั้น เงินเจ็ดหมื่นหกพันกว่าล้านก็ซื้อข้าวเม็ดเดียวไม่ได้หรอก

โชคดีทุกท่าน คงได้พบกัน ไม่นานเกินรอ

...คนถางทาง (ธค. ๒๕๕๕) 


หมายเลขบันทึก: 510694เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2012 09:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 17:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

We also need water banks (errh tanks) and lot of entertainment to keep people busy (you when people are cooped up like in a boat with no enough to do, they can go crazy ;-).

ผมคิดว่าสาเหตุที่วัฒนธรรมไทยไม่ค่อยเก่งเรื่องการถนอมอาหารเพราะว่าเราไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำครับ ผมยังจำบ้านปู่ย่าตายายได้ว่าพวกท่านแทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยก็มีอาหารสดกินตลอดปีครับ

ตอนนี้ผมลองปลูกเล่นๆ ในบ้านก็ยังได้ผักต่างๆ พอกิน (เล่นๆ) ได้เกือบทุกวันครับ ดังนั้นสำหรับประเทศไทยแล้วการสร้างธนาคารอาหารส่วนตัวที่ดีที่สุดก็คือการปลูกครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท