Dr.Richard Teo...........หลักสูตรสุดท้ายที่ไม่มีสอบแก้ตัว


ชีวิตกำลังพลิกฝ่ามือจากความบริบูรณ์ ไปสูการสิ้นสูญอย่างเหนี่ยวรั้งไม่ได้

  จู่ๆ Dr Richard Teo ก็มีอาการเจ็บที่บริเวณแผ่นหลัง ในขณะออกกำลังกายในโรงยิม เขาคิดว่าเป็นการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย แต่เมื่อได้ไปทำการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษหลายชนิด สิ่งที่บ่งบอกออกมา ทำให้เขาตกตะลึง เหมือนการถูกโยนให้เข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ที่แสนจะซึมเศร้า เงียบเหงาและวังเวง "มะเร็งปอดระยะสุดท้าย" เป็นคำที่รุนแรงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อนาคตกำลังรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาแทบจะทุกประการ การดูแลสุขภาพตามวิถีคนสาธารณสุขเป็นอย่างดี แต่กลับต้องมารู้จักกับเจ้ามะเร็ง  มะเร็งมันมาได้อย่างไร? เขาวนเวียนร้องถามตนเองอย่างรับไม่ได้  มะเร็งลามไปทั่วถึงสมอง ต่อมหมวกไต ตับ และกระดูกสันหลังเรียบร้อยแล้ว ภาพมะเร็งปอดที่ปรากฏในฟิล์ม X-Ray มีเป็นหมื่นๆจุด ดูน่าใจหาย และคำนวณเวลาชีวิตได้อย่างง่ายดายอย่างคนรู้

   เขาสลดกับเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเปล่า เจ้าสมบัติพัสถานราคาแพง ที่รายล้อมอยู่รอบกายนี้ ไม่ได้มาช่วยบันดาลความสุขให้กับเขาเหมือนเคย มองเห็นเป็นสิ่งไร้ค่า แค่จะะเป็นเพื่อนกันยามทุกข์สาหัสก็ยังไม่ได้ ที่เคยคิดว่าการได้ครอบครองของสูงค่า จะทำให้หลับอย่างเป็นสุข บัดนี้ไม่ใช่แน่นอน นึกถึงการต่อสู้และชัยชนะที่เคยผ่านมา ของรางวัลที่เคยสร้างความปรีเปรมเกษมสันต์ บัดนี้ดูว่างเปล่า ไร้ค่าทางจิตใจและชีวิต นี่ชีวิตกำลังพลิกฝ่ามือ จากความบริบูรณ์ ไปสู่การสิ้นสูญอย่างเหนี่ยวรั้งไม่ได้ในเร็ววันนี้

   เขาพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยศรัทธาในพลังของมัน กลับมาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขใจขึ้นมาบ้าง นั่นคือการได้ออกไปพบปะเพื่อนสนิท มิตรสหาย ผู้คนที่ห่วงใยเขาเสมอมา พลังแห่งความรัก เอาใจใส่ และจริงใจ ทำให้เขาผ่อนคลาย และยอมรับสภาพ ที่สำคัญกลับคิดตั้งหลัก เพื่อเรียนรู้กับการเดินทางสู่ความตายได้อย่างอาจหาญ


 ได้มีเวลาหวนระลึกไปถึงความเป็นแพทย์ของตนทีผ่านมา เขาคิดเพียงหาความสำเร็จจากวิชาชีพนี้ ด้วยเชิงธุรกิจ ทำเงินแต่ถ่ายเดียว ไม่เคยลึกซึ้งถึงการดูแลเยียวยารักษาคนไข้ ตามที่ได้ร่ำเรียนมา เขาไม่ได้เข้าถึงความเจ็บปวด เจ็บไข้ของผู้ที่มาหา เขามองคนไข้ที่หมดทางเยียวยา และสิ้นลมหายใจต่อหน้าอย่างเฉยเมย เป็นเรื่องธรรมดา ทุกวันเขาเห็นแฟ้มคนไข้ตั้งเป็นกองสูง หน้าที่เขาคือรีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด คนไข้จะได้พ้นๆไปจากห้องเขาเสียที เขาทำทุกอย่างเป็นเพียงหน้าที่ เยื่อใยห่วงหา สารทุกข์ของคนไข้ เขาไม่เคยสัมผัสถึงเลย รอแต่เวลาที่กลับบ้าน ไปดูแลธุรกิจ การเงินที่มากมายมหาศาล เข็มทิศจริยธรรม เบนออกจากเป้าหมายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันชี้ผิดทางไปไกลมากแล้ว

  เขามาซาบซึ้งกับความต้องการของคนไข้ อยากแบ่งปันปรึกษาความทุกข์ทรมาน อยากรอดชีวิต อยากเห็นแววตาห่วงหาอาวรย์ มีผู้ให้เวลาสนใจความเจ็บป่วยเขาบ้าง เขามารู้ก็เมื่อตัวเองกลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายไปแล้ว

  ทำไมชีวิตต้องให้บทเรียนกับเขาชนิดสุดโต่งขนาดนี้ แม้เพียงขอโอกาสแก้ตัว กลับไปเป็นหมอที่ดี มีเมตตา เป็นที่เคารพรัก และที่พึ่งของคนไข้ อย่างเต็มใจ เขาก็ไม่ได้รับโอกาสนั้น นอกจากคิดเรื่อยเปื่อยไปว่าถ้ามีโอกาส เขาจะไม่เป็นเหมือนที่ผ่านมา ไม่ไร้หัวใจเช่นนั้น

  ..................................

เขามาเรียนหลักสูตรสุดท้ายของชีวิต ที่ให้สอบได้ครั้งเดียวไม่มีการสอบแก้ตัว

  พบกันบันทึกหน้านะคะ


หมายเลขบันทึก: 509879เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2012 15:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

ใจเราตรงกันค่ะ เมื่อวานปริมก็เขียนถึงคุณหมอท่านนี้เหมือนกัน เราได้เรียนรู้มากมายจากท่านค่ะ ;))

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/509781

คุณหมอรุ่งสบายดีนะคะ ;)

สวัสดีค่ะคุณปริม สบายดีแล้วค่ะ เรื่องราวของคุณหมอทำให้เราหยุดคิดได้หลายเรื่องเลยนะคะ บางสิ่งบางอย่างที่หลงลืมไป โดยเฉพาะกัรแบ่งปัน จะติดตามอ่านบันทึกคุณปริมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท