โบนัสหลังเกษียณ : เยือนสามชาติในยุโรป (ตอนที่ 1)


ลูกชายได้มอบนาฬิกาให้ผู้เขียนเป็นของขวัญ ผู้เขียนมีความสุขมาก เป็นความสุขที่ไม่ได้เกิดจากการได้รับนาฬิกาโดยตรง แต่เป็นเพราะเห็นความใส่ใจที่ลูกมีให้แม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้อ่านข้อความที่ลูกเขียน

(ขอบคุณภาพจาก Internet)

         ก่อนอื่น ขอเรียนกัลยาณมิตรที่กรุณาเข้ามาอ่าน ว่า บันทึกเรื่อง "โบนัสหลังเกษียณ : เยือนสามชาติในยุโรป"  จะแบ่งเป็น 4 ตอน ตามลำดับการเดินทาง ได้แก่ ตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-ไคโร   ตอนที่ 2 ท่องเที่ยวอิตาลี  ตอนที่ 3 ท่องเที่ยวสวิทเซอร์แลนด์ และ ตอนที่ 4 ท่องเที่ยวฝรั่งเศส  อนึ่ง เพื่อให้กัลยาณมิตรได้รับความรู้เกี่ยวกับประเทศต่างๆ  ผู้เขียนจึงได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประเทศและสถานที่ที่ได้ไปเยือน และนำเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศและสถานที่นั้นๆ มากล่าวแทรกไว้ในบันทึกด้วย รวมทั้งได้เสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ของผู้เขียนเองและท่านผู้อ่าน โดยจะสรุปคำอธิบายบางตอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาท่องเที่ยวผ่าน Blog ขอรับรองว่าท่านจะไม่ถูกหลอกเหมือนที่กำลังเป็นข่าวอยู่ ณ ขณะนี้

ตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-ไคโร (Bangkok-Cairo)

            วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2555 ผู้เขียนบินจากสนามบินอุบลฯ ถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 12.30 น. ก่อนหน้านั้น สายการบินทั้งหมดได้ย้ายไปให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ในปี 2554 มีผู้ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิถึง 47,910,744 คน และในเดือนมกราคมปี 2555 มีผู้ใช้บริการถึง 4,995,094 คน เกินขีดความสามารถของสนามบินที่รองรับได้ปีละ 45 ล้านคน สายการบินที่ให้บริการในประเทศ จึงตัดสินใจย้ายกลับไปให้บริการที่ดอนเมืองตามเดิม (วิกิพีเดีย. ออนไลน์ : 2555) ก่อนถึงที่พักลูกชายซึ่งอยู่ที่บางพลี (อำเภอที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมิ) ผู้เขียนได้แวะตลาดนัดใกล้ที่พักลูก เพื่อซื้อกับข้าวให้ลูก ในส่วนของตัวเองได้ซื้อซุบขนุน น้ำพริก ผักและเห็ดต่างๆ เพื่อนำไปลวกจิ้มน้ำพริก และซื้อส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ไว้รับประทานเป็นอาหารกลางวันและอาหารเย็นเป็นการชดเชยล่วงหน้า เพราะคาดว่า ในช่วงที่ทัวร์ยุโรปน่าจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารในแบบที่ชอบ ในตอนเย็น ลูกชายได้มอบนาฬิกาให้ผู้เขียนเป็นของขวัญ ผู้เขียนมีความสุขมาก เป็นความสุขที่ไม่ได้เกิดจากการได้รับนาฬิกาโดยตรง แต่เป็นเพราะเห็นความใส่ใจที่ลูกมีให้แม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้อ่านข้อความที่ลูกเขียน

            วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2555 ตามแผนเดิมที่วางไว้นั้น ผู้เขียนจะให้ลูกชายพาไปซื้อของใช้ที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการเดินทาง เพราะที่อุบลฯ ไม่มีเวลาเลย จากนั้นก็จะรับประทานอาหารเย็นกับลูกๆ แล้วให้ลูกไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ลูกชายติดนัดแข่งฟุตบอลเวลา 17.00 น. ผู้เขียนจึงไม่ได้ออกไปซื้อของ และได้ให้ลูกชายจัดการซื้อกล้องถ่ายรูปให้ก่อนออกไปเตะฟุตบอล เพราะกล้องถ่ายรูปที่มีอยู่ใช้งานหนักในการเรียนการสอน การนิเทศ การอบรม ทั้งถ่ายภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว จนเสียใช้การไม่ได้ (ซ่อมหลายครั้งแล้ว) ลูกชายกลับไปรับผู้เขียนที่ห้องพัก เวลาประมาณ 2 ทุ่ม จากที่บอกไว้ว่าจะไปรับ 1 ทุ่ม ทำให้ไม่มีเวลารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน จึงให้ลูกไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตามที่บริษัททัวร์นัดลูกทัวร์ (คณาจารย์คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลฯ และผู้ติดตามรวม 50 คน) ณ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตูหมายเลข 7 เคาน์เตอร์ Q เวลา 22.00 น. (บริษัททัวร์คิดค่าบริการหัวละ 68,900 บาท...ขอบคุณคณะครุศาสตร์ที่ช่วยอนุเคราะห์ค่าจ่ายให้ส่วนหนึ่ง)

             ในครั้งแรกที่เห็นชื่อภาษาอังกฤษของสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้เขียนสงสัยว่า ทำไมจึงไม่เขียนตามหลักการเขียนชื่อเฉพาะต่างๆ จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งกำหนดให้เขียนตามการออกเสียงไม่ใช่เขียนแบบถ่ายตัวอักษรตัวต่อตัว จากการสืบค้นได้ข้อมูลว่า "ชื่อสากลของสนามบินเขียนสะกดตามการถ่ายตัวสะกดภาษาอังกฤษ ว่า "Suvarnabhumi" ซึ่งใช้แทนการเขียนทับศัพท์ตามระบบราชบัณฑิตยสถานซึ่งสะกดว่า "Suwannaphum" (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4) (การเขียนตามที่ราชบัณฑิตยสถานกำหนดนั้น เป็นการเขียนตามการออกเสียงซึ่งถูกต้องตามหลักการเขียน) อนึ่ง ตัวอักษร "ว" ในภาษาไทย อาจารย์ที่สอนเคยบอกว่า ต้องใช้ "W" ในภาษาอังกฤษ เพราะ เสียง "V" ซึ่งจะต้องใช้ฟันบนกัดริมฝีปากล่างเวลาออกเสียง เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิใช้ "V" แทนพยัญชนะ "ว" ก็เลยทำให้รู้สึกขัดๆ พิกล  

             หลังจากรับซองเอกสารจากหัวหน้าทัวร์ ซึ่งข้างในมีเอกสารสำคัญได้แก่ พาสปอร์ต (Passport) บัตรขาเข้า/ขาออก (ใช้ในการตรวจคนออกจากเมือง/เข้าเมือง) และ Boarding Pass ที่ใช้แสดงเวลาขึ้นเครื่อง ผู้เขียนได้ไปแลกเงินยูโร (EURO) ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) ณ วันเวลาที่แลก ยูโรละ 40 .29 บาท ผู้เขียนใช้เงิน 30,016 บาทไทย แลกได้ 745 ยูโร (ได้รับเป็นแบงค์ราคา 50, 20, 10, และ 5 ยูโร ส่วนเหรียญที่เห็นในภาพ เป็นเหรียญที่ได้รับทอนจากร้านขายของที่ระลึก ที่สนามบินนานาชาติไคโร) หลังจากนั้นก็เข้าสู่พิธีการ ตม. ตรวจคนออกจากเมือง แล้วเดินตามลูกศรเพื่อไปรอขึ้นเครื่องที่ G7 

              การเดินทางทั้ง 4 เที่ยวบิน ได้ใช้บริการของสายการบิน "EGYPTAIR" โดยเที่ยวบิน (Flight) แรก ได้บินจาก (Origin) สนามบินสุวรรณภูมิ (ซึ่งตั้งอยู่ที่สมุทรปราการ แต่ใน Monitor หน้าที่นั่งของผู้เขียนใช้อักษรย่อว่า  BKK ซึ่งมาจาก Bangkok) และปลายทาง (Destination) คือ CAI ย่อมาจาก Cairo (ไคโร)  ตามเวลาที่แสดงบนมอนิเตอร์นั้น เวลาที่กรุงเทพฯ (Time At Origin) 07.41 น. จะตรงกับเวลาที่ไคโร (Time At Destination) 02.41 น. เพราะเวลาที่ไคโรจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง กรุ๊ปทัวร์คณะครุศาสตร์ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในวันที่ 15 ตุลาคม เวลา 00.50 น. ถึงสนามบินนานาชาติไคโรเวลา 05.40 น. พนักงานสตรีที่ให้บริการบนเครื่องหน้าตาสวยคมคาย ส่วนพนักงานชายมีคนรูปร่างหน้าตาอย่างที่เห็นในภาพถัดดไป อาหารบนเครื่องหน้าตาคล้ายๆ ที่เห็นในภาพ  

              จากการสืบค้นข้อมูล (http://en.wikipedia.org/wiki/Cairo_International_Airport) พอจะสรุปได้ว่า สนามบินนานาชาติไคโร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงไคโร ห่างจากย่านธุรกิจประมาณ 15 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 37 ตารางกิโลเมตร มีความคับคั่งที่สุดในอียิปต์ และคับคั่งเป็นอันดับสองของทวีปอาฟริกา รองจากสนามบินในกรุงโจฮันเนสเบอร์ก ประเทศอาฟริกาใต้ เป็นสนามบินที่มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางหลักเพราะตั้งอยู่ระหว่าง ทวีปอาฟริกา ตะวันออกกลาง และยุโรป (Cairo International Airport is the busiest airport in Egypt. The airport is located to the north-east of the city around 15 kilometres from the business area of the city, it has an area of approximately 37 kilometers square. Cairo International is the second busiest airport in Africa after OR Tambo International Airport in Johannesburg, South Africa. The airport has the potential to be a major hub with its positioning between Africa, the Middle East and Europe.)

             (ขอบคุณบางภาพที่ได้จากการสืบค้นใน Internet)

              ผู้เขียนรู้สึกพอใจมาก ที่การเดินทางไปยุโรปในครั้งนี้ ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ เพราะทำให้มีโอกาสได้สัมผัสกลิ่นอายของปีรามิด หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งมีมนต์ขลังฝังใจผู้เขียนเสมอมา ปีรามิดนับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ ในอียิปต์มีถึง 138 แห่ง แต่แห่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุด คือ หมู่ปีรามิดแห่งเมือง Giza (ดังภาพล่าง) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร แต่ First Impression ของผู้เขียนเกี่ยวกับอียิปต์ไม่สู้จะดีนัก เพราะพนักงานชายบนเครื่องบิน (ผมเผ้า หน้าตา และหุ่นคล้ายกันมากกับคนในภาพที่ยืนเอียงข้าง) ได้ทำให้น้ำส้มคั้นทั้งถ้วยหกรดกางเกงของผู้เขียน โดยไม่รับรู้ว่าตนเองได้ทำความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสาร เพราะได้ผลักถาดอาหารไปบนที่วางซึ่งมีถ้วยน้ำส้มคั้นวางอยู่ โดยท่ายืนเอียงข้างไม่ได้หันมาดูเหมือนในภาพไม่มีผิด (ผู้เขียนได้ใช้บริการบนเครื่องทั้งในและต่างประเทศมาพอสมควร  การให้บริการถาดอาหารทุกครั้งพนักงานจะยื่นให้กับมือ ให้ผู้รับจัดวางเอง) ...การที่จะเสียอารมณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็รังแต่จะทำให้ผลเสียมีมากขึ้น ผู้เขียนจึงต้องควบคุมอารมณ์ตนเอง (ทำให้มีโอกาสทดสอบ EQ : Emotional Quotient ด้านการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง ซึ่งก็พบว่า ผู้เขียนสอบผ่าน เพราะอารมณ์ที่เสียไปขณะเกิดเหตุการณ์ ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว) 

 

             "กรุงไคโร" เมืองหลวงของอียิปต์ มีประชากร 16 ล้านคน เป็นเมืองหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอาฟริกาและตะวันออกกลาง และใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของโลก ทั้งยังเป็นเมืองหนึ่งที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก (Cairo is the capital of Egypt and, with a total population in excess of 16 million people, one of the largest cities in both Africa and the Middle East is also the 19th largest city in the world, and among the world's most densely populated cities.) คำบรรยายในภาพล่างซ้ายชี้ว่า ไคโรเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 16 ของโลก และภาพล่างขวาเป็นภาพกรุงไคโรในยามเย็น มองจากหอคอยไคโรซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในกรุงไคโร แม่น้ำที่เห็นในภาพคือแม่น้ำไนล์ (Nile River) เพราะไคโรตั้งอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ (Nile Delta)...คำว่า cairo ในภาพ จริงๆ แล้วต้องเป็น Cairo เพราะเป็นชื่อเฉพาะ อักษรตัวแรกของคำต้องพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ รายการ Tonight Show ช่อง 3 วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม ซึ่งกำลังออกอากาศ ณ ขณะนี้ (23.54 น.) ใน "ช่วงอเมซิ่ง ต่างแดน โดย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล พาเที่ยวเมืองแปลก เรื่องราวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" ได้นำเที่ยวกรุงไคโรและให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศอียิปต์ว่า เนื่องจากเป็นประเทศทะเลทราย อุณหภูมิในตอนกลางวันและกลางคืนจะต่างกันมาก คือกลางวันประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส กลางคืนประมาณ 20-21 องศาเซลเซียส เป็นประเทศที่มีหลายอย่างที่เป็นที่สุดในโลก เช่น แม่น้ำไนล์ที่ยาวที่สุดในโลก มีสุเหร่าที่เก่าแก่ที่สุด มีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด มีตลาดที่เก่าแก่ที่สุด และมีกระดาษที่เก่าแก่ที่สุด คือ กระดาษปาปิรุสหรือปาปิรุส (Papyrus) ซึ่งทำจากต้นกกอียิปต์ที่เกิดเองตามลุ่มแม่น้ำไนล์ (มีการพบหลักฐานการใช้กระดาษปาปิรุส เขียนบทสวดในปีรามิด..."บ้านฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" ของผู้ขียน มีกกอียิปต์ปลูกตรงกับเสา 2 ข้างที่ระเบียงด้วย แต่ปัจจุบันถูกดอกมาลัยทองคำ และกอบัวบดบังเกือบหมดหมด)  

Large_egyptianpapirus

           ในช่วงเวลาที่รอเปลี่ยนเครื่อง  เพื่อเดินทางจากไคโรไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลี  ผู้เขียนได้หาซื้อของที่ระลึก (Souvenirs) จากร้าน  Gift Shop  และได้ Magnet ติดตู้เย็น (เป็นหนึ่งในของสะสมจากประเทศต่างๆ ของผู้เขียน) ไป 1 ชิ้น และภาพวาดที่ผู้เขียนชอบมากๆ 1 แผ่น ราคาไม่แพงเลยคือ 8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 260 บาท (จะนำกลับไปใส่กรอบที่เมืองไทย) ผู้เขียนตื่นเต้นมากเมื่อรู้ภายหลังว่า ภาพที่ซื้อมาวาดบนกระดาษปาปิรุส ซึ่งมีประวัติว่าเป็นกระดาษที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์เคยใช้) สำหรับหนุ่มๆ ทั้ง 4 คนที่เห็นในร้าน Gift Shop เป็นผู้ร่วมใน Group Tour ของผู้เขียน แต่ทุกคนได้แต่ถ่ายภาพและหยิบๆ จับๆ แต่ไม่มีใครซื้ออะไรติดไม้ติดมือมา สินค้าประเภทของที่ระลึกอาจไม่จูงใจผู้ชายให้ยอมควักเงินก็เป็นได้  

            สินค้าที่แพงเกินเหตุในไคโร น่าจะเป็นน้ำดื่มเกลือแร่ (ที่ไคโรติดราคาสินค้าเป็นดอลลาร์สหรัฐ แต่ให้ลูกค้าจ่ายเป็นเงินยูโรได้ ) ผู้เขียนหยิบน้ำดื่มเกลือแร่ 2 ขวด (ตั้งใจจะซื้อเผื่อน้องที่เดินด้วยกัน 1 ขวด) ไปถามคนขายว่า ถ้าจะจ่ายเป็น EURO จะคิดเท่าไหร่ คนขายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ฟังเข้าใจเขาตอบโดยเขียนเลข 7 ในกระดาษ (7 ยูโรคิดเป็นเงินไทยประมาณ 280 บาท) ผู้เขียนเลยไม่ซื้อเพราะแพงเกินไป แต่น้องเดินกลับไปซื้อมา 1 ขวด พอถามถึงเงินที่จ่ายไป เธอบอกว่าประมาณ 200 บาทไทย ผู้เขียนตกใจ บ่นว่า "อ้าว! ทำไมล่ะ เขาบอกราคา 2 ขวด 7 ยูโร ขวดเดียวก็ต้อง 3.5 ยูโร ประมาณ 140 บาทไทยสิคะ" (ผู้เขียนแลกเงินมาในอัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรต่อ 40.29 บาทไทย) น้องบอกว่าไม่เป็นไร แต่หลังจากนั้นก็เห็นบ่นหลายครั้ง เรื่องจ่ายค่าน้ำแพง

... ใครคิดจะไปค้าขายที่สนามบินกรุงไคโร แนะนำว่า "ขายน้ำดื่ม" น่าจะกำไรดีนะคะ...

 

ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่แวะมาให้กำลังใจ ทักทายพูดคุย หวังว่า จะได้รับน้ำใจจากทุกท่าน ในตอนที่ 2 เที่ยวอิตาลี นะคะ

Large_1-touritaly

 

         

 

 

หมายเลขบันทึก: 506714เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2012 01:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2013 10:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ตามมาส่งอาจารย์ น้องไปทัวร์ คาดว่าที่เขียนบันทึกนี้ คงกลับจากทัวร์แล้ว

บันทึกอาจารย์ ชอบอ่าน ยามวิกาล เหมือนนั่งทานอาหารคนเดียว เคี้ยวเกินยี่สิบครั้งต่อคำ คือความหมาย

มีความสุขมากๆๆนะคะ  ยินดีด้วยค่ะ  เดินทางด้วยสวัสดิภาพ  และมีเรื่องเล่าดีดี ภาพสวยๆมา ฝากพวกเราชาวบล็อก นะคะ

ดีใจกับอาจารย์แม่ที่มีลูกดีๆรัก พ่อ-แม่ ดูแลตัวเองและก็รักที่จะเล่นกีฬา.....อ่านบล็อกท่านแล้วก้มีจินตนาการเหมือนได้เดินทางไปด้วย...พนักงานมันทำไมไม่ขอโทษท่านละ กว่ากางเกงจะแห้งไม่แย่หรือ....ทุกสนามบินในโลกนี้คนขายของโกงทั้งนั้น 555......จะคิดตามต่อไปนะ......

เดินทางปลอดภัยนะครับอาจารย์

  • อาจารย์แม่ครับ
  • ไป 4 ประเทสใช่ไหม
  • น้องสิริสุดาส่งเมล์มาบอกแล้วว่าอาจารย์แม่ฝากของที่ระลึกมาให้
  • ขอบพระคุณมากครับ
  • ของค่อนข้างแพงนะครับ น้ำราคาตั้ง 200 กว่าบาท
  • ขอโทษ "พี่ชายBlank" ที่ห่างหายไม่ได้แวะทักทายเป็นเวลานาน แต่ความผูกพันในใจไม่เคยเสื่อมสูญ
  • ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่อ่านบันทึกอย่างละเมียดละไมในยามวิกาล
  • ใช่ค่ะ การเดินทางได้สิ้นสุดลงแล้ว (เดินทาง 14-21 ตุลาคม 2555)
  • สักพักคงได้แวะเยี่ยมทักทายพูดคุยใน Blog ของพี่ชายนะคะ
  • ขอบคุณ "ครูอ้อยBlank" คุณครูภาษาอังกฤษ ที่ทั้งเก่ง ดี และมีความสุข มากนะคะที่มาแวะเยี่ยมให้กำลังใจกัน
  • ไปยุโรปคิดว่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น เปล่าเลยค่ะ เพราะทั้งที่ไคโร (อียิปต์) โรม เวนิส (อิตาลี) เองเกิลเบอร์ก ลูเซิร์น (สวิทเซอร์แลนด์) ดิจอง ปารีส (ฝรั่งเศส) แทบจะไม่มีใครสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ ยกเว้นพนักงานโรงแรม
  •  แล้วจะหาโอกาสไปเยี่ยม Blog ของครูอ้อยนะคะ
  • เก็บหมวกหมายเลข ๑ ไว้ให้แล้วนะคะ "ป๋าเดBlank"บอกแล้วว่าไม่ต้องจ่ายตังค์ เพราะอยากให้เป็นของฝาก ค่ะ ราคาหมวกนั้นก็สมเหตุสมผล ไม่แพงเกินคุณค่าเหมือนน้ำแร่กรุงไคโรหรอกค่ะ

  • ป๋าเดบอกว่า "ดีใจกับอาจารย์แม่ที่มีลูกดีๆรัก พ่อ-แม่ ดูแลตัวเองและก็รักที่จะเล่นกีฬา..." ส่วนใหญ่แล้วลูกๆ ก็เป็นเด็กดีค่ะ ลูกสาวนั้น ค่อนข้างไปทางพระทางเจ้า ช่วงเย็นๆ ก็โทรฯ บอกแม่ว่าไปทำบุญมา 2 วัดในวันปิยะมหาราช ก่อนไปยุโรปเวทนาลูกสาวมาก เธอบอกว่าคิดถึงพ่อ (พ่อเสียตอนลูกสาวอายุ 5 ปีค่ะ)
  • ส่วนลูกชายก็เป็นที่พึ่งของแม่ได้หลายอย่างค่ะ เขาเคยคุยกับแม่ว่าอยากบวช แม่ก็ดีใจแต่ยังไม่ได้เวลาและโอกาสที่เหมาะสมค่ะ
  • อาจารย์วิทยาลัยครูอุบลฯ เคยบอกว่าลูกตั้มมีแววเป็นนักกีฬาฟุตบอลที่เก่งตั้งแต่ลูกเรียนป.3 และเขาก็เล่นฟุตบอลมาตลอดค่ะ
  • แต่เรื่องการดูแลตนเองนั้นแม่กังวลใจที่เขาปล่อยให้ตนเองอ้วนไป เพราะพฤติกรรมการกินไม่เหมาะสม คือดื่มน้ำอัดลมและชอบทานอาหารประเภททอดๆ ค่ะ
  • ป๋าเดบอกว่า "...พนักงานมันทำไมไม่ขอโทษท่านละ กว่ากางเกงจะแห้งไม่แย่หรือ.." เขาไม่รู้ค่ะว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น คือเขายื่นถ้วยน้ำส้มคั้นให้ เมื่ออ.วิรับมาแล้วก็วางไว้บนที่วางอาหาร แป๊บเดียวเขาก็ไสถาดอาหารไปยังที่วางโดยไม่หันหน้ามาดู (แทนที่จะยื่นให้กับมือเหมือนที่ทำกันทั่วไป) ถาดก็เลยไปชนเข้ากับถ้วยน้ำส้มคั้นค่ะ อ.วิแก้ปัญหาโดยใช้ผ้าขนหนูที่มีในกระเป๋าซับน้ำส้มคั้นจนหมาดค่ะ
  • ขอบคุณนะคะที่จะติดตามอ่านตอนต่อๆ ไป
  • อ้อ! ป๋าเดจะไปอุบลฯ เมื่อไหร่ แจ้งด้วยนะคะ เพราะอ.วิ มีช่วงที่จะไม่อยู้ที่อุบลฯ 2 ช่วงค่ะ
  • อาจารย์กลับมาแล้วนะคะ "ราเชนทร์Blank"
  • ขอบใจมากที่มาแวะเยี่ยมอาจารย์ดังที่ได้บอกไว้
  • ช่วงปิดภาคเรียนนี่ทำอะไรบ้างคะ ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงพวกเราเหมือนกันนะคะ
  • ที่ไปเที่ยวนั้น คือ 3 ประเทศตามที่ระบุในภาพแรกค่ะ "ลูกขจิตBlank" ส่วนประเทศที่ 4 คืออียิปต์นั้น แค่แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ และถูกจำกัดให้อยู่แต่ในบริเวณอาคารสนามบินค่ะ
  • ของที่ฝากมาให้ลูกขจิตนั้น เป็นชิ้นเล็กๆ ทั้งนั้นเพราะเกรงใจคนรับฝากค่ะ
  • เห็นหนูสิริสุดาบอกว่า ยังไม่ทราบว่าจะได้ไปพบอาจารย์ (ลูกขจิต) เมื่อไหร่ เพราะอาจารย์ยังไม่ได้นัดค่ะ
  • ของที่ฝากมาให้ลูกขจิต ไม่แพงเหมือนน้ำที่ไคโรหรอกค่ะ แต่ชิ้นละ 1-4 เหรียญเท่านั้น
  • ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาคุยกับอาจารย์แม่ 
  • ขอบคุณ "คุณ Sila Phu-ChayaBlank" "Dr.PleBlank" และ "น้องอินBlank" มากนะคะ ที่แวะมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ 
  • ยินดีที่รู้จัก และขอบคุณ "คุณเพ็ญศรี (นก)Blank" มากนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจ อ.วิ
  • ศาสตร์ที่คุณนกร่ำเรียนมา "HR" สำคัญมากนะคะ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ความสุข ความทุกข์ ความสำเร็จ/ไม่สำเร็จ ในการดำเนินชีวิตและการทำงาน มี "HR" เป็นปัจจัยอยู่มากทีเดียวนะคะ

สวัสดี อ.วิ -โอกาสหน้า อ.วิเดินทางไปต่างประเทศต้องพกน้ำเปล่า และ แจ่วบองไปด้วย 555 -ทำบุญก็ดีแล้ว...แต่ไม่น่าเคร่งจนเกินไป..น่าจะเดินสายกลาง เช่น ทำบุญในวันพระ หรือวันสำคัญ ๆ -ลูกชาย อ.วิ ดูท้วมไปหน่อย....ก็พอๆกับลูกชายป๋าเด...แต่ที่เหมือนกันคือชอบฟุตบอลเหมือนกัน...น่าจะแนะนำให้งดน้ำอัดลมนะ...ตูน ตอนเรียนอยู่ชัยภูมิเป็นนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนของจังหวัด....พอมาสอนที่ ม.ราชภัฎเลย ก็เป็นโค้ชและครูผู้สอนวิชาฟุตบอล -ป๋าเดจะไปอุบลฯคงเป็นประมาณต้นเดือน

  • คืออยากทราบกำหนดวันที่แน่นอนที่ "ป๋าเดBlank" จะไปอุบลฯ น่ะค่ะ เพราะวันที่ 2 พ.ย. อ.วิ จะไปช่วยงานกฐินของคณบดีคณะครุศาสตร์ที่อ.ตระการพืชผล และในช่วงระหว่างวันที่ 3-8 พ.ย. พ่อใหญ่สอชวนไปฉลองที่อ.วิเกษียณสัก 2 วันเพราะแกรอมาตั้งแต่ปี 2547 ที่แกเกษียณค่ะ ยังกำหนดวันแน่นอนไม่ได้ เพราะรอคำตอบจากป๋าเดอยู่ค่ะ ถ้าป๋าเดบอกวันแน่นอนที่จะไปอุบลฯ อ.วิก็จะกำหนดวันแน่นอนได้ค่ะ วันที่ 10-14 พ.ย. ก็มีโปรแกรมไปอ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรีกับเพื่อนร่วมรุ่นวค.อุบลที่เกษียณไปตั้งแต่ปี 2553 ค่ะ
  • ช่วงนี้อ.วิก็มีแผนจะปูกระเบื้องต่อเติมลานข้างบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และทำห้องน้ำเพิ่ม 1 ห้องค่ะ เพราะชาวครุศาสตร์กลุ่มใหญ่จะไปกินข้าวป่าที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ ตอนแรกก็ขอไปกลุ่มย่อย ตอนนี้มีผู้จะไปร่วมมากมาย จะมีการไปร้องคาราโอเกะกันด้วยโดยจะอยู่ตั้งแต่เที่ยงถึงเย็น เดิมกำหนดไว้ 28 ต.ค. แต่พ่อใหญ่สอต้องเข้าอบรมการกรีดยาง 26 ต.ค.- 1 พ.ย. ค่ะ ก็เลยขอเลื่อน พอเลื่อนวัน (ยังไม่กำหนดวันแน่นอน) อ.วิก็เลยจะถือโอกาสต่อเติมบ้านดังกล่าว ว่าจะก่อปูนทำอ่างบัวแบบยาวๆ แทนการปลูกในท่ออย่างเดิมด้วยค่ะ 26 ต.ค.-4 พ.ย. ม.อุบลฯ จัดงานเกษตรอีสานใต้และมีบัวพันธุ์ต่างๆ จำหน่ายด้วย อ.วิก็ว่าจะไปหาซื้อไปปลูก รวมทั้งหาไม้ที่ยังไม่มีที่ฟาร์มไปปลูกด้วย ตามประสาคนรักต้นไม้ใบหญ้าค่ะ
  • ลูกชายน่ะ เรื่องดื่มน้ำอัดลม อ.วิเคยแนะนำแล้วว่า ถ้าอยากดื่มน้ำที่มีรสหวานก็ให้ดื่มน้ำผลไม้แทน เพราะน้ำอัดลมไม่มีคุณค่าต่อร่างกาย เป็นเพียงน้ำผสมน้ำตาล สีและอัดแก๊สเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นเขาเปลี่ยนพฤติกรรมค่ะ
  • ลูกตั้มมีแฟนแล้ว เป็นสาวอุดร ถ้าแต่งงานแล้วก็คงจะไปอยู่ทางโน้น แม่ผู้หญิงเปิดร้านอาหารและนวดแผนไทยที่ญี่ปุ่นซึ่งลูกตั้มมีหุ้นส่วนอยู่ด้วยเล็กน้อย และมีหอพัก 25 ห้องแถวม.ราชภัฏเลยที่ทำงานของลูกตูนของป๋าเดค่ะ และลูกตั้มมีโครงการจะสร้างอีก 1 หลังบริเวณเดียวกัน จริงๆ เขาก็เรียนเก่ง อยู่ในอันดับ Top Three ของโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช (พี่สาว Top Two) แต่ทั้งสองคนกลับมุ่งทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่าที่จะเรียนต่อให้สูงขึ้นค่ะ  
  • ยินดีมากค่ะ ที่ได้รู้จัก "คุณเติมฝันให้ฝนBlank " นักวางแผนกลยุทธ์องค์กร กลุ่มพัฒนศาสตร์ ศิลป์ สื่อ สาร
  • ขอบคุณมากนะคะ ที่มอบดอกไม้ให้กำลังใจ อ.วิ
  • แล้วจะหาโอกาสไปเยี่ยม Blog ของ "คุณเติมฝันให้ฝน" นะคะ
  • ขอบใจ "บัญชรBlank" มากนะคะ ที่มาแวะให้กำลังใจอาจารย์
  • อาจารย์คิดถึงลูกศิษย์จังเลยค่ะ
  • เล่าให้ฟังบ้างนะคะว่า ปิดภาคเรียนแล้วทำอะไรบ้าง

รออ่านเรื่องราวจากยุโรปอยู่ แต่ดูท่าทางจะยังอีกหลายวันนะครับ กว่าจะเดินทางไปถึง เพราะตอนนี้ป้าวิยังอยู่ที่อียิปต์อยู่เลย 555

* ตามมาอ่านบันทึกการเดินทางที่ละเอียดมีชีวิตชีวา.เหมือนได้ไปเอง..คงยังมีอีกหลายตอน..จะคอยติดตามต่อไปนะคะ

* หลังเกษียณ พี่ใหญ่เลิกเดินทางนอกประเทศแล้วค่ะ..เบื่อจัดกระเป๋าและเปลี่ยนที่ทาง..ติดบ้านมากๆชดเชยกับที่ทิ้งไปในช่วงทำงานแบบชีพจรลงเท้า..แต่ชอบอ่านเรื่องเล่าของคนเดินทางมากกว่า..

  • ที่ป้าวิได้ถามถึงการเดินทางไปศรีสะเกษของ "คุณอักขณิชBlank" ก็ได้คำตอบแล้วเนาะ ตามที่คุณอักขณิชได้เขียนไว้ในอนุทินความว่า "จากเดิมที่ผมจะต้องเดินทางไปศรีสะเกษ ในเช้าวันพรุ่งนี้ (23-27ต.ค.2555) เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา หัวหน้าโทรมาบอกว่า หัวหน้าจะเดินทางไปเพียงคนเดียวก่อน ส่วนพวกผมยังไม่ต้องไป...เลยทำให้ผมต้องยกเลิกการเดินทางไปศรีสะเกษในวันพรุ่งนี้อย่างกระทันหัน

  • ใช่ค่ะ เรื่องราวจากยุโรป คงต้องรออ่านหลายวัน เพราะป้าวิมีปัญหากางเกงเปื้อนน้ำส้มคั้น ต้องอยู่ที่ไคโรต่อเพื่อซักรีดกางเกงให้เรียบร้อยก่อน...อิอิ...

  • ในช่วงที่รออ่าน ก็หวังว่าจะได้อ่านบันทึกดีๆ ของคุณอักขณิชสัก 2-3 เรื่อง นะคะ 

  • ขอบคุณนะคะที่มาแวะแซวป้าวิ

  • ฝากความระลึกถึงน้องพิกุลและหลานทั้งสองด้วยนะคะ 

 

 

  • ขอบพระคุณ "พี่ใหญ่Blank" มากนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจน้อง และบอกจะติดตามอ่านตอนต่อไป
  • บันทึกจะมีอีก 3 ตอนค่ะ ตอนที่ 2 จะเป็นเรื่องของประเทศอิตาลี ตอนที่ 3 ประเทศสวิทเซอร์แลนด์ และตอนสุดท้ายจะเป็นเรื่องของประเทศฝรั่งเศส ตามลำดับการเดินทางท่องเที่ยวค่ะ
  • ในช่วงที่เป็นนักเรียนนักศึกษา น้องแทบจะไม่มีโอกาสเดินทางไปไหน เพราะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย พอทำงานก็ทำแต่งาน จะได้เดินทางออกนอกพื้นที่ก็ต่อเมื่อไปเป็นวิทยากร ไปเข้ารับการอบรม และร่วมสัมมนาค่ะ
  • การเดินทางออกนอกประเทศแบบข้ามน้ำข้ามทะเล (Going Aboard) น้องก็เพิ่งจะมีครั้งแรกในปี 2543 ที่ไปเรียนต่อแบบ Part Time ที่ออสเตรเลียค่ะ
  • และการเดินทางท่องเที่ยวกับคณะครุศาสตร์ ก็เริ่มขึ้นในปี 2549 ค่ะ และมีมาเรื่อยๆ รายการทัวร์ยุโรป 3 ประเทศคงเป็นรายการสุดท้ายที่จะได้ไปกับคณะค่ะ
  • น้องน่ะ ติดบ้านเหมือนกับพี่ใหญ่นั่นแหละค่ะ วันไหนที่ไม่ต้องออกจากบ้าน น้องจะมีความรู้สึกโล่งโปร่งสบายที่สุด แล้วก็จะปลูกต้นไม้ จัดสวน ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ กำจัดวัชพืชค่ะ
  • ช่วงนี้น้องมีแผนจะปูกระเบื้องต่อเติมลานข้างบ้านที่บ้านฟาร์มเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และทำห้องน้ำเพิ่ม 1 ห้องค่ะ และว่าจะก่อปูนทำอ่างบัวแบบยาวๆ แทนการปลูกในท่ออย่างเดิมด้วยค่ะ 26 ต.ค.-4 พ.ย. ม.อุบลฯ จัดงานเกษตรอีสานใต้และมีบัวพันธุ์ต่างๆ จำหน่ายด้วย น้องก็ว่าจะไปหาซื้อไปปลูก รวมทั้งหาไม้ที่ยังไม่มีที่ฟาร์มไปปลูกด้วย ตามประสาคนรักต้นไม้ใบหญ้าค่ะ
  • คิดอยู่ว่าช่วงนี้ ไม่ได้เห็นภาพต้นไม้ที่บ้านพี่ใหญ่ พอดีได้เข้าไปอ่านในอนุทินล่าสุด ได้เห็นต้นไม้ที่พี่ใหญ่บอกว่าเป็นต้นตะขบ แล้วดร.ขจิตกับคุณหนูรีก็เข้าไปแย้งว่าเป็นต้นมะเดื่อ…ที่ฟาร์มมีทั้งต้นมะเดื่อ ต้นตะขบบ้าน ต้นตะขบยักษ์ค่ะ
  • ขอบใจ "ชฎารัตน์Blank" มากนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจอาจารย์
  • อาจารย์อยากให้ลูกศิษย์เขียนอนุทินเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ในช่วงปิดภาคเรียน ได้ทำอะไรกันบ้าง จะได้ทราบข่าวคราวและหายคิดถึง
  • ช่วงเปิดภาคเรียน นัดวันมารับแฟ้มรายงานการพัฒนาตนคืนด้วยนะคะ จะได้นำไปใช้ประโยชน์
  • ขอบคุณ "ดร.โอ๋-อโณBlank" มากนะคะ ที่แวะมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ

สวัสดีงามๆ ค่ะ อาจารย์ ขอร่วมมุทิตาจิตให้ด้วยจิตคาระวะ และดีใจที่อาจารย์ไปเที่ยวหลายประเทศ มีลูกที่น่ารัก ช่างสุขใจไปด้วยจริงๆค่ะ มาขอบคุณที่ไปเยี่ยมบันทึกค่ะ และนมานำเสนอคำเมืองวันละคำนะค " สะป่๊ะ" หมายถึง มีมากหลายชนิด เลือกไม่ถูกว่าจะเอาอะไรดี หรือ ทานอะไรดีเพราะอร่อยไปหมด มีเยอะจนเลือกไม่ถูก แบบนี้แหละค่ะ แต่ถ้าอยากได้ยินสำเนียงมาแอ่วทางเหนือล้านนานะคะ อาจารย์ ...มีเวลาแล้วนิคะ.. ก"ำลังจะห่อขนมจ๊อกเจ้า"

  • สวัสดีจ้ะท่านอาจารย์
  • การเดินทาง คือการให้กำไรกับชีวิตนะจ๊ะ
  • สักวัน คุณมะเดื่อคงได้มีเวลา...เป็นของตัวเองบ้าง
  • ขอบคุณบันทึกดี ๆ จ้ะ
  • ขอบคุณ "คุณมนัสดาBlank" มากนะคะ ที่มอบดอกไม้ให้กำลังใจ อ.วิ
  • อ.วิ ซาบซึ้ง บทเพลงแห่งความคิดถึงของ "คุณมนัสดา" มากค่ะ

          คิดถึง เพื่อนพวกพ้อง และน้องพี่   คิดถึง วันดีดี ที่ร่วมสร้าง

     คิดถึง วันเก่าเก่า เราร่วมทาง         คิดถึง ไม่จืดจาง ไม่ร้างรา

ขอบคุณ สำหรับกำลังใจครับ.. และ ชอบ "โลก" ที่อาจารยเปิดให้เห็นจัง หน้าต่างนี้.. ทำให้เห็นกว้างกว่าเดิม มากครับ...

  • ขอบคุณ "คุณเติมฝันให้ฝนBlank" มากค่ะ ที่ได้เข้ามาให้กำลังใจในวันแรกที่ อ.วิ ลงบทความนี้ และกลับเข้ามาพูดคุยแสดงความเห็นต่อบันทึกนี้ อีกครั้งหนึ่ง
  • อ.วิ ดีใจมากค่ะ ที่ "คุณเติมฝันให้ฝน" บอกว่า "รู้สึกชอบ ่โลก่ ที่อาจารย์เปิดให้เห็นจัง หน้าต่างนี้.. ทำให้เห็นกว้างกว่าเดิม มากครับ..."
  • อ.วิเอง ก็ได้รับการขยายโลกทัศน์ทางการเมืองเป็นอย่างมากเลย จากการที่ได้อ่านบันทึกของคุณเติมฝันให้ฝน (นักวางแผนกลยุทธ์องค์กร กลุ่มพัฒนศาสตร์ ศิลป์ สื่อสาร)  เรื่อง "กลยุทธ์สื่อสารในการเมือง ๑ และเรื่อง "ผู้ขับเคลื่อนสื่อสารการเมืองสำคัญ ซึ่งคุณเติมฝันให้ฝน ได้เขียนบทวิเคราะห์โดยนำภาพยนตร์ทีวีญี่ปุ่นเรื่อง "นายกมือใหม่ ขวัญใจประชาชน" ไปประกอบการวิเคราะห์ ได้อย่างน่าสนใจ (อ.วิเคยติดดตามดูและบันทึกตอนต้นๆ ของภาพยนตร์ทีวีเรื่องดังกล่าว เพื่อใช้เป็นสื่อการจัดการเรียนรู้วิชาจิตวิทยาสำหรับครู...นายกในเรื่องเคยเป็นครูมาก่อน...และบันทึกเพลงประกอบซึ่งเป็นเพลงภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปเป็นสื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาในรายวิชาพฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตน

  • อ.วิได้แสดงความเห็นในทั้งสองบันทึก และในบันทึกเรื่องหลังส่วนหนึ่งของความเห็นมีว่า "อ.วิรู้สึกชื่่นชมคุณเติมฝันให้ฝน จริงๆ ค่ะ ที่มีความรู้ทั้งแนวกว้างและแนวลึกในเรื่องที่เขียน อีกทั้งยังมีความสามารถในการเขียนบทความในระดับดีเยี่ยม สามารถนำเสนอความรู้ความคิดได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ เป็นการเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีเยี่ยม อย่างเช่น ข้อความทิ้งท้ายในบันทึกนี้ที่ว่า...

          "สื่อสารการเมือง ไม่ใช่เรื่องขึ้นเวที ร้องตะโกนตำหนิฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ไม่ใช่เรืองประจานความล้มเหลวของอีกฝ่าย และโดยเฉพาะไม่ใช่เรืองข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ไม่เห็นด้วย... สื่อสารการเมืองเป็นเรื่องกลยุทธ์ที่ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่งั้น อีกไม่เกิน ๕ ปี อาเซียนก็คงมีประเทศไทย อยู่ลำดับท้ายสุด..."

          อ.วิได้ Saved In บันทึกทั้งสองเรื่องไว้ใน Folder "เรื่องดีๆ ที่น่าอ่าน" และอยากให้คนไทยทุกคนได้อ่านบันทึกที่ดีเยี่ยมสองเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกคนที่รักชาติ นักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องในวงการการเมือง ครูอาจารย์ นักศึกษาสาขาที่เกี่ยวข้อง และลูกศิษย์ของอ.วิในภาคเรียนที่ผ่านมา จำนวนร้อยกว่าคน ซึ่งเป็นสมาชิก GotoKnow.org ซึ่งถ้าอ่านแล้วจะได้รับสิ่งดีๆ มากมายรวมทั้งตัวอย่างงานเขียนดีๆ เชิญคลิกเข้าไปอ่านได้ที่ Link ข้างล่าง นะคะ 

            "กลยุทธ์สื่อสารในการเมือง ๑ (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/494840)" และเรื่อง "ผู้ขับเคลื่อนสื่อสารการเมืองสำคัญ (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/494885)"

  • (ภาพประกอบความเห็นในวันที่ 28 ต.ค.หาย เลยลบพิมพ์ใหม่ค่ะ)
  • ขอบคุณ "น้องครูตูมBlank" ที่เข้ามาเยี่ยมและแสดงมุทิตาจิตกับพี่วิ
  • และขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยอธิบายความหมายของคำที่ถาม อย่างชัดเจน
  • ช่วงวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2555ลูกชายพาพี่ไปแอ่วล้านนามาแล้วค่ะ ลูกชายจัดการให้หมด 4 เที่ยวบิน1)อุบลฯ-กทม. 2) กทม.-ชม. 3) ชม.-กทม. 4)กทม.-อบ.บินไปถึงเชียงใหม่แล้วไปเช่ารถสำหรับเป็นยานพาหนะพาท่องเที่ยว โดยได้พักที่ อ.หางดง 1 คืน ที่ อ.แม่ริม 1 คืน ลูกตั้มพาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตร(เอาใจแม่)และแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา (เอาใจพี่สาว-คนซ้ายมือในภาพ) ค่ะ ประทับใจมาก
  • สงสัยอีกแล้วค่ะ "ขนมจ๊อก"นี่ชนิดเดียวกันหรือเปล่าน้ากับขนมเทียนทางภาคกลางภาคอีสาน
  • (ภาพประกอบความเห็นในวันที่ 28ต.ค.หาย เลยลบพิมพ์ใหม่ค่ะ)
  • ขอบคุณ "คุณมะเดื่อBlank" (จากกศน.ระยองหรือเปล่าคะ เพราะไม่ได้แสดงประวัติ แต่อาศัยอ่านข้อมูลจากอนุทิน) มากนะคะ ที่กรุณามาแวะเยี่ยมให้กำลังใจ อ.วิ
  • จากที่ได้เข้าไปอ่านบันทึกเรื่อง "เห็ดแฝก" ของคุณมะเดื่อ อ.วิเป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตในวัยเยาว์คลุกคลีอยู่กับเห็ดตามธรรมชาติ สงสัยว่าจะเป็นชนิดเดียวกับที่ทางบ้านอ.วิเรียกว่าเห็ดทา ที่ฟาร์มของ อ.วิก็มีค่ะ เกิดตามสนามหญ้า แบบเดียวกับภาพที่สืบค้นทางInternetตอนเด็กๆ ดญ.วิ ไปเก็บจากทุ่งนา แล้วแม่นำไปคลุกเกลือและใบแมงลัก แล้วห่อใบตองกล้วยนำไปย่างไฟ อร่อยมากค่ะ แม่ทำอาหารอะไรก็อร่อยทั้งนั้นค่ะ
  • ที่ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" ของ อ.วิ มีต้นมะเดื่อด้วยนะคะ ถ้าคุณมะเดื่อจะนำไปแต่งเป็นภาพประจำตัวก็ยินดีนะคะ

เรียน ผศ.วิไล ขอบคุณท่านที่ให้เกียรติป๋าเด ๒ พ.ย. เป็นวิทยากรที่ยโสธร ๓ พ.ย. นัดหมายประชุมคณะกรรมการประเมิน สมศ. ๔ พ.ย. จะเดินทางไปอุบลฯตอนเช้าครับ

  • ขอบคุณ "ป๋าเดBlank" มากค่ะ ที่แจ้งกำหนดการแน่นอนให้ อ.วิ ทราบ

เพิ่งเห็น e-mail "ป๋าเดBlank" ค่ะ อ.วิตอบแล้วนะคะ

  • ขอบใจ "พวงผกา" "อริษา"  และ "อรดี" มากค่ะ ที่เข้ามาให้กำลังใจอาจารย์
  • ฝากทั้งสามคน รวมทั้ง"ชฎารัตน์" "ราเชนทร์" และ "บัญชร" บอกต่อ ให้พื่อนๆ ไปรับรายงานการพัฒนาตนคืนด้วยนะคะ ที่บริเวณม้าหินอ่อน หลังตึกคณะครุศาสตร์ วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2555 ในช่วงเวลา 16.30-17.30 น.ค่ะ
  • ขอบคุณ "คุณ LecturerBlank : ดร.สุทิพย์ เป้งทอง"มากค่ะ ที่แวะมาให้กำลังใจ อ.วิ

หนูขอโทษคะอาจารย์ คือวันนี้หนูเรียนทั้งวันเลยคะ ไม่ทราบว่าหนูจะรับใบงานการพัฒนาตนได้เมื่อไรอีกคะ

  • ขอบใจ จาตุรงค์ จิรารัตน์ ปริศนา และชนาธิป มากนะคะ ที่ให้กำลังใจอาจารย์
  • เมื่อวาน 31 ต.ค. ระหว่างเวลา 16.30-17.30 น. อาจารย์นัดนักศึกษาทั้ง 3 Sections ไปรับแฟ้มรายงานการพัฒนาตนคืน นักศึกษา Section 02 มี จาตุรงค์ แสงสุวรรณ และ รัตนา และ Section 04 มีจุไรวรรณ สุภาพร ชฎาทิพย์ อมรเทพ และอุไรวรรณไปรับคืน โดยนักศึกษาทั้ง 2 Sections ได้รับแฟ้มไปให้เพื่อนด้วยส่วนหนึ่ง ส่วน Section 03 ไม่มีใครไปรับ
  •  "Blank" ช่วงนี้อาจารย์ยังไม่มีเวลาว่างพอที่จะนัดนักศึกษาอีก เวลาที่นัดเมื่อวานนี้เป็นเวลาหลังเลิกเรียนแล้ว ก็คิดว่าน่าจะไปรับกันได้ ถ้าจะวางไว้ให้บนโต๊ะอาจารย์ก็ทำไม่ได้ เพราะห้องจะปิดเวลาอาจารย์ไม่อยู่ เนื่องจากห้องนั้นเป็นสำนักงานของอาจารย์หลายท่าน และมีข้าวของเครื่องใช้ของอาจารย์มากมาย  

ไม่เป็นไรคะอาจารย์ หนูจะพยายามติดตามอาจารย์อยู่เรื่อยๆคะ

อาจารย์แม่ไปเที่ยวไหนก็เล่าบรรยากาศได้เหมือนกะได้ไปด้วยเลย และได้นำเอาอะไรใหม่ๆที่ในประเทศเราไม่มีมาเล่าให้ฟังเสมอ (อ่านแล้วเกิดความรู้สึกว่าประเทศเขาน่าไปเที่ยวศึกษามากๆ) โดยเฉพาะในอียิปต์

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆครับ เป็นการเขียนบันทึกที่น่าติดตามที่สุด

-สวัสดีครับ...

-แวะมาชวนไปนั่งรถหรู"โบนัสหลังเกษียณ"ครับ...55

-ขอบคุณครับ..

 

 

  • ขอบใจนะจ๊ะ "นรากรIco48" อาจารย์แม่ชวนไปติดตามตอนที่ 2 ด้วยนะจ๊ะ
  • เป็นไงบ้างจ๊ะ เรียนภาคเรียนนี้
  • ขอบคุณ เป็นเกียรติและสุดปลื้มเลยค่ะ "ที่คุณเพชรน้ำหนึ่งIco48" เชิญยายไอดินฯ ไปนั่งรถหรู เป็นโบนัสหลังเกษียณ
  • ยายไอดินฯ ขอตอบแทนด้วยการให้ทดลองใช้รถเฟียตรุ่นใหม่ดูนะคะ

ไม่ได้มานานมาถึงคุณพี่ก็บินไปซะไกลแล้ว ตอนนี้น้องมัวยุ่งๆกับการหาครูที่จะสับเปลียนซึ่งก็หายากจั๊งไม่ค่อยมีใครอยากมาอยู่โรงเรียนเล็กจิ๋วครูน้อยแต่เรื่องมากและภาระงานเยอะ สงสัยต้องทนไปอีกเฮ้อ ดีใจด้วยนะคะคุณพี่ได้พักผ่อนได้มีไปท่องเที่ยวอ่านแล้วดูภาพเพลินไปด้วยเลยล่ะค่ะ

  • ดีใจจัง ได้เจอน้องสาว "Ico48" ที่ห่างหายกันไปนาน ขอบคุณมากนะคะที่มาให้เห็นหน้า
  • พอเห็นหน้าก็เลยแวะเข้าไป Blog ของเน้องกาย พบว่าเธอว่างเว้นการเขียนบันทึกไปนานเหมือนกัน
  • มาเที่ยวนี้ พี่เปลี่ยนสถานภาพเป็น "เกษตรกรหลังเกษียณ" ไปแล้ว
  • ว่างๆ แวะไปเยี่ยมพี่ที่ฟาร์มด้วยนะคะ ช่วงนี้ไม้ผลมีแต่กล้วย ไม้ต้นประดับดอก ก็มีดอกปีบที่ออกดอกทุกยอดเลยค่ะ
  • ขอให้ได้สับเปลี่ยนตำแหน่งสมใจนะคะ
  • ลูกๆ เป็นยังไบ้าง คราวหน้าเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

Large_atfarm

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท