ต้นเดือนของเดือนกันยายนปีนี้ ได้มีโอกาสขึ้นดอยอีกครั้งหลังจากไม่ได้ขึ้นมานานกว่าสองเดือน ยังคงต้องเตรียมความพร้อมของร่างกาย เสื้อผ้า ความรู้ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่อย่างเช่นเคย ทริปนี้มีเวลาไม่นานนัก อยู่ในพื้นที่แค่ 3 วัน บวกกับการเดินทางอีก 2 วัน โดยเฉพาะการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานพอสมควร ระยะทางเพียง 24 กิโลเมตร หากเป็นในเมืองคงใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 30 นาที แต่สำหรับเส้นทางนี้ อมก๋อยไปยังหมู่บ้านรังบี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ชั่วโมง และใช้เวลามากที่สุดแล้วแต่ความถนัด ความสามารถของผู้นำทางหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะเท่านั้น
สำหรับทริปนี้ก็เหมือนเช่นทุก ๆ ทริปที่ผ่านมา ต้องใช้ยานพาหนะขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น และต้องเตรียมโซ่ จอบ มีดและเชือกไปให้พร้อม
โซ่ จะใช้เมื่อล้อรถไม่สามารถปีนป่ายตามถนนได้ ต้องใส่โซ่ 2 ล้อหลัง
จอบ จะใช้เมื่อปรับหน้าดิน เนื่องจากร่องล้อรถลึกมาก
มีด จะใช้เมื่อมีสิ่งกีดขวางทาง บางครั้งเมื่อใต้ท้องรถติดกับถนน จะต้องตัดไม้ข้างทางมาทำเป็นเสียม เพื่อขุด เจาะ แซะให้ดินออก รถจะได้ไม่ติดแหงกอยู่กลางถนน
เชือก จะใช้เมื่อรถจำเป็นต้องใช้แรงงานคนช่วยลาก
เครื่องมือที่สำคัญที่สุด คือ "คน" เพราะจะช่วยกันตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรดี อย่างน้อยหากได้รับอุบัติเหตุก็ยังช่วยเหลือกันได้ค่ะ
สองภาพแรกคือสภาพถนนที่ราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยโคลนตมเต็มไปหมด ทำให้ร่องล้อรถลึก ใต้ท้องรถจะติดพื้นทันที
ต้องรีบปรับถนน หรือขุดเส้นทางเบี่ยงไม่ให้รถพุ่งตกดอย
โปรดสังเกตุล้อรถ
คนอยู่ท้ายรถช่วยกันขย่มและต้องจับรถให้แน่น กันกระเด็นตกดอย
น่าหวาดเสียวไหมค่ะ ข้างหนึ่งเป็นเหว ข้างหนึ่งเป็นผา
เกือบไปต่อไม่ได้
ในความลำบาก ก็ยังคงมีความสวยงามของธรรมชาติให้ชื่นชม
ทุ่งนาสีเขียวสองข้างทาง ทำให้รู้สึกหายเหนื่อย
เมื่อไปถึงที่พักของครูที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือนที่แล้ว ก็รู้สึกหายเหนื่อย เพราะรอยยิ้มและการต้อนรับของน้อง ๆ
เมื่อไปยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านพักครู มองเห็นอำเภออมก๋อยที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก
สุดท้ายเมื่อมีเวลาว่างต้องรีบทำการบ้าน ก่อนมีนัดกับน้อง ๆ และชาวบ้าน
ขอบคุณกัลยาณมิตรที่รอติดตามอ่านบันทึก และต้องกราบขออภัยค่ะที่ขาดตกบกพร่องในการเขียนบันทึกให้สม่ำเสมอ โดยไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ
ขอบพระคุณผู้ร่วมเดินทาง ครู ชาวบ้าน ยานพาหนะ ทีมงานและกำลังใจจากกัลยณมิตรทุกท่านค่ะ
สุดยอดเลย ชีวิตนักสู้แบบนี้ ;)...
แหม !!!! นึกถึงคำเดียวกับคุณครูข้างบนพอดี
สุดยอดแม่หญิงยุค ๒๐๑๒ เชียวค่ะ
ขอให้สนุกสนาน ชื่นบาน มีความสุขในการทำงานและชีวิตบนยอดดอยนะคะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ขจิต ฝอยทอง
ขอบคุณค่ะคุณมะเดื่อ ในความเป็นจริงแล้วครูทุกคน ไม่ว่าจะลำบากหรือไม่ ทุกคนจะพยายามหาทุกวิธีการเพื่อเดินทางให้ถึงที่หมายค่ะ เพราะเด็ก ๆ รอคอยครูเสมอค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ Wasawat Deemarn ภาพสวยไหมค่ะ หุหุ
ขอบคุณค่ะคุณหมอทพญ.ธิรัมภา
เมื่อผ่านหนทางอันขรุขระ เหนียวหนืดไปได้ วิวเขียวขจี สดใสมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ;)
ขอบคุณค่ะคุณ...ปริม pirimarj...
ภาพถนนน่าหวาดกลัวจังค่ะ
หลีกเลี่ยงการเดินทางหรือ เดินทางน้อยที่สุดน่าจะดีนะคะ
บุญรักษาค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณภูสุภา สองสามปีที่ผ่านมาเราพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางในหน้าฝนค่ะ แต่งานก็จะหยุดชะงักลงเลย ทำงานต่อไม่ได้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า "เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีโอกาสได้กลับไปช่วยเหลือคนที่บ้าน เด็ก ๆ และชาวบ้านบนดอยเขาไม่เคยมีวันหยุดที่จะดิ้นรนทำมาหากิน" ฉะนั้นไม่ว่าอากาศ ธรรมชาติจะเปลี่ยนอย่างไร จะต้องเข้าถึงและเข้าใจชุมชนให้มากที่สุดค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือ แม้จะลำบากกาย แต่ก็สุขใจดีนะค่ะ
เป็นการทำงานด้วยหัวใจเสียสละจริงๆเลยค่ะ น่าชื่นชมและขอเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
การเดินทางบนเส้นทางแบบนี้มันน่าหวาดเสียว คนไม่ชำนาญรถ ไม่ชำนาญทางคงทำได้ยาก บุญรักษาค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณพี่ยุวนุช บุญรักษาเช่นกันนะค่ะ
เคยไปที่นาเกียน 2 ครั้งแล้ว แต่ก็อยากไปอีกน่ะ 20 ปี ที่แล้วกับวันนี้ ถนนสายนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ
ขอบคุณค่ะคุณอักขณิช หน้าหนาวนี้สนใจไปเกี่ยวข้าวบนดอยไหมค่ะ
การเดินทาง คือการทำงาน ที่ทำงานที่ต้องเดินทาง รอบรายทางมีเรื่องให้เรียนรู้
ธรรมชาติสอนการเรียนรู้
ขอบคุณค่ะคุณวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- จริงอย่างที่ว่าแหละค่ะ ธรรมชาติสอนการเรียนรู้ค่ะ
ถนนแบบนี้ ฝึกความอดทนได้ดีนะคะ คุณดอกหญ้าน้ำ ชอบวิวตรงระเบียงหน้าบ้านพักครูจัง เห็น เมฆหมอก ภูเขา ด้วย สวยมากๆ เลย น่าไปเที่ยว ส่วนวิวตรงทุ่งนาขั้นบันได ได้ใจมาก สวยจริงๆ อยากไปเห็นของจริง อยากมีบ้านอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ อากาศคงดีมากๆเลยเนาะ
ปล. แค่มองข้างหลัง ยังสวยขนาดนี้ ^-^ มีความสุขกับการทำงานนะ
เชิญทีมงาน COP ร่วมกิจกรรมลงเรือลำเดียวกันค่ะ