R2R คืออะไร ? ... ทำไมต้อง R2R
R2R ชื่อเต็ม คือ “Routine to Research” R2R คือ “
การพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย”
ผลลัพธ์ของ R2R ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ได้ผลงานวิจัยเท่านั้น แต่มี
เป้าหมายที่จะนำผลงานวิจัย R2R ไปใช้พัฒนางานประจำนั้นๆ ด้วย
oพัฒนางานประจำที่ทำทุกวัน... ให้เป็นผลงานวิจัย
oเปลี่ยนปัญหาหน้างาน... ให้เป็นผลงานวิจัย
R2R จึงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน เพื่อพัฒนางานขับเคลื่อนองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization)
R2R มีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 อย่าง คือ ...
1. โจทย์วิจัย R2R : ต้องมาจากปัญหาหน้างาน มาจากงานประจำที่ทำ
กันอยู่และต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น
2. ผู้วิจัย : ต้องเป็นผู้ทำงานประจำนั้นเอง และต้องทำหน้าที่ หลักใน
การวิจัยด้วย
3. ผลลัพธ์ของงานวิจัย : ต้องวัดผลได้จากตัวผู้รับบริการจากเรา หรือผู้ป่วย
โดยตรง เช่น ด้านการทำงานบริการ จะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน,
การบริการดีขึ้น, แก้ปัญหาภาระงานที่ทำอยู่ได้ ส่วนด้านการดูแลผู้ป่วย
ผลการรักษาจะดีขึ้น, ภาวะแทรกซ้อนหรือระยะเวลาในการพักรักษาตัว
ที่โรงพยาบาลลดลง เป็นต้น
4. การนำผลการวิจัยไปใช้ : สามารถนำไปปรับปรุงการทำงานและการ
บริการให้ดีขึ้นในบริบทของแต่ละองค์กร“
ควรพัฒนา R2R จากงานที่ทำอยู่ ... ไม่ควรเปิดหน้างานเพิ่มภาระให้ตนเอง ”
R2R ใช้ระเบียบวิธีวิจัย (Research methodology) แบบไหน ?
ใช้ได้ทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research)
การวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) หรือการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
ที่มีความเหมาะสมและเชื่อถือได้ “
แต่ที่สำคัญต้องเริ่มจากระเบียบวิธีคิด... ก่อนที่จะเลือกใช้ระเบียบวิธีวิจัย... การทำวิจัย
R2R ก็จะง่ายกว่าที่คิด”
R2R มีบุคคลที่สำคัญเกี่ยวข้องกันอยู่ 3 กลุ่ม คือ...
1.ผู้วิจัย R2R :
ควรเริ่มจากใจ ที่มุ่งหมายหรือต้องการพัฒนางานประจำ รู้จัก
ค้นหาคำถามวิจัยที่เป็นกุญแจสู่การพัฒนาการบริการ การทำงาน ผลลัพธ์จาก
การทำ R2R คือ ส.ป.ก. ( ส. คือ ความสุข สนุกในการทำงาน / ป.
คือ ปัญญาเก่ง ขึ้น ฉลาดขึ้น/ และ ก. คือ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน )
2. คุณอำนวย : ไม่ใช่ครู ไม่ใช่วิทยากร ไม่ใช่เจ้าของโครงการด้วย แต่เป็น
ผู้อำนวยความสะดวกต่อกิจกรรม R2R โดยใช้แนวคิด KM (Knowledge
Management) เริ่มต้นจากความสำเร็จของกลุ่มคนจำนวนน้อยมาเล่า มา
แลกเปลี่ยน และต่อยอด (Success Story telling) มีการสนับสนุนกิจกรรม
R2R เชิงรุก มีการวิพากษ์งานวิจัยอย่างสร้างสรรค์
3. ผู้บริหาร : ต้องมีความรู้ ความเข้าใจถึงแนวคิดและปรัชญา R2R
อย่างแท้จริง ให้การสนับสนุนการทำกิจกรรม R2R อย่างเหมาะสม ใช้ R2R
เป็น เครื่องมือในการพัฒนาคน เพื่อพัฒนางานประจำ และนำพาองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization)
“ R2R กับ KM เขาจึงเป็นแฟนกัน... เพราะเขาช่วยกัน
ขับเคลื่อนองค์กร... สู่องค์กร แห่งการเรียนรู้ ”
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะ แฟนคู่นี้เค้ายอดเยี่ยมด้วยค่ะ อ่านแล้วทำให้เกิดพลังอยากทำต่อค่ะ ยอดจริงๆ