พรุ่งนี้ อังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ทางสาขาเทคโนโลยีบัณฑิตเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะจัดปัจฉิมนิเทศก์ให้กับผู้ที่จบและจะอำลาสถาบันการศึกษา ได้ชวนให้ผมไปบรรยายพิเศษให้นักศึกษาผู้กำลังจะเป็นบัณฑติจบใหม่ฟังว่า การเตรียมตัวเพื่อที่จะทำงานในอนาคตทางด้านเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์และเวชนิทัศน์ จะเป็นอย่างไร
งานในสาขาวิชาชีพเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์ คงจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งสามารถพัฒนาไปได้บนเงื่อนไขความจำเป็นอันแตกต่างหลากหลาย จึงคงจะไม่เหมาะที่จะหยิบยกมาคุยกับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะจบการศึกษาซึ่งจะทำให้เป็นคนกลัวความยุ่งยากและมุ่งหาความสำเร็จจนเกิดโลกทัศน์ที่แคบอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
ดังนั้น ผมจึงเตรียมตัวที่จะเน้นไปที่กระบวนการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นไปกับสิ่งที่ต้องเจอเมื่อก้าวเข้าสู่โลกความเป็นจริงในชีวิตและการทำงานอย่างเหมาะสม มีความหมาย และมีนัยสำคัญทั้งต่อสังคมและต่อการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอดีกว่า รวมทั้งต้องไม่ลืมที่จะย้ำมิให้เน้นเลือกหาความสำเร็จและความลงตัวในห้วงเวลาที่คนจบใหม่ ยังมีชีวิตและโอกาสทำสิ่งต่างๆในสังคมอีกยาวไกล แต่ต้องเน้นการเรียนรู้และรู้จักใช้ข้อจำกัดสูงสุดของตนเองอย่างถ่องแท้ก่อน ซึ่งจะทำให้สามารถริเริ่มและเรียนรู้เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆขึ้นจากการเรียนรู้ประสบการณ์ตรงบนสภาพการทำงานที่จะไปเจอในอนาคตอย่างไรก็ได้ แม้ในสภาพที่อาจจะโชคไม่ดีที่สุดของคนที่จบมหาวิทยาลัยออกไปแล้วเดินออกไปหางานทำ
นอกจากนี้ ผมเล็งเห็นความสำคัญว่า คนที่สร้างขึ้นจากสาขาเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์นั้น จัดว่าเป็นสาขาที่มีศาสตร์เกี่ยวกับเครื่องมือทำงานที่จะช่วยเป็นตัวคูณหรือเป็นกลไกขยายผล เพิ่มพูนพลังของกลไกและระบบการทำงานต่างๆของสังคม โดยเฉพาะทางด้านวิชาการแพทยศาสตรศึกษา สาธารณสุข สุขภาพชุมชน ให้คนในสาขาเชิงเนื้อหาอื่นๆที่สังคมสร้างขึ้นได้ทีละเล็กละน้อยเช่นกัน มีกำลังขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะที่มีความซับซ้อนให้ทัดเทียมกับความจำเป็นที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในจำนวนที่สังคมสร้างได้ไม่มากนักดังที่กล่าวมาในข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นนักเวชนิทัศน์และนักเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์ หรือสาขาใด ก็จะมีคนในวงการนั้นๆจำนวนยิ่งน้อยมากเข้าไปอีก ที่จะมีทักษะความพอดีในการปรับกรอบวิชาชีพตนเองเพื่อเรียนรู้ข้ามสาขาและเดินบวกพลังความร่วมมือแบบทีมสหวิทยาการเพื่อบรรลุเป้าหมายของสังคมที่ใหญ่กว่าจุดหมายแบบแยกส่วนได้ จึงยิ่งต้องการนักเวชนิทัศน์กับนักเทคโนโลยีการศึกษาบางส่วนเท่านั้นที่จะมีพลังการเรียนรู้เหนือปรกติทั่วไปอีกแบบหนึ่ง
แต่การที่จะทำในลักษณะดังกล่าวได้ คนในสาขาเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์รุ่นใหม่ๆซึ่งทั้งประเทศก็ผลิตได้ไม่มากเช่นกัน จะต้องสามารถเรียนรู้สิ่งที่หาไม่ได้จากมหาวิทยาลัยหลายอย่างจากสถานการณ์จริงของการทำงาน ผมจึงเตรียมจะเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ปฏิบัติและการพัฒนาชีวิตการเรียนรู้บนการทำงาน มากกว่าที่จะบรรยาย จะวางตำแหน่งแห่งหนตนเองให้เป็นการย่นย่อประสบการณ์สังคมมาทอดลงให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวไปสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้ยิ่งดีกว่าเดิม เหมือนเป็นการอดทนสั่งสมประสบการณ์กันรุ่นต่อรุ่น รวมทั้งเป็นการเดินนำเอาความเป็นจริงทางการปฏิบัติของสังคมมาให้คนรุ่นใหม่ได้เตรียมตนเอง สะท้อนเสียงความจำเป็นของสังคมที่ต้องการความริเริ่มจากคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะออกไปเป็นคลื่นนำการริเริ่มสร้างสรรค์ต่างๆในเงื่อนไขแวดล้อมใหม่ๆ
ผมเตรียมออกแบบกระบวนการคร่าวๆว่าจะคุยให้วิธีคิดสัก ๑ ชั่วโมง เพื่อได้มุมมองสำหรับลองเล่นกับชีวิตจริงและสิ่งที่เป็นต้นทุนชีวิตจริงของตนเอง ที่จะต้องเรียนรู้ผ่านกิจกรรมถัดไป จากนั้น จะให้นั่งถอดบทเรียนและสะท้อนคิดสู่การวาดหวังต่อชีวิตการงานในอนาคตสัก ๔๐ นาที ได้ลองใช้ทักษะการสื่อสารและพลังฝีมือทุกอย่างของตนเองโดยมีคนมาดูให้ด้วยไปในตัว จากนั้น ก็จะให้นำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดด้วยตนเองเป็นกลุ่มอีก ๑ ชั่วโมง แล้วจะปิดท้ายด้วยการชี้แนะ เสริมพลังใจ และเสริมความเชื่อมั่นในตนเองเพื่อการก้าวเดินไปข้างหน้า ทั้งในภาพรวมและรายบุคคล
ทั้งประสบการณ์ที่มีของตนเอง และการได้แลกเปลี่ยนสนทนา ตลอดจนการได้อ่านบันทึกรายงานปฏิบัติจากสภาพแวดล้อมอันหลากหลายของทุกท่านใน gotoknow เป็นฐานข้อมูลสำหรับทำงานความคิดและเตรียมสิ่งที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษาผู้ที่กำลังจะเป็นบัณฑิตจบใหม่อีกรุ่นหนึ่งนี้
เชื่อว่าจะทำให้คนรุ่นใหม่ ได้เห็นโอกาสและงานในอนาคตของเวชนิทัศน์กับเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์ในอีกบางแง่มุม ที่ไม่ใช่เพียงหางานตามตำแหน่ง แต่เป็นการเรียนรู้ สร้างคุณค่าและความหมายแก่การงานแห่งชีวิตและเพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ด้วยตัวเราเอง เป็นคนและพลังชีวิตของสังคมด้วยพลังความรู้เชิงปฏิบัติทางเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีการศึกษา มากกว่าเป็นเพียงนักเวชนิทัศน์และนักเทคโนโลยีการศึกษาอย่างเดียว.
ท่านพี่ เสียดายไม่ได้ต้อนรับท่านพี่ ไปพบกันที่ HA Forum 2012 ครับ
น้อมคารวะท่านอาจารย์หมอ JJ ครับ
ดีใจเหลือหลาย ที่จะได้เจออาจารย์และหลายๆท่านครับ
กราบนมัสการขอบพระคุณท่านพระอาจารย์มหาแลด้วยครับ
พระคุณเจ้ากับผมสงสัยจะต้องเป็นแม่ยกพ่อยกเวทีคนหนองบัว
ที่จะไปบวกกับงานงิ้วของปีนี้อีกแล้วละครับ
แต่คราวนี้คงจะเหนื่อยน้อยกว่า แต่ลงตัวและทำได้สนุกกว่าเดิม
เพราะหลายคนในพื้นที่พอจะเห็นรูปแบบ
นึกภาพออกจากประสบการณ์ของเมื่อปีที่ผ่านมา
และเห็นประโยชน์หลายอย่างแล้วว่าจะเป็นโอกาสสร้างสรรค์และทำให้ก่อเกิดสิ่งดีๆอะไรกันได้บ้าง
ท่านพี่กำลังจะใช้ "กำลังภายใน" หรือครับเนี่ย ;)...
ผมพลังอ่อน ขอผ่อนกำลังทีหลังครับ อิ อิ
โอโห งานอาจารย์เยอะน่าดู ไปขอนแก่น เดือนหน้าไปนครฯ ต่อมาก็มากรุงเทพฯ 555 คงไม่มีเวลาตีไก่ โขลกหมากรุกเลย ขอให้อาจารย์มีความสุขกับงานที่ขอนแก่นนะครับ แวะไปกราบพระที่วัดหนองแวง อีกก็ได้นะครับ...
สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ขจิตครับ
ตื่นเต้นยิ่งกว่าได้ตีไก่และโขกหมากรุกอีกอาจารย์ คือ
มีวันหนึ่งไปนั่งกินข้าวกันกับครอบครัวของเพื่อนบ้าน
มีไข่เจียวด้วยจานหนึ่ง เป็นไข่เจียวทำจากไข่ไก่ชนครับอาจารย์
กระบวนการที่ได้ทำจริง สามารถทำได้ครบมิติประสบการณ์ที่ต้องการ แต่กิจกรรมจำเป็นต้องปรับยืดหยุ่นไปกับสภาพของกลุ่มและสภาพของห้องประชุม ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆประมาณเกือบ ๓ ชั่วโมงจากเช้าถึงเที่ยง ...............
ร่วมทำพิธีเปิด บรรยายพิเศษ และให้พลังใจโดยคณบดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศาสตราจารย์นายแพทย์ภิเสก ลุมพิกานนท์
บรรยายและเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ ให้เนื้อหา วิธีคิด และแนวมองอนาคต / ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มย่อยตามแถวที่นั่ง ระดมความคิดและนำเสนอต่อเวทีรวม / จัดห้องนั่งล้อมเป็นวงกลมและนำเสนอความคิดรายบุคคลของแต่ละกลุ่ม / วิทยากร ประมวลภาพลงบนบอร์ดขาตั้ง / สรุปและอภิปรายโดยวิทยากร / สะท้อนคิดโดยนักศึกษาทุกคน / สรุปบทเรียนของเวทีและให้ข้อเสนอแนะ
เสร็จแล้ว นักศึกษาก็นั่งกินข้าวด้วยกัน เห็นบรรยากาศแล้วน่าประทับใจ หลังจากนั้น ในช่วงบ่าย นักศึกษาก็จัดกิจกรรมเพื่อรุ่นพี่รุ่นนองและเพื่อน้อมคารวะครูอาจารย์
Remindered
การบรรยายและเล่าถ่ายทอดประสบการณ์
ให้เนื้อหา วิธีคิด และแนวมองอนาคต
ไสลด์ ๑
ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
ที่ต้องผสมผสานทั้งการปฏิบัติ ทำงานความคิด ทำงานเนื้อหา
และต้องมีความเป็นทีมกับทีมสหสาขาที่เดินบวกกันด้วยการทำงานอย่างเต็มที่
จากศาสตราจารย์นายแพทย์ ดร.ณัฐ
ภมรประวัติ
อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และผู้อำนวยการโครงการ
ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานแห่งอาเซียน
ไสลด์ ๒
การศึกษาเรียนรู้พัฒนาชีวิตและการทำงาน สภาพการณ์ที่จะต้องเจอ ข้อจำกัดของโอกาสในการศึกษาและการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ กับแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ควรทำ
• จบการศึกษา ๒-๓ ปี ความรู้ที่มีล้าหลัง
• เมื่ออาวุโสและมีประสบการณ์ต้องเปิดโอกาสคนรุ่นหลัง
• ศึกษาต่อมีความสำคัญแต่มีข้อจำกัด
• อบรมเพิ่มพูนทักษะต้องแยกส่วนจากงานปฏิบัติ
• สื่อสารเรียนรู้ออนไลน์ขาดปฏิสัมพันธ์กับคน
• ถอดบทเรียนและยกระดับการเรียนรู้ไปกับงาน
• ขาดโอกาสสร้างเครือข่ายและชุมชนวิชาการนอกกลุ่ม
ไสลด์ ๓
ควรหมั่นดูแลชีวิตทางวิชาการของคนทำงาน
• อ่าน ฟัง สนทนาวิสาสะกับชุมชนเรียนรู้
• ฟัง คิด พูด มีคำถาม มีความเห็น เขียนบันทึก : หัวใจนักปราชญ์ สุ จิ
ปุ ลิ
• ศึกษาค้นคว้า พัฒนาความรู้ ความแตกฉานงานปฏิบัติ
• บันทึก ถ่ายทอด สอนงาน
• ชุมชนปฏิบัติ การถอดบทเรียน การวิจัยปฏิบัติการ
• นำเสนองาน
ไสลด์ ๔
พัฒนาความเป็นผู้นำทางการปฏิบัติ
ทางเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีทางการศึกษา
• เลือกสรรวิทยาการและเทคโนโลยีอย่างพอเพียง มีเหตุผล
• สะท้อนสำนึก ความตระหนัก และคุณธรรมต่อสังคม
• กลมกลืนกับชีวิต
ไสลด์ ๕
แบ่งกลุ่มถอดบทเรียนและสะท้อนคิดสู่อนาคตตนเอง
สิ่งเหล่านี้เป็นอย่างไรและควรจะทำอะไรบ้าง ?
กระบวนการ
กระบวนการสะท้อนการเรียนรู้
ขอบคุณทิมดาบครับ
อันที่จริงหากมีเวทีอย่างนี้อีก จะขออนุญาตเสนอให้เขาเชิงทิมดาบ
ไปร่วมให้ประสบการณ์การทำงานจริงของงานสุขภาพในชุมชน
น่าจะเป็นการได้ช่วยกันสร้างคนของสังคมที่ดีอย่างหนึ่งนะครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ได้ปัญญามาอีกคำแล้ว "เวชนิทัศน์กับเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์" GotoKnow นี้สร้างปัญญษดีจริง
เมื่อก่อนคำว่า การุณยฆาติ พูดกันมาก วันนี้เลือนๆกันไป
ขอบคุณบังวอญ่าเช่นกันครับ
ชีวิตการเรียนรู้ของบังวอญ่านั้น เกิดขึ้นได้ทุกแห่งเลยนะครับ
เป็นมรรควิถีของการอยู่และดำเนินไปบนมรรควิถีแห่งปัญญาอย่างยิ่งเลย
นักศึกษานำเสนอและอภิปรายเป็นรายบุคคลต่อประเด็นการทำงาน การดำเนินชีวิต การพัฒนาตนเอง และการพัฒนาเครือข่ายสนุบสนุนทางวิชาการเพื่อพัฒนาบทบาทการดำเนินงานของนักเวชนิทัศน์ที่มีการเรียนรู้และอยู่บนฐานของการใช้ความรู้อยู่เสมอ มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาสุขภาวะสังคม
สรุปบทเรียนเวทีของนักศึกษา : งานเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ในอนาคต
เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสใคร่ครวญเกี่ยวกับตนเอง สามารถมองไปยังอนาคตและจำลองสถานการณ์มาเรียนรู้แง่มุมต่างๆให้ได้แยบคายลึกซึ้งร่วมกับคนอื่น ได้มีโอกาสบ่มสร้างแรงบันดาลใจ ได้สร้างพลังความฝันใฝ่สิ่งดีในชีวิต รวมทั้งได้เห็นแนวทางในการเตรียมตนเองเพื่อเลือกสรรการเปลี่ยนแปลงต่างๆให้ดำเนินไปอย่างดีที่สุด หลังจากให้วิธีคิดแล้ว จึงตั้งประเด็นให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่มีความเป็นสิ่งพื้นฐานที่สุดของนักเวชนิทัศน์ อันได้แก่ สื่อกราฟิคบนฟลิปชาร์ต มาเป็นเครื่องมือบริหารจัดการกระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่มสำหรับทุกคนในเวทีกว่า ๓๐ คน
นักศึกษาได้ร่วมกันสะท้อนคิดตามประเด็นที่ให้นำเสนอความคิดเห็นกลุ่มละ ๑ ประเด็น จำนวน ๔ กลุ่ม ๔ ประเด็น ได้แลกเปลี่ยนทรรศนะ พัฒนาความคาดหวัง ต่อมิติต่างๆของงานเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ในอนาคต พร้อมกับใช้กระบวนการสื่อศิลปะการ์ตูน การวาดรูป สื่อกราฟิค การทำครีเอทีฟ และภาษาสื่อ เป็นเครื่องมือและวิธีพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ให้ได้สัมผัสและเห็นอีกบทบาทหนึ่งของงานเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์ที่ ที่ต้องใช้เครื่องมือและวิธีทำงานที่มีอยู่แล้ว ดังเช่น วิธีทำสื่อกราฟิคบนฟลิปชาร์ต มาเป็นเครื่องมือบริหารจัดการชุมชนผู้ปฏิบัติ เพียงแต่ต้องเรียนรู้การทำงานในสภาพความจำเป็นที่ต่างออกไปจากที่คุ้นเคยอยู่ทั่วไป หลังจากนั้น ได้ร่วมกันนำเสนอ อภิปราย และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างกว้างขวาง รวบรวมด้วยกระดาษพลิกบนบอร์ดขาตั้ง ได้โดยสรุปดังนี้......
ขอบข่ายการพัฒนางานเวชนิทัศน์และเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์ในอนาคต
นักเวชนิทัศน์และนักเทคโนโลยีการศึกษาทางการแพทย์ที่พึงประสงค์ในอนาคต
การพัฒนาตนเอง การพัฒนาการศึกษาเรียนรู้
การพัฒนาเครือข่ายสนับสนุนทางวิชาการ
การสะท้อนคิดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
หลังการนำเสนอ อภิปราย ผมในฐานะวิทยากรได้เสริมวิธีคิด ให้ข้อมูล และเสริมหลักทฤษฎีต่างๆที่เชื่อมโยงออกจากประเด็นของเวทีนักศึกษา จากนั้น ก่อนการสรุปและให้ข้อเสนอแนะโดยวิทยากร ผมก็จัดกระบวนการให้นักศึกษาได้ฟังบทสรุปที่สะท้อนขึ้นเองจากเวที รวมทั้งได้สะท้อนคิดเพื่อสร้างความชัดเจนให้กับตนเองพร้อมกับเป็นโอกาสได้แบ่งปันเป็นความบันดาลใจระหว่างผู้เข้าร่วมเวทีด้วยกัน โดยทุกคนยังคงนั่งล้อมเป็นวงกลมบนเก้าอี้ และนั่งสนทนาอย่างเป็นตัวของตัวเองทีละคน ด้วยคำถามว่า จากกระบวนการทั้งหมด ได้ประสบการณ์ ได้ความคิด และได้เรียนรู้อะไรจากเวทีบ้าง ?
การสรุปบทเรียนและการสะท้อนคิดปิดท้ายกระบวนการของนักศึกษา พอสรุปได้ดังนี้ ..........................
สรุปและให้ข้อเสนอแนะปิดเวทีโดยวิทยากร