บ้านเป็นดังภาพสะท้อนชีวิตจิตใจของคนเรา เป็นพื้นที่ความปลอดภัยที่สุด อบอุ่น มีความเป็นอิสรภาพที่จะคิดและทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นตัวของตัวเองที่สุด ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนชีวิตทางสังคม หน้าที่การงาน และการจัดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับธรรมชาติของโลกรอบข้าง การอยู่อาศัยของตัวเราเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในความหมายของความเป็นบ้าน และเมื่อผู้คนมาสู่บ้าน ก็จะเหมือนได้สัมผัสและก้าวเข้าสู่ความเป็นชีวิตจิตใจของเรา การจัดวางและเล่นกับองค์ประกอบต่างๆในบ้านในแต่ละโมงยามและแต่ละอริยาบทของชีวิต จึงเปรียบเสมือนการบันทึกชีวิตจิตใจหลอมรวมเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณความเป็นบ้าน
กอไผ่หวานแผ่กิ่งใบหนาแน่น แม่ยายบอกว่าญาตินำมาให้ เลยช่วยกันปลูกเรียงรายขนานชิดติดแนวรั้วจรดถนนที่ทอดผ่านด้านหนึ่งของบ้าน ไผ่หวานมีขนแข็ง คม คันคาย ลำเป็นริ้วเท่าหัวแม่มือ หงิกงอ และไม่สวย แต่ผมเห็นมุมนั่งกินกาแฟ มุมนั่งพักผ่อน ทำงานความคิดและสนทนากัน รวมทั้งเห็นแท่นติดตั้งงานศิลปะและบอร์ดแขวนอย่างเป็นธรรมชาติซ่อนอยู่ในกอไผ่หวานที่กำลังแตกกิ่งใบหนาแน่นเหล่านั้น เมื่อเดินใช้มีดกับกรรไกร หรือ 'ไม้ญับ' ในภาษาล้านนา เดินลิดกิ่งออกและตบแต่งทีละเล็กละน้อย วันละสามสี่กอ อดทนต่อหนามไหน่ทิ่มแทง เหนอะหนะเหงื่อโทรมกายและคันคายกับขนไผ่ขยุกขยุยเพียงไม่กี่วัน การจัดวางตนเองใหม่ของมุมร่มรื่นระหว่างกอไผ่หวานเป็นแนวยาว ก็เผยโฉมปรากฏให้เห็น งดงามเป็นธรรมชาติอย่างที่ใจคิด
เรือนหลังน้อยหลังหนึ่งในบ้าน ได้จากซื้อไม้บ้านเก่าจากชาวบ้านมาออกแบบสร้างไว้ให้ยืดหยุ่นต่อการอยู่อาศัยและใช้สอย เป็นที่รับรองแขก วิทยากร หมู่มิตร และญาติพี่น้อง รวมทั้งดัดแปลงเป็นที่ทำงานกลุ่มเล็กๆ ห้องอ่านหนังสือ และนั่งคุยกันในบรรยากาศคนกันเอง เลยต่อเติมระเบียง ทำบันไดวนขึ้นลงเข้าห้องน้ำ ทำมุมนั่งคุยกันที่ชั้นล่าง จัดวางเก้าอี้ซึ่งไปเก็บซากเก้าอี้ที่เขาทิ้งแล้ว ๕-๖ ตัวมาซ่อมทาสีเสียใหม่ ใช้ทักษะของคนทำงานจิตรกรรมที่เคยฝึกฝนตนเองจากเพาะช่างมาเป็นสถาปนึกและช่างทำบ้านชั่วคราว ผสมแรงกายใจกับช่างชาวบ้าน ไม่นานก็ได้มุมเอนกประสงค์ของบ้านและมุมทำงานเพิ่มขึ้นมาอีกมุมเล็กๆมุมหนึ่ง แต่เล่นจังหวะกับองค์ประกอบรอบข้างให้มีขีวิตชีวาและมีความเชื่อมโยงต่อเนื่อง ได้องค์ประกอบความเป็นศิลปะในบ้านและบนพื้นที่ชีวิตจิตใจของเรามากขึ้นไปอีก
อีกมุมหนึ่ง ก็เอาชุดเก้าอี้ไม้มาทาสีเสียใหม่ให้เป็นสีเหลืองเปลือกมะนาว เมื่อจัดวางริมสระข้างกอดาหลา ก็ให้โครงสีเล่นจังหวะกับสภาพแวดล้อมรอบข้างให้สว่างไสวและเป็นองค์ประกอบส่งเสริมความงามให้กัน เอาไว้รับแขก นั่งคุย นั่งปรึกษาหารือกันในบรรยากาศที่เป็นหนึ่งกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างอยู่ตลอดเวลา
สระบัวกลางบ้าน วางตัวอยู่ท่ามกลางหลากพันธุ์ไม้ ทั้งมะพร้าว กอไผ่ ดอกแคนา ดอกปีบ ต้นหม่อน ต้นหมาก มะขามป้อม และอีกหลายอย่าง เมื่อเขางอกงามและแข่งกันเติบโต แข่งกันไขว่ควัาหาแสงตะวัน แต่ละไม้ก็ยิ่งเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง มีเรื่องราวจำเพาะต่างคนต่างไป อีกทั้งเริ่มข่มให้สระบัวกลายเป็นองค์ประกอบที่เล็กจ้อย แยกส่วนให้องค์ประกอบต่างๆเริ่มหลุดออกจากกัน บรรยากาศและสภาพแวดล้อมบนอาณาบริเวณเดียวกันในลักษณะนี้นำมาคิดและแก้ไขได้ด้วยวิธีทางศิลปะเช่นกัน ผมไปซื้อท่อน้ำประปามาท่อนหนึ่ง เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑ นิ้วครึ่ง ยาว ๔ เมตร ทาสีแดงกลีบกุหลาบ แล้วลองทดสอบจัดวางกับต้นไม้ดู เห็นภาพความลงตัวและทำงานได้อย่างที่ต้องการพอสมควรทีเดียว
จากนั้น ก็ทำขีดบอกระยะหลายระดับเกือบสุดปลายท่อ ๔ เมตร ตั้งแต่ความยาว ๑ เมตร | ครึ่งเมตร หรือ ๕๐ เซนติเมตร | ๑ ส่วน ๔ เมตร หรือ ๒๕ เซนติเมตร | และ ๕ เซนติเมตร จากนั้น ก็ดัดแปลงเหล็กกะทะล้อรถเก่าและถ่วงปลายท่อด้านหนึ่งให้ตั้งฉากขึ้น เดินดูรอบสระบัวและเปิดสัมผัสไปสู่องค์ประกอบต่างๆทั่วทั้งบริเวณบ้าน เหมือนกับการร่างภาพและหามุมจัดวางองค์ประกอบงานศิลปะ จากนั้นก็อุ้มแท่นซึ่งติดตั้งท่อสีแดงกลีบกุหลาบที่ทำขึ้นลงไปในสระ จัดวางลงไปตรงตำแหน่งที่หมายตาไว้
ใช่แล้วครับ...ทำเป็นที่บอกระดับน้ำ และอีกมิติหนึ่ง สีสันของมันซึ่งมีความเป็นสีคู่ประกอบของสภาพโดยรอบ กับการออกแบบและตำแหน่งการติดตั้ง ก็ทำให้ได้ที่บอกระดับน้ำที่ช่วยเป็นองค์ประกอบศิลปะจัดวางเรื่องราวของสระบัวกับผืนน้ำ ให้มีความเป็นศูนย์กลางความเชื่อมโยงของสิ่งรอบข้าง ได้ความประสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับท้องฟ้า แสงแดด สายลม รวมทั้งมวลธรรมชาติและหมู่แมกไม้ ก่อเกิดเรื่องราวเพิ่มขึ้นในอีกมิติหนึ่งจากองค์ประกอบทั้งหมดของบ้าน และเป็นฐานชีวิตสำหรับใช้ทำงานที่พึ่งทุนชีวิตตนเองให้ได้มากที่สุด.
บ้านน่าอยู่ สิ่งแวดล้อมดี เป็นสิ่งที่หลายคนอยากมีชีวิตแบบนี้
สวัสดีปีใหม่ค่ะ อาจารย์
สวัสดีครับคุณแก้ว..อุบลครับ
ขอบพระคุณครับ ตอนนี้ถือโอกาสทำบ้านเพื่อใช้ทำงานไปด้วยได้น่ะครับ
มันรกและมีเรื่องราวให้ต้องลุยทำอยู่อีกเยอะเหมือนกันครับ
เลยก็ต้องหาเรื่องทำให้สนุกๆไปเรื่อย สวัสดีปีใหม่ด้วยเช่นกันครับผม
ได้ข้อคิดจากการแต่งบ้านของอาจารย์ค่ะ
โดยเฉพาะเก้าอี้ทาสีเหลืองเปลือกมะนาว เมื่อประกอบกับสภาพแวดล้อมแล้วเสริมกันและกัน ยังคิดอยู่ว่า ปกติสีนี้ไม่ค่อยเห็น
..
ปรารถนา เห็นความลงตัวระหว่างคนๆ หนึ่งกับสังคมรอบข้าง ให้งามเสริมกันและกัน
ตอนนี้ยังขัดแย้งอยู่ค่ะว่า
เราควรเชื่อตามและปรับเข้าหาสิ่งแวดล้อม
หรือ
เราควรปรับสิ่งแวดล้อม ตามที่เราเชื่อ
เป็นการจัดวางที่ลงตัวมาก ผมทำกอไผ่หวานที่บ้านเป็นที่อ่านหนังสือเหมือนกัน ใบเขามากร่มเย็นดี
ตอนนี้เลยไม่มีเวลาไปตีไก่ ไปโขลกหมากรุกเลยใช่ไหมครับ 555
สวัสดีครับอาจารย์หมอ ป.ครับ
ข้อสังเกตของคุณหมอนี่ ช่างพ้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู้เบื้องหลังเลยครับ เพราะสีเหลืองเปลือกมะนาวที่นำมาทาสีเก้าอี้นี่ ผมต้องช่วยกันสุมหัวกับแม่บ้านและไปยืนชั่งใจดูแล้วดูอีกที่ร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่เป็นนานสองนานเลยเชียวครับ ผมเป็นคนเลือกเองว่าควรจะเป็นสีเหลือง แต่สีในกลุ่มนี้มีสีเหลืองทอง กับสีเหลืองเปลือกมะนาว ใจผมนั้นคิดว่าควรจะเป็นสีเหลืองทอง เพราะดูมีน้ำหนักและจะเหมือนกับมีสีอุ่นๆของสีแดงกับดิน สะท้อนเข้าไปอยู่ในน้ำหนักของสีนี้ด้วย แต่แม่บ้านอยากได้สีเหลืองเปลือกมะนาว เธอบอกว่าดูสดและสว่างดี ในขณะที่ผมเองคิดว่าสีมันแจ๋นและเบา ไม่เสริมอารมณ์ความเป็นเก้าอี้ซึ่งดูมีน้ำหนักและเป็นกลุ่มของสิ่งที่อยู่กับพื้น น่าจะเป็นสีของโป่งสวรรค์ หรือสิ่งที่ให้ความรู้สึกเบา พลิ้วไหว เสียมากกว่า
แต่เมื่อเอามาทาแล้วก็แปลกตาดีครับ อีกทั้งเป็นไปตามความต้องการทั้งของผมกับแม่บ้านอีกด้วย คือ ผมตามใจให้เป็นสีเปลือกมะนาวอย่างแนวคิดของเธอ แต่พอทาและเมื่อแห้งแล้ว สีก็กลับไม่ออกเป็นสีเหลืองเปลือกมะนาวครับ สีของเนื้อไม้และสีเก่าแบบขาวเจือฟ้าหม่นอันเป็นสีเดิมของเก้าอี้ ออกมาผสมกับสีที่ทาใหม่ เลยกลายเป็นตัวทำให้สีเหลืองเปลือกมะนาวกลายเป็นเข้มลงไปจนเกือบเป็นสีเหลืองทองไปเลย เลยเหมือนกับเป็นเหลืองทองเปลือกมะนาว แปลกตาไปอีก อย่างไม่ตั้งใจครับ
สอดคล้องกับข้อปรารภของคุณหมอด้วยพอดีในบางแง่เหมือนกันเลยนะครับ กล่าวคือ ในบางสถานการณ์ ทั้งตัวเราเองและสิ่งที่เป็นความเชื่อส่วนตน กับสิ่งแวดล้อม ต่างก็สะท้อนความเป็นซึ่งกันและกัน เราใช้ความเชื่อจัดความสัมพันธ์ตนเองกับสิ่งแวดล้อมและสร้างสิ่งแวดล้อมไปตามสิ่งที่เราเชื่อ ขณะเดียวกัน สิ่งแวดล้อมก็มีอิทธิพลต่อชีวิตและความรู้สึกนึกคิดต่างๆของเรา สถานการณ์อย่างนี้ หากถือเอามรรควิถีทางสายกลาง ก็คงต้องมุ่งไปที่จุดหมายที่พึงมีพึงเป็นอย่างความเป็นจริงที่มันเป็นของสิ่งนั้นๆ แล้วก็ปฏิบัติไปตามหนทางที่ถูกต้อง เหมาะสม ถูกกาลเทศะ และพอเพียงแก่ความจำเป็นต่างๆที่คิดใคร่ครวญและแยบคายดีที่สุดแล้วตามกำลังสติปัญญากับเงื่อนไขในห้วงหนึ่งในชีวิตของเรา อย่างนี้ก็คงไม่ต้องมุ่งไปเพื่อตัวเราเอง หรือต้องคล้อยตามไปกับสิ่งแวดล้อม ไม่เอนเอียงไปสู่ทั้งสองอย่างเพียงเพื่อถูกใจตนเองหรือตามใจผู้อื่น อย่างนี้ก็เป็นแนวทางหนึ่งได้เหมือนกันนะครับ
สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ขจิตครับ
ตอนนี้หากไม่ต้องไปตีไก่หรือโขกหมากรุก ก็พอมีกิจกรรมชีวิตให้หมกมุ่นได้ไปอีกแบบครับ ตอนนี้ แขนขาและตามเนื้อตัวผมมีแต่รอยหนามและกิ่งไม้เกี่ยวขูดขีดเอา เป็นลวดลายกระจายไปทั่วแล้วครับ แรกๆก็หมั่นเอายาทา แต่ทาอยู่ได้วันสองวันครับ เพราะวันต่อๆมามันก็มีเยอะกว่าเดิม เลยไม่ต้องทาเทอกันแล้ว มันเยอะแยะไปหมดครับ สู้รอเฝ้าดูว่าแผลไหนพอทำท่าจะแห้งบ้างก็นั่งแกะเกาสะเก็ดแผลเล่นดีกว่า ได้ลุ้นกับความเจ็บและคันๆมันส์ดีอีกต่างหาก ฮ่า
สวัสดีครับพี่ใหญ่ครับ
ว้าว บ้านหรือวิมานคะเนี่ยท่านอาจารย์เซียนศิลป์ :)
ชอบจังค่ะ ทำให้นึกถึง เรือนริมบัว ที่สหายคนนึงฝันถึง
มีบ้านอย่างนี้เหมือนพักรีสอร์ทตลอดปี สวรรค์แต้ๆเจ้า
บรรยากาศอย่างนี้ สวรรค์ของต้วมเตี้ยมคลับ (จับภาพ) เลยเจ้า
สวัสดีครับคุณ Poo
แสดงว่าเป็นคนชอบธรรมชาติ ต้นไม้ต้นไร่ เหมือนกันใช่ไหมครับ เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็กำลังนึกอยู่พอดีครับว่าตามมุมต่างๆของบ้าน ต้องมีทางลาดๆที่ต่อเนื่องถึงกันตามบริเวณต่างๆไว้สำหรับรถล้อและการเดินเหินของพลเมืองต้วมเตี้ยมแบบต่างๆอยู่เหมือนกันครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
แม่สีทั้งนั้นเลยนะคะ ในบ้าน ประตู ชั้นหนังสือน้ำเงิน ระเบียงขลิบเขียว นอกบ้านเหลือง แดง เรือเขียวสว่าง....ไหนจะเล็งแต่ละมุม แล้วกลมกลืนภาพรวมทั้งบ้านอีกเล่า
โอ้.....ไม่ศิลป์จริง ไม่ได้อย่างนี้นะคะ
หนูละนั่งจินตนาการว่าบริเวณบ้านหนูจะออกมาประมาณไหนเนี่ย ชำต้นไม้ไทย ๆ ไว้พอควรค่ะ รอฝนจึงจะลงดิน แล้วก็เห็นประโยชน์ต้นไผ่หลายอย่าง อยู่ระหว่างหาข้อมูลค่ะจะเลือกไผ่อะไรดีที่กินได้ตลอดปี ลำก็ใช้ประโยชน์ได้
เห็นอาจารย์แต่งบ้านไปสุขใจไปแล้ว....สบายมากใช่ไหมคะ เหมือนได้อยู่รีสอร์ททุกวัน
สวัสดีครับคุณหมอธิรัมภาครับ
จริงด้วยครับ ไม่ได้ตั้งใจเลย คุณหมอทำให้ผมพลอยได้สังเกตไปด้วยว่านี่มันเป็นแม่สีทั้งนั้นเลยนี่นา รวมทั้งสีดำ น้ำตาล เทา และขาว ก็เป็นกลุ่มสีกลางหรือผลรวมของแม่สีและชุดของสีต่างๆของวิธีจัดกลุ่มสีในวิธีที่แตกต่างกัน คือ สีดำ น้ำตาล และเทา เป็นสีกลางของกลุ่มแม่สีที่ใช้มวลสารเป็นเนื้อสีหรือเป็นผลรวมของแม่สีจากวัตถุธาตุ สีดำเป็นสีกลางของกลุ่มแม่สีทางการพิมพ์ซึ่งเกิดจากการเหลื่อมองศาของสีให้เกิดผลต่อการที่สายตาของเราและกระบวนการมองเห็นจะผสมให้เกิดสีต่างๆ ส่วนสีขาวนั้น ก็เป็นสีกลางและผลสรุปของกลุ่มแม่สีจากการเปล่งแสงสว่าง เลยก็ยิ่งได้ตระหนักมากยิ่งๆขึ้นว่า ความงามและความเป็นศิลปะนั้น เป็นแบบแผนที่มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว พอเราโน้มใจเข้าไปปฏิบัติและเข้าไปสัมผัส โดยศิลปะและการได้ปฏิบัติของเรามีฐานะเป็นสื่อกลาง ตัวเราเองก็ได้ความสวยงามและงานศิลปะอย่างที่ต้องการ แต่อีกทางหนึ่ง แบบแผนดังกล่าวนั้น ของธรรมชาติ ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น คงเหมือนกับที่เราก็จะสามารถเห็นความสวยงามที่จัดวางตนเองอยู่บนสิ่งต่างๆในทิวทัศน์ ธารน้ำ ท้องทุ่งนา หมู่แมกไม้ อย่างนี้หรือเปล่านะครับ....ก็ว่าไป๊ แบ่งปันกันแบบนั่งแอ่วริมสระน้ำน่ะครับ
ผมได้ความรู้และเห็นความเป็นเหตุเป็นผลไปด้วยของการเอาต้นไม้ลงดินในหน้าแล้ง จากที่ไหนสักแห่งนะครับ หากเข้าใจไม่ผิดน่าจะได้จากการอ่านบันทึกของท่านรองศาสตราจารย์ชยพร แอคะรัตน์ ใน gotoknow นี้เอง แต่จำไม่ได้แล้วครับว่าในบันทึกเรื่องอะไร แต่ไหนแต่ไรมาผมก็เชื่ออย่างฝังหัวว่าหากจะปลูกต้นไม้และเอาต้นไม้ลงดินนั้น ต้องทำในหน้าฝน ยิ่งฝนชุกและน้ำท่าดีก็ต้องยิ่งเหมาะสมที่จะปลูกต้นไม้ลงดิน แต่เมื่อเร็วๆนี้ ผมเพิ่งได้วิธีคิดใหม่ว่า ต้องปลูกลงดินในหน้าแล้ง เพราะหน้าฝน ต้นไม้ที่เราปลูกลงดินซึ่งกำลังอ่อนแอ จะโตไม่ทันหญ้าและไม้อื่นๆ จะทำให้แกรน โตช้า หรือหยั่งรากไม่มั่นคง พอพ้นหน้าฝนเจอหน้าแล้งก็ไปไม่รอด
ตรงกันข้าม หากปลูกลงดินในหน้าแล้ง หญ้าและพืชอื่นๆจะจำกัดการเติบโตงอกงามของตนเอง ทำให้เราสามารถดูแลต้นไม้ที่เพิ่งเอาลงดินได้ง่ายขึ้น เมื่อได้รับการรดน้ำพรวนดินในหน้าแล้ง ก็จะเป็นระยะเวลาให้ต้นไม้ที่กำลังอ่อนแอ ได้บ่มตนเอง หยั่งราก และปรับตัวเข้ากับผืนดิน พอพ้นหน้าแล้งเข้าสู่หน้าฝน ก็จะสามารถพึ่งตนเองเติบโต มีโอกาสรอดและงอกงามได้ดีกว่าการปลูกลงดินในหน้าฝน ผมลองปลูกไผ่และไม้ดอกหลายอย่างดูแล้วในหน้าหนาวและแล้งนี้ครับ ดูท่าทางแล้วเห็นจะจริงอย่างที่ได้ความรู้ใหม่นี้ครับ เพราะฉนั้น หากจะลองทำตามแนวนี้ดูบ้าง ก็ไม่ต้องรอหน้าฝนน่ะสิครับ ลองเจียดส่วนหนึ่งมาลุยเอาลงหน้าแล้งนี้เลย บ้านคุณหมอต้องงามแน่ๆครับ เพราะมุมมองต่อเรื่องต่างๆของคุณหมอนั้นง้ามงาม
สวัสดีครับอาจารย์วิรัตน์ครับ
ชอบบันทึกแนวนี้ของอาจารย์มากนะครับ ได้แนวคิดมุมมองการใช้ชีวิต
ที่สำคัญ ได้สไตล์ชีวิตของอาจารย์ ด้วยนะครับ
มาเยี่ยมด้วยความระลึกถึงครับ
เพิ่งมีเวลาเล่นบ้างพี่ อาจารย์ รุ่นพี่ เวชนิทัศน์ หลายอย่าง จริง คิดถึงครับ
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดี
คุณแสงแห่งความดีหายไปเป็นครู่เลยนะครับ
เรื่องราวศิลปะกับชีวิตในลักษณะนี้ ดูคนสนใจและน่าจะได้ประโยชน์ใกล้ตัวดีนะครับ
จะมีโอกาสทำอยู่ในบ้านและเวลาได้จัดเวทีกิจกรรมต่างๆของตัวเองอยู่เรื่อยๆครับ
เมื่อทำแล้วก็นำมาถ่ายทอดไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจแก่คนอื่นไปด้วยด็ท่าจะดีนะครับ
มันเป็นความรู้สำหรับการปฏิบัติต่อการดำเนินชีวิตเพื่อแบ่งปันความสุขกับผู้อื่น
ที่ตัวเราเองก็ได้มีความสุขไปด้วย ที่ดีอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ
สวัสดีครับ อาจารย์ถาวรจากสำนักเจ็ดยอด-ห้วยแก้วใช่ไหมเนี่ย
ที่บ้านยินดีเป็นแหล่งพบปะของเวชนิทัศน์ภาคเหนือได้นะครับ
แวะไปแอ่วกันบ้างสิ
สวัสดีครับอาจารย์ธนิตย์ครับ
สบายดีตามอัตภาพพอสมควรครับอาจารย์ ขอบพระคุณครับ หากมีโอกาสไปประชุมหรือแวะไปทางเชียงใหม่ ก็แวะนั่งเสวนาสังสรรค์กันบ้างนะครับอาจารย์ หากได้เป็นที่ท่องสัญจรในชีวิตและส่งเสริมเกื้อหนุนการงานแบบเราๆของอาจารย์ด้วยอีกมุมหนึ่งเล็กๆ ก็จะเป็นความยินดีเป็นอย่างยิ่งเสมอๆนะครับ