คุณทำงานเพื่อเงิน หรือเพื่ออะไร


ในระยะหลังๆ มานี้ เรามักจะได้ยินเรื่องราวของค่าจ้างมากมาย เนื่องจากนโยบายของภาครัฐที่เขาได้หาเสียงไว้ ก็เลยทำให้มีประเด็นเรื่องนี้คุยกันไปต่างๆ นานา พอนึกถึงเรื่องเงินแล้ว ผมก็มานั่งนิ่งๆ แล้วคิดว่า จริงๆ แล้วคนเราทำงานไปเพื่ออะไรกันแน่ ผมเคยถามคำถามนี้กับพนักงานและผู้เข้าฝึกอบรมว่า “คุณทำงานไปเพื่ออะไร” คำตอบที่ได้ก็มีมากมายครับ ตั้งแต่ทำงานเพื่อเงิน จนถึงทำงานเพื่องานจริงๆ

แล้วคุณล่ะครับ ที่ทำงานอยู่ในทุกวันนี้ ทำไปเพื่ออะไร

จากประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมาจากคนข้างบ้านสมัยที่ผมยังเด็กๆ คุณพ่อก็มักจะเล่าประวัติของน้าคนนี้ให้ฟังเสมอว่าเขาเป็นพนักงานขับรถของ บริษัทที่คุณพ่อผมทำงานอยู่ พอเวลาผ่านไป 8 ปีกว่าๆ พนักงานขับรถคนนี้ กลายเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถขนาดเล็ก ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 200,000 บาท ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของน้าคนนี้ก็ยังคงเป็นพนักงานขับรถอยู่จนทุกวันนี้

หรืออีกกรณีหนึ่งที่ผมเคยดูจากรายการ SME ตีแตก ที่เป็นเรื่องราวของคุณพยุง กาลดิษฐ์ ซึ่งเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นรปภ. จากนั้นก็พัฒนาตนเองไปจนกระทั่งกลายเป็นเจ้าของบริษัท รปภ. ที่มีคุณภาพบริษัทหนึ่ง ในขณะที่เพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันสมัยก่อนนั้น ก็ยังคงเป็นรปภ.อยู่ มีบางคนยังมาเป็นลูกน้องของแกก็มีนะครับ

อีกกรณีหนึ่งเป็นเรื่องเล่าที่ผมได้อ่านเจอมาทางอินเตอร์เน็ต แต่ไม่ทราบที่มาที่ไปจริงๆ ถ้าใครทราบก็รบกวนแจ้งด้วยนะครับ จะได้ให้เครดิตคนเขียน เรื่องราวมีอยู่ว่า

มีกรรมกรกลุ่มหนึ่งกำลังทำงานอยู่ริมทางรถไฟ ขณะเดียวกันนั้น ก็มีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ หลังจากที่รถไฟหยุด หน้าต่างบานหนึ่งก็เปิดออก แล้วมีเสียงดังออกมาจากทางหน้าต่างว่า “เดวิด ใช่แกหรือเปล่า”

เดวิด แอนเดอร์สัน หัวหน้ากรรมกรกลุ่มนี้ตอบว่า “ใช่แล้ว จิม ดีใจที่ได้มาเจอแก”

แล้วสองคนนี้ก็ไปคุยกันภาษาเพื่อนเก่า หลังจากที่คุยกันชั่วโมงกว่าๆ ก็โบกมืออำลากัน ลูกน้องของเดวิดก็กรูเข้ามาหาด้วยความแปลกใจมากที่เดวิดเป็นเพื่อนกับผู้ว่า การรถไฟ เดวิดจึงเล่าให้ฟังว่าเมื่อ 20 ปีก่อนเขากับจิม เริ่มงานที่การรถไฟแห่งนี้พร้อมกันในฐานะกรรมกรก่อสร้างด้วยกัน ลูกน้องคนหนึ่งก็ถามขึ้นมาว่า

“แล้วทำไมหัวหน้าถึงยังต้องทำงานตากแดดตากฝนแบบนี้ล่ะ แต่จิมกลับได้เป็นผู้ว่าการรถไฟไปแล้ว” เดวิดตอบอย่างเสียใจว่า

“เมื่อ 20 ปีที่แล้วผมทำงานเพื่อเงิน 1.75 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมง แต่จิม กลับทำงานเพื่อเส้นทางรถไฟทั้งหมด”

ทั้ง 3 กรณีนี้ เป็นเรื่องราวที่ตอบผมได้เลยว่า ทั้งสามคนนี้ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว เพราะถ้าเขาทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียวจริงๆ ก็คงไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้แน่นอน สิ่งที่คนทั้งสามคนทำก็คือ เขาพยายามที่จะแสวงหาความก้าวหน้าเพิ่มเติมจากการทำงาน ไม่คิดที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ พยายามที่จะสร้างโอกาสให้กับตนเอง ไม่รอให้โชคมาหาเพียงอย่างเดียว แต่เดินเข้าไปหาโชคเลย

หลังจากวันนี้อีก 10 ปีข้างหน้า ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในวันนี้ อยู่ที่เป้าหมายและความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต หรือแค่เพียงต้องการทำงานเพื่อเงินไปวันๆ

คำสำคัญ (Tags): #ทำงานเพื่ออะไร
หมายเลขบันทึก: 470616เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2011 21:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 16:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

กำลังทำงานตามความฝันตัวเองอยู่ค่ะ เลยมีความสุขมากๆ

สวัสดีครับท่านอาจารย์

คุณค่าของคนทำงานเกิดจากประโยชน์ที่เราได้ทำงานตอบแทนให้กับองค์กรอย่างคุ้มค่า และต่อยอดเพิ่มมูลค่าด้วยรูปแบบเฉพาะตัวที่เกิดจากภูมิปัญญาของเราเอง จึงจะทำให้เราค้นพบตัวเองอย่างมีจุดยืน เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น และนี่คือความยุติธรรมที่เราจะได้รับจากการทำงาน

-หากเราทำงานเพื่อเงิน.....เราก็จะได้เงินเอาไว้เลี้ยงชีพ องค์กรก็จะได้ผลผลิต แลกกัน

-หากเราทำงานเพื่อตำแหน่ง.....เราก็จะได้ยศ ฐาบรรดาศักดิ์ องค์กรก็จะได้บุคลากรมาคอยจัดการคนอื่น

-แต่หากเราทำงานเพื่อพัฒนาตน....เราจะมีโอกาสได้ใช้ศักยภาพในตัวเราอย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่องค์กรก็จะได้บุคลากรที่มีศักยภาพสูง เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต

งานมันเป็นภาระผูกพันของจิตตลอดทุกๆขณะจิตมันตื่นรู้ การทำงานจึงไม่ใช่การทำตามคำสั่งของหัวหน้าเสมอไปหากเราซาบซึ้งในเนื้องานอย่างดีพอ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสั่งให้ทำ เพราะเราต้องทำตามภาระผูกพันของจิตที่ตื่นรู้อยู่ทุกขณะอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเราเป็นมนุษย์ เราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ต้องมีโปรแกรมคำสั่งคอยกระตุ้นหากไม่กระตุ้นก็ไม่สามารถทำได้ ผู้ที่เป็นหัวหน้างาน เป็นผู้บังคับบัญชารุ่นใหม่ๆ หากทราบข้อเท็จจริงที่ผมได้นำเสนอมาจนถึงช่วงสุดท้ายนี้แล้ว ขอให้ท่านพิจารณาเอาเองนะครับว่า บทบาทของท่านตั้งแต่บัดนี้ควรจะต้องปรับเปลี่ยนไปอย่างไร?

“การทำงานตามเหตุผลของธรรมชาติ เป็นการทำเพื่อให้เกิดความงอกงาม เจริญเติบโตทางจิตใจ ซึ่งเป็นเหตุและปัจจัยของมันจริงๆ.....

.....แต่หากคิดว่าผลของการทำงานคือ เงิน นั้นเป็นการมองแบบคุณค่าภายนอก มองแบบความจริงที่มนุษย์สมมติกันขึ้นมาตามหลักการของข้อตกลงบนพื้นฐานแห่งทฤษฎี ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วก็ย่อมหมายความว่าจะต้องมีการวาง การสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมยุติธรรมมาใช้อยู่ดี ท้ายที่สุดก็ได้ผลสุดท้ายที่การปรับจิตใจให้เข้าไปอยู่กับงานเช่นกัน” (พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต)

ขอบพระคุณในการแบ่งปัน และเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท