จาก....รอยไหม.....ไปสู่...รอยฝ้าย (3) ความชื่นใจของชาวบ้านหลวง
จากที่โรคมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี เป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งของชาวบ้านหลวง
การรักษาโรค....สมารถทำได้ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ ทำให้ชาวบ้านต้องออกจากบ้านเพื่อไปรับการรักษา.....ต้องใช้เงินเป็นค่าใช้จ่าย
ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาอันใหญ่ยิ่งนักสำหรับชาวบ้านทั่วๆ ไปที่มีอาชีพหลักคือเกษตรกรรม
บางรายต้องกลับมารักษาแบบประคับประคอง...เนื่องจากขัดสน
นับเป็นความโชคดีของชาวบ้านหลวงที่หน่วยงานมองเห็นปัญหา
นับเป็นบุญของชาวบ้านหลวงที่มีหน่วยแพทย์ พอ.สว. มา
นับเป็นบุญยิ่งของชาวบ้านหลวงที่สมเด็จฯเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ ได้เสด็จมาด้วย
ความทราบถึงพระองค์ท่าน........จึงเกิดโครงการนี้ขึ้น
โดย อ. มาริสา อดีตหัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช เป็นผู้นำ ดำเนินการ
นำทีมแพทย์ พยาบาล และอื่นๆ รวมทั้งเครื่องอัลตราซาวน์ จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เข้ามาคัดกรองหาผู้ป่วย เพื่อส่งไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
พร้อมกันนี้ ก็ได้เชิญ อ.วัชรพงศ์ จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ไปให้ความรู้แก่ ผู้นำชุมชน บุคลากรของอำเภอบ้านหลวง ให้ความเข้าใจกับชาวบ้านหลวงถึง โรค แนวทางการรักษา
หลังจากให้ความรู้แก่ อสม. ถ่ายภาพเป็นทีระลึก
สำหรับขั้นตอนการดำเนินโครงการคือ..........
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทุกราย (อายุ 30-60 ปี) เข้ามาคัดกรอง ประวัติ เจาะเลือด ตรวจอัลตราซาวด์
เมื่อพบความผิดปกติ จะถูกส่งไปรับการตรวจเอ๊กเรย์คอมพิวเตอร์ ที่โรงพยาบาลน่าน เมื่อได้ผลยืนยัน จะส่งไปที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เข้ากระบวนการ เพื่อทำการรักษา ซึ่งเบื้องต้น ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะมีอาหารให้ญาติที่ตามไปดูแลด้วย ทั้ง 3 มื้อ ส่วนค่ารถขอให้ทาง พมจ. น่านช่วยเหลือ
ถ้ารวมกลุ่มได้ยิ่งดี เพราะจะเกี่ยวข้องกับการจัดสถานที่อยู่ การจัดทำอาหารที่คุ้นลิ้นกับชาวบ้านได้ง่ายขึ้น
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการคัดกรอง บางส่วนรอรับการตรวจเอ๊กเรย์คอมพิวเตอร์
โครงการคัดกรองนี้จะดำเนินการที่บ้านหลวงในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม แต่ถ้ายังมีผู้ป่วยเหลือก็จะต่อเวลาไปอีกได้
ส่วนบุคลากร.....นอกเหนือจากของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์แล้ว ยังมีการระดมพลจาก รพ.สต. ในเขตบ้านหลวงเข้ามาร่วมดำเนินการช่วยคัดกรอง..ขึ้นเวร ดูแลผู้ป่วยอิ่นๆ ที่นอนโรงพยาบาลด้วย
ร่วมด้วยช่วยกัน จริงๆ คะ
แต่ทั้งนี้....ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือ ความเข้าใจ ทัศนคติของชาวบ้านที่มีต่อโรค
จากการดำเนินการมาพบว่า บางรายไม่มาตรวจอัลตราซาวด์ บางรายสลับคิว เพื่อยื้อเวลาตรวจ บางรายไม่มาเจาะเลือด ฯลฯ ดังที่ได้กล่าวถึงในบันทึกที่แล้ว สาเหตุจากหลายๆ อย่างประกอบกัน
บางรายบอกว่า ...กลัวรู้ว่าจะเป็นโรค...ไม่รู้จะดีกว่า
ถ้าใครมีผลอัลตราซาวด์ผิดปกติ แปลว่าเป็นมะเร็ง อยู่อีกไม่นานก็ตาย (ความจริงแล้วอาจเป็นเพียงนิ่วในถุงน้ำดี ก็ได้)
ถ้าเป็นแล้วรักษา..ต้องเสียเวลาทำมาหากิน (อยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว)
รู้แล้วจะทำอะไรได้ เห็นเป็นแล้วตายทุกราย (ฟังความน่ากลัวจากคนอื่นๆ)
วันที่พวกเราไป....จึงมีการประชุมร่วมระหว่าง รพ. บ้านหลวง รพ. จุฬาภรณ์ และทีม อ. วัชรพงศ์ (ซึ่งรวมพวกเราด้วย รวม 4 ชีวิต ^__^)
เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
มอบสื่อให้ความรู้เพื่อนำไปใช้กับประชาชน....
นับเป็นความโชคดี......ของประชาชน
ความเห็น (18)
ขอชื่นชมในการดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคคลบาท เพื่อผู้ป่วยเหล่านี้ค่ะ
- ไข่ที่หัวหินขาดตลาด
- วันก่อนเพื่อนซื้อทานหนึ่งใบ 15 บาท
- หากหาไข่ไม่ได้ภายในวันสองวัน
- คงแย่งไข่จนฆ่ากันตายคาไข่แน่นอนครับผม
ข้ามภาคไปเที่ยวไกลเลยนะคะ
ชื่นใจได้ทำดี...ความรู้ที่อิสานมีเหมือน
ใช้ถึงชาวเหนือ
แล้วความเชื่อไม่อยากตรวจเลือด ตรวจอัลตร้าซาวน์ สาเหตุจากอะไรคะ
ชาว รพ.สต.ที่ใกล้ชิดพอจะช่วยค้นหาสาเหตุหรือรู้ไหมคะ
ขอบคุณคะพี่ใหญ่
 |
นับเป็นบุญของชาวบ้านหลวง ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
รู้สึกหายเหนื่อยจากการเดินทางอันยาวนาน ประมาณ 10 ชั่วโมง
 |
ที่ขอนแก่น ไข่ยังไม่แพงมาก ลูกละ 5 บาทคะ
อาจเป็นเพราะ ชาวบ้านยังเลี้ยงเป็ดได้ ไก่เลยมีคู่แข่งคะ อาจารย์
 |
สำหรับสาเหตุของการไม่อยากตรวจ คงเป็นความเชื่อ การรับรู้ของชาวบ้านที่มีต่อโรคนี้
(ได้เขียนเพิ่มในบันทึกแล้วคะ)
เห็นการทำงานของบุคลากรแล้ว ชื่นใจแทนชาวบ้านหลวงคะ
วันนั้น ทำงานถึงเย็นแล้ว ยังมีพลังมานั่งฟังอาจารย์ต่อ
แถมยังมีการพูดคุยซักถามมากมาย.........ถ้าไม่ถูกตามไปกินข้าวเย็น(มื้อเกือบดึก) คงมียาวแน่คะ
ประทับใจจริงๆ
สวัสดีค่ะน้องติกน้ำ
ชื่นชมการทำงานเป็นทีม ให้ความรู้ สร้างทัศนคติ แม้อาจต้องใชเวลาในการเปลี่ยนแปลงแต่ก็เป็นจุดเริ่มที่ดี ก้าวต่อไป ขอเป็นกำลังใจค่ะ
พี่อุ้ม.....
เวลาเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้งานเราของพวกเราประสบความสำเร็จนะคะ
ไม่สำเร็จวันนี้ ก็สำเร็จวันหน้าจริงๆ ด้วยคะ
ครับ, ทัศนคติ เป็นเหมือนเข็มทิศส่องนำทางชีวิตโดยแท้
การเปลี่ยนแปลงทัศนคติจึงเป็นเรื่องยาก...และท้าทายกับทุกๆ องค์กร
แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลายสิ่งอย่างท้องใช้เวลา
สามวันที่แล้ว คุณตาท่านหนึ่งเล่านิทานและตำนานชีวิตในอดีตให้ฟังใต้ร่มไม้
เล่าไปเล่ามา ท่านโปรยแบบขำๆ ว่า "คนโบราณโง่มากเลย...แต่คนสมัยนี้โง่มากกว่า..."
ครับ, ทั้งผมและนิสิต ฮาและขำกันสุดๆ....
- สวัสดีค่ะ คุณกระติก
- มารับรู้เรื่องราวดี ๆ ใต้ร่มพระบารมี
ปกเกศชาวสยาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างสูง - แวะมาให้กำลังใจทีมงานและชาวบ้านค่ะ
สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ
สวัสดีค่ะน้องกระติก
- เห็นแล้วชื่นใจค่ะ
- อิ่มบุญกันถ้วนหน้านะคะ
- 555 มหา ก็มาชื่นชม
- สวัสดีครับ
- มาเยี่ยมชมคุณหมอและพยาบาลผู้ใส่ใจคนไข้ครับ
 |
หลายครั้งหลายครา ที่ได้ยินบอกว่า คนโบราณงมงาย
หารู้ไม่ มันเป็นกุศโลบายในการดำเนินชีวิต ต่างหาก
บางครั้ง บางครา คนสมัยนี้ก็โง่กว่าคนโบราณ จริงๆ ด้วยคะ
ขอบคุณคุณครูคะ
 |
ชาวบ้านหลวงโชคดี ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
เป็นความท้าทายของชาวบ้านหลวงที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะก้าวข้ามความเชื่อ ความกลัว เหล่านี้ได้
มารับความชื่นชมจาก มหา มอบให้ชาวบ้านหลวงทุกๆ คนคะ
 |
ขอบคุณสำหรับมิตรภาพคะ
 |