นายอำเภอกับ อ.ส.


การดูแลทุกข์สุขของบริวารเป็นน้ำใจและหน้าที่ของผู้บริหารที่ไม่ควรละเลย

        การบริหารราชการส่วนภูมิภาคนั้น ได้แบ่งการบริหารราชการออกเป็นระดับจังหวัดและอำเภอ ในระดับจังหวัดก็มีข้าหลวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บริหารสูงสุด ที่มีบารมีปกครองไปทั่วทุกอำเภอ ขณะเดียวกันในระดับอำเภอ ก็มีนายอำเภอเป็นผู้บริหารสูงสุด ที่มีบารมีแผ่ไพศาลไปทุกตำบลที่อยู่ในเขตการปกครองของตนเช่นกัน
     ...ในช่วงเวลาที่หลายจังหวัด หลายอำเภอ ถูกภัยคุกคามจากฝ่ายตรงกันข้ามเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น หน่วยราชการระดับจังหวัดและอำเภอ ได้เป็นเป้าหมายสำคัญที่ถูกโจมตีเป็นประจำ
       ดังนั้น เวลาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะเดินทางไปราชการที่ใด ทางราชการก็จะจัดสมาชิกอาสารักษาดินแดน (อ.ส.) คุ้มครองป้องกันอย่างกวดขัน
      มีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นที่อำเภอแห่งหนึ่ง เวลานายอำเภอเดินทางไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นงานราชการหรืองานส่วนตัว ก็จะมี อ.ส.ประจำตัวคนหนึ่ง ถือปืนคอยติดตามอยู่เสมอ โดยนายอำเภอท่านนี้ คิดว่าเป็นหน้าที่ของ อ.ส.อยู่แล้ว จึงไม่ค่อยสนใจดูแลทุกข์สุขของ อ.ส.คนนี้เท่าที่ควร
      ...อยู่มาวันหนึ่ง นายอำเภอได้รับเชิญให้ไปงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของชาวบ้านในตำบล อ.ส.ก็ติดตามไปอารักขาเช่นเคย ขณะที่นายอำเภอขึ้นไปร่วมงานเลี้ยงฉลองบนบ้าน อ.ส.ก็ต้องยืนรออยู่ใต้ถุนบ้าน มีหญิงสาวชาวบ้าน 2 – 3 คน เห็น อ.ส.หนุ่มยืนอยู่คนเดียวจึงมาพูดคุยหยอกล้อด้วย หญิงสาวคนหนึ่งแกล้งเอาดินหม้อป้ายที่ปากของ อ.ส. เป็นการกระเช้าเย้าแหย่เขาอย่างสนิทสนม
        อ.ส.ยืนรอนายอำเภอตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึง 2 ยาม โดยไม่มีใครเชิญไปรับประทานอาหาร จนกระทั่งนายอำเภอรับประทานอาหารอิ่มหมีพีมันแล้ว ก็ลาเจ้าของบ้านเดินลงมาหา อ.ส. เพื่อเตรียมตัวกลับ   จากแสงไฟที่ส่องหน้า อ.ส. ทำให้นายอำเภอเห็นดินหม้อติดที่ปากของเขา จึงถามว่า
        "ปากเอ็งไปโดนอะไรมาวะ ทำไมดำไปหมด " ...ด้วยความคับแค้นใจ อ.ส. จึงตอบไปว่า
        "ท่านยังเห็นว่าผมมีปากอยู่อีกหรือครับ"

หมายเลขบันทึก: 46617เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2006 09:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม 2012 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)
หญิงแกร่งที่กำลังจะเข้าเป็น1 ในสมาชิกอส.
อยากจะให้มองเห็นว่า อส. ไม่ใช่แค่เพียงทำหน้าที่อารักขานายเท่านั้น บทบาทและภารกิจอื่นก็สามารทำได้ไม่ต่างจากข้าราชการระดับ 4ขึ้นไป
อันนี้น่าเห็นใจนะครับด้วนความจิงใจอย่างยิ่งแต่ไม่เห็นด้วย กับคำว่าบทบาทและภารกิจอื่นก็สามารทำได้ไม่ต่างจากข้าราชการระดับ 4ขึ้นไป เพราะ อส.ไม่ใช่ข้าราชการครับ ถ้าเป็นข้าราชการระดับ 4 ต้องสอบครับ ผมเคยเป็นลูกจ้างก็มีความคิดว่าผมทำหน้าที่ทุกอย่างทำได้ดีกว่าหัวหน้าอีก แต่ไม่ได้มีใครบังคับให้มาทำครับเราเราสมัครเข้ามาเอง ( ผมไม่ใช่ อส.นะที่พูดลูกจ้างในหน่วยงานอื่น ) เพื่อแลกกับการมีงานทำ และถ้าเราไม่ทำหรือออกก็มีคนอื่นมาทำแทน ถ้าอย่างนั้นเวลามีสอบเป็นข้าราชการที่ไหนผมก็จะไปสมัครจนสอบได้ครับ ขอเป็นกำลังใจให้ก็แล้วกันนะครับ ลองไปสอบดูแล้วจะดีกว่าที่เป็นครับ

อ.ส.ทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่คนขับรถ พนักงานดูแลรักษาความปลอดภัย พนักงานยกของ ช่างประปา ช่างไฟ คนงานก่อสร้าง สายสืบ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเจ้านาย ว่าดูแลห่วงใยเอาใจใส่เพียงใด 

"งานหนักเราสู้  นายอยู่เราไม่ถอย"

 

 

ทำใหมทุกคนต้องดูถูกอส.ด้วายระครับ

รักชาติยิงชีพ 54 ปีกองอาสารักสาดินแดน รักกันไวเถิดเราเกิดร่วมแดนไทย อส.ก็คนนะครับ พี่น้อง

อยากให้อ.ส ดูแลด้านการรักษาพยาบาล ทั้งหมดในครอบครัว อ.ส. ก็ทำงานหนักเหมือนตำรวจทหารเหมือนกัน อยากให้มีสวัสดิการเหมือนตำรวจทหาร อ.ส. ก็มีความเดือนร้อน อยากให้มีสิทธิกู้เงินได้ จากครอบครัวของอ.ส

อยากให้อ.ส ช่วยเหลือด้านครอบครัวบ้าง เช่น การรักษาพยาบาลอยากให้รักษาทั้งครอบครัว ภรรยา-บุตร

สวัสดีค่ะท่านธเนศ..อยากฟังท่านนายอำเภอตอบ อ.ส. จังเลยค่ะ..อึ้งเลยนะ..การทำงานในองค์กรก็มีเหมือนกัน..อยากถามว่า ท่านผอ. ยังจำผมได้อยู่หรือเพราะอยู่กันมาตั้ง 10 ปี .. ไม่เห็นความดี ความชอบ..กันเลยหรือ..

อยากให้อ.ส มีเงินบำนาญ กินเหมือนตำรวจทหาร

แล้วทำไมเขาชอบมองว่าอ.ส. ไม่มีค่าอะไรเลย ท่านทราบไหมเวลามีงานอ.ส. ทำงานได้ทุกอย่างถ้าเป็นอำเภอที่กระผมอยู่ ทำงานตั้งแต่ 08.00น -16.00น แล้วทำไมไม่บรรจุให้อ.ส. เป็นข้าราชบ้าง จับปืน ก็จับเหมือนตำรวจทหาร

ลองช่วยกันคิดหน่อยสิว่า นายอำเภอจะตอบว่ายังไง ผมว่าอาจจะโกรธ และพูดว่า "บังอาจ.." ก็ได้ เพราะบ้านเรา คำว่าศักดินา โดยพฤตินัยไม่ได้หมายถึงชนชั้นสูงเหมือนสมัยก่อน แต่แฝงอยู่ใน "ชนขั้นของระบบราชการ" มากที่สุด คนจึงพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางให้มียศ มี ตำแหน่งให้สูงขึ้น

ใครบอกว่าอส.ไม่ต้องสอบ ครับ ปี 53 สมัคร 500 คน รับ 36 คนครับ ต้องสอบเหมือนกันครับ ผมเห็นด้วยเรื่องสวัสดิการอส. ครับ น่ามีเหมือนข้าราชการตำรวจทหาร เพราะต้องถืออาวุธปืน สู้รบกับข้าศึกเหมือนกัน หรืออส.ที่ทำงานบนอำเภอน่าจะได้รับเกียจมากกว่านี้ครับ น่าบรรจุให้ม้สถานะเป็นราชการนะครับ

เรียนสูงๆๆสอบให้ได้ครับ

มุมมองจะได้ไม่แตกต่าง

สู้ๆดันๆ ครับ คนเราต้องช่วยกันให้อยู่ดีกินดีกันจ้า

อส.เหมียนกัน

ยากให้เห็นใจกันบ้าง อส.ก็คนเช่นกับท่าน

 การมองคนไม่เป็นคน อันนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ คนเป็นเจ้านายคนต้องใช้พระเดช และพระคุณควบคู่กันไป บางครั้งต้องถอดหัวโขนที่เขาสวมให้ และต้องทำตัวให้เหมือนรวงข้าวที่ยิ่งสมบูรณ์มากเท่าใด ยิ่งโน้มตัวลงต่ำ  นายที่ดีต้องมีความจริงใจ ใส่ใจลูกน้อง แค่นี้เชื่อไหมว่าแม้แต่ชีวิต(ลูกน้อง) เขาสามารถให้คุณได้

เห็นใจ อส.ที่ปฎิบัติราชการอยู่สามจังหวัดชายแดน เสียชีวิตไปไม่น้อย แต่ไม่มีสวัสดิการใด ให้ครอบครัวที่อยู่ภายหลังเลย

อยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมองเห็นบ้าง ตอนเสนอข่าวการเสียชีวิตผู้ปฎิบัติงานสามจังหวัด ไม่มีใครเคยนึกถึงครอบครัวที่ยากไร้

ตำรวจ ทหารยังมีหลักดประกันให้ครบอครัว แต่ อส. เสียสละ ตัว เอง ครบครัว เลยต้องเสียสละ ไปด้วย หมายถึงลูก 2 -3 ขวบที่ไม่มีพ่อก้อต้องเสียสละ เพราะพ่อ เป็น อาสามัคร (อส.)

การทำงาน ทุกอย่าง ก็ต้องมีกลไกตามระบบ อส.ที่มีความรู้ความสามารถก็มีเยอะนะคับ แต่รักที่จะทำงานนี้ อส.ก็อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได้คับ แค่อยากขอให้ได้รับสวัสดิการมากกว่านี้ ผมเชื่อว่า อส.ในประเทศไทยนี้ ทุกๆคน ไม่น้อยเหมือนกันที่คิดแบบเดียวกับผม สู้ๆ ครับ

....รักชาติ..ยิ่งชีพ.... ....ไทยต้องเป็นไทย...

เป็นกำลังใจให้ กองร้อยบังคับการ และ บริการ กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนนท์บุรี มีความสุข สู้ๆนะครับ ขอให้ปลัดชินณอาจมีความสุขมากๆนะครับ

ปล. ลูกน้องเก่า

อส.ปฏิบัติการพิเศษ

ฟังแล้วมันจี๊ดจับใจครับท่าน กับคำว่า "ท่านยังเห็นว่าผมมีปากอยู่อีกหรือครับ" บางทีคนเราอาจมองค่าของคำว่าคนผิดไป ขอบคุณครับพี่ ธเนศ

ชายผู้หนึ่งที่กำลังอยากเป็น อ.ส.

อยากให้ภายภาคหน้าเมื่อ อส ทำงานได้ระยะหนึ่งแล้วให้มีสิทธิและสวัสดิการบรรจุเป็นช้าราชการจะดีไหม และสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลให้กับพ่อ-แม่ของ อส ด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่ต้องเสี่ยงกับภัยอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ไม่รู้ ขอให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ด้วยเถอะ......สาธุ

พ่อหนูก็เปน อ.ส. ค่ะ พ่อหนูรักในหน้าที่ อ.ส.มาก ถึงเงินเดินจะน้อย อุทิศเวลาให้กับงานหรือให้กับนายอำเภอมากกว่าครอบครัวเสียอีก และเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2556 เป็นวันใกล้วันสงกรานต์ ช่วงเวลา8.00น.วันนั้นเปนเวลาที่นายอำเภอต้องไปเปิดพิธีรดน้ำดหัวผู้ใหญ่ ด้วยความที่พ่อหนูรักในหน้าที่และเป็นห่วงนายมาก พ่อจึงพกปืน แต่เป็นปืนลูกซองสั้น ได้มาจาก อ.ส.อีกคนนึงเขามาขายให้ และนายเป็นคนอนุญาติให้ใช้ ทั้งๆที่ปืนลูกซองมีอันตรายขนาดไหน ไม่มีตัวเซพ เป็นของไทยประดิษฐ์ เวลา 08.00 น.พ่อไปหยิบปืนเพื่อที่จะออกไปปฏิบัติหน้าที่ ปืนได้หล่นลงจากมือ และลั่นไปที่ขาหนีบข้างซ้ายทะลุขึ้นไปถึงปอดและขั้วหัวใจ ต่อหน้าแม่และหนู และน้องสาววัย 12 ขวบ ต่อจากนั้นพ่อได้ล้มลงไป แล้วค่อยๆหมดลมหายใจ ไม่ทันได้พูดได้ลา ท่านก็จากไป หนูเสียใจและเสียดายพ่อของหนูมาก ท่านเป็นคนที่รักหน้าที่ และครอบครัวไม่เคยทำให้คนในบ้านเสียใจ แต่เวลาย้อนกลับมาไม่ได้ ถ้าย้อนกลับได้ หนูจะไม่ให้พ่อใช้ปืนกระบอกนี้เด็ดขาด

ขอแสดงความเสียใจกับหนูและครอบครัวที่สูญเสียคุณพ่อในครั้งนี้ ขอให้หนูภูมิใจเถอะว่า คุณพ่อของหนูได้ทำหน้าที่เพื่อชาติมาจนถึงนาทีสุดท้าย ขอดวงวิญญาณของคุณพ่อหนูสู่สุคติด้วยเถิด

ปัจจุบัน สวัสดิการของ อส เป็นยังไงมั่งเหรอคั

อส. ปัจจุบันนี้การศึฏษาสูงนะครับ แต่ถ้าว่าเรื่องที่จะเป็นได้คงเลือกไปแล้วแหละ ควรเห็นใจ อส ให้มากกว่านี้หน่อยสวัสดิการควรให้เท่าเทียมกัน ปัจจุบัน อส ทำงานมากกว่าข้าราชการทั่วไปสะอีก สมควรปรับสวัสดิการให้ได้แล้วครับท่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท