ผมต้องดำเนินการตามบทบาทหน้าที่เมื่อสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับมอบหมายจากจังหวัด (นครศรีธรรมราช) ให้จัดการความรู้ เรื่อง "การจัดการผลิตปาล์มน้ำมันสำหรับเกษตรกรรายย่อย" เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์จังหวัด ปี ๒๕๕๔ ภายใต้การพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA)
โดยมติที่ประชุมคณะทำงานฯ PMQA (ผู้แทน ๓๔ ส่วนราชการภูมิภาค) คัดเลือกการจัดการความรู้ในหมวด ๔ PMQA ของปี ๕๔ นี้
หลังจากได้รับมอบหมายมาแล้ว ก็จัดทำแผนการจัดการความรู้ และลงพื้นที่นำแผนการจัดการความรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งหลักใหญ่ก็อยู่กับคณะทำงานการจัดการความรู้ (KM Team) ของสำนักงานเกษตรจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ และผมเป็นผู้ขับเคลื่อนในเรื่องนี้ เพราะส่วนหนึ่งผมก็รับผิด PMQA และ รับผิดชอบ KM ขององค์กรด้วย จึงประสานงานกับเพื่อน ๆ คนคอเดียวกันเพื่อสร้างความรู้เรื่องดังกล่าว โดยเน้นความรู้ที่อยู่ในตัวคน ทั้งจากนักวิชาการฯ และเกษตรกรเจ้าของสวนปาล์ม เพื่อนำความรู้มารวมกันยกระดับเพื่อนำไปปรับใช้
ที่พยายามเอาองค์ความรู้จากเกษตรกรและนักวิชาการฯในพื้นที่เพราะบ่อยครั้งที่ทราบข่าวและได้เห็นความล้มลุกคลุกคลานของพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกปาล์ม แล้วเจอปัญหา เช่น หนูกิน ปาล์มตาย ปาล์มน้ำท่วมตอนระยะแรกปลูก เยอะมากจริง ๆ จึงต้องถอดบทเรียนประสบการณ์เหล่านี้ออกมา นั่นคือเอาจากผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวจากเรื่องนี้มาแล้ว ได้บอกและให้ความรู้แก่รุ่นน้อง ๆ ที่จะปลูกปาล์มตามมาอีกมากมาย..ว่าต้องระวังอะไรบ้าง
ภาพนี้ผมรีบวิ่งเอากล้องจากในรถมาถ่าย หลังจากเลิกเวทีการถอดบทเรียนเรื่องปาล์มดังที่ว่า และเก็บสัมภาระขึ้นรถแล้ว เพราะพี่น้องเกษตรกรหลายคนยังยืนจับกลุ่มคุยกันไม่ยอมกลับบ้าน
และนี่ก็คืออีกมุมหนึ่งที่ยังคุยกันไม่คิดกลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่วันนี้ก็คุยกันมาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ภาพนี้ ประมาณ บ่าย ๓ โมงเศษ แล้ว
นี่คือพลัง KM ที่เห็นได้ชัดละเอียดมองเห็นได้ลึกซึ้งกว่า.. การให้วิชาการล้วน ๆ ในรูปแบบเดิมด้วยการบรรยายให้ฟัง วันนี้จัดกระบวนการถอดบทเรียน ซึ่งบทเรียนที่ถอดได้ทั้งที่เป็นความรู้ ภูมิปัญญา การลองผิดลองถูก ปัญหาที่ประสบพบเจอทั้งแก้ได้แก้ไม่ได้ ซึ่งคงเข้าหัวใจเขามั่ง..จึงยังไม่ยอมกลับบ้าน
แต่ทำไมจึงไม่ค่อยมีใครอยากจะทำ KM หรือใช้ KM กัน..
เวทีในบันทึกนี้เกิดขึ้นที่ ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่ความสนใจปลูกปาล์มของพี่น้องที่ยังมีอะไร ๆ ซ่อนเร้นอีกมากมาย วิชาการปาล์มมีเยอะแยะแต่ของจริงคือความรู้ในตัวคนที่ปฏิบัติจริงทำจริง เจอจริง เจ็บปวดจริง และหัวเราะเริงร่าในความสำเร็จจริง นั่นคือคุณค่าของความรู้ที่จะเป็นวิทยาทานให้เพื่อนร่วมอาชีพรุ่นต่อ ๆ ไปได้เป็นบทเรียนอันล้ำค่านำไปปรับใช้ พรุ่งนี้ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ผมไปถอดบทเรียนที่ ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ แล้วค่อยมาเล่ากันต่อ..ครับ
ชาญวิทย์-นครศรีฯ
๑๘ ส.ค.๕๔
มาร่วมชื่นชมด้วยค่ะ :)
สวัสดีครับพี่ใหญ่
ขอบคุณที่มาเยี่ยมให้กำลังใจครับ
ขอบคุณน้อง "สิงห์ป่าสัก" ครับที่มา ลปรร.
นานๆ ได้มีโอกาสได้ทำเวทีกับเกษตรกรซักที อันเนื่องจากบทบาทงานเปลี่ยนไปไม่ค่อยได้ลงพื้นที่ จะไปศาลากลางซ่ะมากกว่า
ในเวที DW ก็ทำกับนักวิชาการแต่มีความแตกต่างกับมาก เพราะแก้วไม่ค่อยว่าง ครับ..
และใบไหนว่างก็มักไม่เคลื่อนขี้ฝุ่นจับเต็มเลย
ดีแล้วครับที่คิดถึงยามต้องพึ่งพา..กระชั้นเกินไปเลยไม่ได้ช่วยเหลือต้องขออำภัย..ครับคุณน้อง