กาลครั้งหนึ่ง มีสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของสำนักที่สำคัญ 2 สำนัก คือ สำนักฤษีผู้ปฏิบัติธรรม และสำนักนางโลม สำนักทั้งสองตั้งอยู่ใกล้ชิดติดกัน หัวหน้าสำนักทั้งสองต่างปฏิบัติหน้าที่ตามอุดมการณ์ที่ตนมุ่งหวัง โดยฤษีก็มุ่งปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรภาวนา มีผู้มากราบไหว้ฟังธรรมไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนสำนักนางโลมก็เปิดกิจการให้บริการลูกค้าชายที่มาเที่ยวเกิดความประทับใจและมาใช้บริการอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
วันเวลาผ่านไป ทั้งฤษีและหัวหน้าสำนักนางโลมปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความราบรื่น ไม่เกิดความขัดแย้งหรือบาดหมางกันแต่ประการใด จนทั้งสองแก่เฒ่าและสิ้นอายุขัยในเวลาไล่เลี่ยกัน บุคคลทั้งสองหนีไม่พ้นต้องถูกยมทูตพาดวงวิญญาณมาที่ยมโลกเพื่อให้พญายมพิพากษาตามผลกรรมที่แต่ละคนได้กระทำไว้ ซึ่งมีผู้บันทึกข้อมูลแยกประเภทไว้อย่างละเอียดลออ 2 คน คือ สุวรรณ และ สุวาน(สุนัข) ถ้าใครทำความดี สุวรรณก็จะบันทึกไว้ในแผ่นทอง ถ้าใครทำความชั่ว สุวานก็จะบันทึกไว้ในหนังสุนัข
เมื่อฤษีและหัวหน้าสำนักนางโลมมาอยู่ต่อหน้าพญายมเพื่อรอรับบัญชาจากท่านด้วยหัวใจที่ระทึก พญายมจึงขอบัญชีจากทั้งสุวรรณและสุวานมาตรวจดูข้อมูลผลกรรมของบุคคลทั้งสอง พลิกไปพลิกมาอย่างถี่ถ้วนแล้วมีบัญชาด้วยสรุปเสียงอันดังว่า
"ฤษี ไปลงนรก หัวหน้าสำนักนางโลมขึ้นสวรรค์ "
ฤษีตกตะลึงในคำบัญชาของพญายม พอได้สติฤษีจึงยกมือขึ้นประท้วงทันที
"ท่านดูข้อมูลถี่ถ้วนแล้วหรือยัง เพราะตลอดอายุของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญศีลภาวนาอย่างเคร่งครัด"
เมื่อถูกประท้วง พญายมจึงขอบัญชีข้อมูลจากสุวรรณและสุวานมาตรวจดูอีกครั้ง และยืนยันหนักแน่นว่า
"ฤษีไปลงนรก หัวหน้าสำนักนางโลมขึ้นสวรรค์ " พร้อมทั้งกล่าวต่อ
"ข้อมูลปรากฏชัดเจนว่า ระหว่างที่ฤษีปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ใจของท่านไม่ได้อยู่กับการปฏิบัติธรรม แต่ใจของท่านไปอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม(สำนักนางโลม)อยู่ตลอดเวลา ส่วนหัวหน้าสำนักนางโลมนั้น ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ มีความตระหนักตลอดเวลาว่า ชาตินี้เกิดมามีกรรม จึงต้องมาทำงานที่สังคมรังเกียจ จึงตั้งจิตอธิษฐานไปยังฝั่งตรงข้าม(สำนักฤษี) หวังธรรมะเป็นที่พึ่ง ว่าเกิดชาติหน้าฉันใดขออย่าได้มาทำงานที่สังคมรังเกียจเช่นนี้เลย ด้วยจิตที่เป็นกุศลและอกุศล จึงขอยืนยันตามคำตัดสินเดิม"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง"
ท่านฤษีก้อไม่น่าจะถูกตัดสินถึงกับลงนรก....เพราะไม่มีข้อสังเกตว่าทำผิดประการใด ส่วนสำนักนางโลมอาจอนุโลมได้ว่าช่วยคนให้พ้นทุกข์เป็นกรณีกรณีไปค่ะ
ลูกค้าที่ออกจากสำนักนางโลมหลังจากคลายเครียดแล้วไปใช้บริการของฤษีต่อยอดเข้าถึงธรรมได้บุญ
นางโลมจึงเกื้อหนุนลูกค้าด้วยหน้าที่ และเป็นกัลยาณมิตรแนะทางสู่การปฏิบัติธรรม