ตามที่ได้เคยนำต้นฉบับ ประเด็นความเห็นของสี่องค์กรวิชาชีพต่อร่างกฎหมายวิชาชีพสาธารณสุขทั้งสองฉบับมาลงบันทึกไว้ที่บันทึก บันทึกนี้เป็น “ใบ้” ครับ วันนี้ผมได้รับบทความที่เป็นความเห็นแย้งต่อประเด็นดังกล่าว โดยคุณสงครามชัย ลีทองดี ([email protected]) เขียนเป็นบทความและได้นำเสนอไว้ ในหลาย ๆ ที่ ข้อมูลที่ผมได้รับนี้เป็นฉบับเต็มที่ผมได้รับมาทาง E-Mail จากคนที่เข้ามาอ่านบันทึกที่ผมเขียนไว้ เมื่ออ่านดูแล้วก็เห็นว่าเป็นงานเชิงสร้างสรรค์ที่น่าจะได้นำมาเป็นแบบอย่าง ซึ่งสังคมปัญญาควรจะใช้วิธีการเยี่ยงนี้ในการแสดงความเห็นเพื่อแย้งก็ดี เห็นด้วยก็ดีในเชิงวิชาการ ดังนี้ครับ
ความนำ
ผู้เขียนเพิ่งได้มีโอกาสได้อ่านข้อพิจารณาของ 4 องค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพซึ่งประกอบด้วย แพทยสภา, สภาการพยาบาล, สภาเภสัชกรรม และ ทันตแพทยสภา ต่อร่างพ.ร.บ. วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ. การสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ...ตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ขอความเห็นไป ความเห็นโดยสรุปของทั้ง 4 องค์กรวิชาชีพดังกล่าว คือ ไม่ควรมีกฎหมายวิชาชีพดังกล่าว และไม่ควรพิจารณาร่าง พ.ร.บ. วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน และ พ.ร.บ. กฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ด้วยความเคารพต่อความเห็นขององค์กรวิชาชีพทั้งสี่องค์กร ในฐานะที่เป็นผู้ศึกษาเรียนรู้ในทางสาธารณสุขศาสตร์ และปัจจุบันเป็นทำงานวิชาการด้านนี้ จึงอยากจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง นอกเหนือจากที่ทางสมาคมหมออนามัยได้ชี้แจงออกมาแล้ว เพื่อเป็นข้อคิดเห็นทางวิชาการ อันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องในการผลักดันเรื่องนี้ต่อไป
ความเห็นและข้อเสนอแนะจากสี่องค์กรวิชาชีพ
ความเห็นโดยสรุปของสี่องค์กรวิชาชีพได้สรุปเป็นประเด็นไว้แล้วอย่างชัดเจนว่า 1) การสาธารณสุขและการสาธารณสุขไม่เป็นวิชาชีพ 2) ไม่มีความจำเป็นมีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน และกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสาธารณสุข 3) ร่างกฎหมายวิชาชีพทั้งสองฉบับที่ทางกระทรวงสาธารณสุขขอให้เสนอความเห็นมีบทบัญญัติที่ก้าวล่วงการประกอบวิชาชีพตามกฎหมายวิชาชีพอื่น 4) มีระเบียบ กฎเกณฑ์ทางราชการที่ให้อำนาจบุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งรายละเอียด หากท่านที่ยังไม่ได้อ่าน จะมีรายละเอียดในหนังสือจากแพทยสภา ที่ พส.014/109 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ได้ส่งความเห็นในนามองค์กรวิชาชีพทั้งสี่องค์กร ซึ่งหากจะได้อ่านรายละเอียดเสียก่อนจะเป็นประโยชน์มาก ก่อนที่จะกล่าวความเห็นในประเด็นสาระที่ทาง 4 องค์กรวิชาชีพได้ให้ความเห็นมาแล้วนั้น ผมขอให้ข้อมูลเพื่อประกอบความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อน ดังนี้
1. การที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งร่างกฎหมายวิชาชีพทั้งสองฉบับ (ร่างพ.ร.บ. วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ. การสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ...) ไปให้องค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพอื่นได้พิจารณานั้น เป็นไปตามระบบในการพิจารณาร่างกฎหมาย ด้วยเหตุที่ว่า องค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพที่มีกฎหมายรับรอง ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้แก่ แพทยสภา, สภาการพยาบาล, สภาเภสัชกรรม และ ทันตแพทยสภาผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรวิชาชีพที่กล่าวนี้ อาจจะได้รับผลกระทบหากกฎหมายวิชาชีพด้านสาธารณสุขทั้งสองร่าง หรือร่างใดร่างหนึ่งมีผลบังคับใช้ขึ้นมา หากจะกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การที่จะให้มีองค์กรด้านวิชาชีพใหม่เพิ่มขึ้นในสาขาด้านสุขภาพนี้ มีความจำเป็นที่ต้องสอบถามความเห็นองค์กรวิชาชีพที่มีอยู่เดิมเสียก่อน อันนี้เป็นหลักทั่วไปในระบบวิชาชีพ
2. ในความเป็นจริงหากจะว่าไปแล้ว องค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้มีแค่ 4 องค์กรเท่านั้น ยังมี 2 องค์กรได้แก่ สภาเทคนิคการแพทย์และสภากายภาพบำบัด ซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ส. 2547 และ พ.ร.บ. วิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ. 2547 ตามลำดับอีก แต่เท่าที่ปรากฎผมไม่เห็นความเห็นจากอีก องค์กรวิชาชีพนี้ซึ่งไม่แน่ใจว่าทางกระทรวงสาธารณสุขได้สอบถามไปหรือไม่ ซึ่งสมควรที่จะมีโอกาสได้รับฟังความเห็นของอีกสององค์กรที่กล่าวมาแล้วประกอบด้วย เพื่อไม่เป็นการเลือกปฏิบัติและได้รับความเห็นอย่างรอบด้าน
3. ประเด็นความเห็นที่องค์กรวิชาชีพทั้งสี่องค์กรซึ่งผมขอเรียกง่ายๆว่า “สี่องค์กรวิชาชีพ” ได้ตอบมาทางกระทรวงสาธารณสุขนั้น เป็นประเด็นความเห็นที่ทางกระทรวงสาธารณสุขต้องรับฟังและนำมาพิจารณาประกอบว่าสมควรจะนำเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติต่อไปหรือไม่ หรือจะระงับการนำเสนอร่างกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อเข้าใจหลักการที่ผมกล่าวมาแล้วนี้ หลายท่านที่สงสัยในกระบวนการคงจะเข้าใจ และไม่เป็นที่สงสัยว่า “สี่องค์กรวิชาชีพ” เข้ามาเกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่างกฎหมายทั้งสองที่เรากำลังดำเนินการอยู่ได้อย่างไร จะได้ไม่ไปกล่าวหาให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อไป และ หากมีความเห็นแย้งกับความเห็นของสี่องค์กรดังกล่าว กลุ่มผู้เสนอกฎหมายก็สมควรที่จะชี้แจงให้เป็นที่เข้าใจ หรือพัฒนาเป็นประเด็นทางวิชาการเพื่อเกิดการเรียนรู้อย่างกว้างขวางต่อไป
ความเห็นของผู้เขียนที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นการเสนอทั้งความเห็นด้วยและความเห็นแย้งต่อประเด็นต่างๆ ที่ สี่องค์กรวิชาชีพ ได้เสนอดังที่ปรากฎและได้เผยแพร่ออกมา เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นจะให้ความเห็นตามประเด็นต่างๆที่มีการพิจารณา ซึ่งขอเรียกว่าประเด็นหลัก ดังนี้
- ประเด็นหลักที่หนึ่ง พิจารณาว่าการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุขเป็นวิชาชีพหรือไม่
- ประเด็นหลักที่สอง พิจารณาว่ามีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุข ออกมาบังคับใช้หรือไม่
- ประเด็นหลักที่สาม พิจารณาว่าร่างกฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุข มีการก้าวล่วงกฎหมายวิชาชีพที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่
- ประเด็นหลักที่สี่ การปฏิบัติงานของกลุ่มผู้เสนอร่างกฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุข ในกระทรวงสาธารณสุข
อ่านในประเด็นต่าง ๆ จาก link ด้านล่างนี้ครับ
ปล. บทความนี้เขียนโดยคุณสงครามชัย ลีทองดี ([email protected])
ความเห็นแย้งต่อประเด็น “ความเห็นของสี่องค์กรวิชาชีพ”
ประเด็นหลักที่หนึ่ง ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2
ประเด็นพิจารณาว่าการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุขเป็นวิชาชีพหรือไม่
ประเด็นหลักที่สอง
พิจารณาว่ามีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุข ออกมาบังคับใช้หรือไม่
ประเด็นหลักที่สาม
พิจารณาว่าร่างกฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุข มีการก้าวล่วงกฎหมายวิชาชีพที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่
ประเด็นหลักที่สี่ ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2
การปฏิบัติงานของกลุ่มผู้เสนอร่างกฎหมายวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนหรือ การสาธารณสุข ในกระทรวงสาธารณสุข
เข้ามาอ่าน..พิจารณาและติดตามมาตั้งแต่ต้น...
เกิดความสงสัยเช่นเดียวคะว่า...
การพิจารณาร่างฯ ดังกล่าวมีแค่ สี่องค์กรวิชาชีพหลักและไม่ครบทั้งหมด หรือนี่เป็นเอกฉันท์...เด็ดขาดโดยสิ้นเชิงแล้ว....
....
การพิจารณาความเป็นวิชาชีพนี้เราต้องให้วิชาชีพอื่นมาพิจารณา...หรือ...แล้วศาสตร์ทางด้านสาธารณสุขศาสตร์นั้นมีไว้...เพื่ออะไร....บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในศาสตร์นี้มีดอกเตอร์และไม่ดอกเตอร์...ไม่มีโอกาสได้ร่วมพิจารณาความเป็นวิชาชีพ...ของตนเลยเหรอ....
ทิ้งรอยไว้เป็นคำถาม....ที่ยังค้างคาคะ...
Dr.ka-poom
รอยคำถามนี้มีคุณค่านะครับ หากเพียงแต่ผมเองก็ยังตอบได้ไม่ชัด แต่เข้าใจว่าเป็นเพียงการขอความเห็นไปนะครับ ซึ่งหากจะขอไปอย่างไม่อคติ ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใสตรวจสอบได้ต่อผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่านี้
เท่าที่ผ่านมาเครดิตของ สี่องค์กรวิชาชีพ ในสายตาผม ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชนมากนัก หากแต่ทำเพื่อตนเสียมากกว่า
เรียนคุณชายขอบ...
สี่องค์กรวิชาชีพ ในสายตาผม ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชนมากนัก
อย่าได้เหมารวมเลยนะคะ...คนที่ดีมีอุดมการณ์ทุ่มเทในงานก็มีอีกเยอะ..แต่ตอนนี้เรากำลังถกกันในเรื่องประกาศ...เกี่ยวกับความเป็นวิชาชีพสาธารณสุข...น่ะคะ...
ด้วยความเคารพยิ่ง
นิภาพร ลครวงศฺ
Dr.Ka-poom
องค์กร =/= คน, คนในองค์กรนั้นทำ ผมเห็นและรับรู้รับทราบ พร้อมทั้งชื่นชมเสมอ ไม่แยกแยะ หากแต่องค์กรทำเพื่อสมาชิกนั่นก็ใช่ ถูกต้องชัดเจน และตรงนี้ครับเพื่อมากไป มากกว่าเพื่อประชาชนโดยรวม
ตามความคิดของผมนะ พรบ.วิชาชีพการสาธารณสุขน่าจะมีขึ้นได้แล้ว น่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของสังคมไทย เพราะพวกเราสร้างสรรอนามัยชุมชนมาเยอะแยะมากมายเลย อาจจะพูดว่าอินฟินิตี้ยังได้ โรคภัยและโรคติดต่อหลายโรค หายไปฝีมือพวกผมนะ คนเราต้องทำงานเป็นทีมครับเป็น Hero คนเดียวไม่ได้หรอก น่าจะมีความเห็นใจจากผู้ที่มีวิชาชีพแล้ว พวกเราเป็นบุคคลไร้วิชาชีพมันเจ็บปวดแค่ไหนท่านก็พอจะทราบได้ ถ้าย้อนอดีตสมัยที่ท่านต่อสู้เพื่อพรบ.วิชาชีพของท่านเองเป็นงัยบ้าง มันก็น่าสงสารพวกผมนะครับ หรือว่า " ความถูกต้องยุติธรรมไม่มี มีแต่ความถูกใจ " พวกผมทำอะไรไม่ถูกใจท่านเหรอครับ
" บุคคลไร้วิชาชีพ "