อยู่อย่างมีความหมาย... สู่ความตายด้วยแรงปรารถนา


ความมั่นใจที่เกิดจากการทำความดีในชีวิต ช่วยให้ฉันมีอิสระจากความกลัว และกลับมามีความสุขในการเดินทางอีกครั้ง

ฉันชอบการเดินทาง ชอบช่วงเวลาที่เริ่มออกเดินทาง ชอบการเรียนรู้ที่ได้รับในระหว่างการเดินทาง และชอบความรู้สึกดีดีที่จัดเก็บไว้ในหัวใจไว้ให้ระลึกถึงในระหว่างการเดินทางกลับ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อไปทำงาน เพื่อทำธุระ หรือเพื่อพักผ่อน ทุกทริปที่เดินทาง ฉันตักตวงความสุขที่เกิดขึ้นตามรายทางไว้เสมอ

ในวันที่ชีวิตราบเรียบ เป็นปกติสุข การเดินทางชักนำความรู้สึกใหม่ที่ต่างไปจากเดิมมาสู่ชีวิต

ในวันที่กำลังมีปัญหารุมเร้า การเดินทางคือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม การเปลียนมุมมองเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการคิดแก้ปัญหา

ในวันที่กำลังติดอยู่กับความสุขอยู่เต็มเปี่ยมด้วยความคุ้นเคย ความลงตัว ความมั่นคง การเดินทางคือการย้ำเตือนถึงความไม่จีรังของความรู้สึกเหล่านั้น

ในวันที่ยุ่งอยู่กับงาน การเดินทางคือการหยุด หยุดงานไว้ที่ทำงาน ไม่มีข้อความ ไม่มีอีเมลล์ ไม่มีโทรศัพท์

เพื่อนที่ทำงานของฉันหลายคนชอบการเดินทางเวลาที่ไปถึงแล้ว แต่ไม่ชอบเวลาขณะเดินทาง สำหรับฉันยิ่งเป็นเที่ยวบินตรง เที่ยวบินยาว ฉันชอบนักหนาเพราะนั่นหมายถึงหลายต่อหลายชั่วโมงสำหรับการหยุด การได้อยู่กับตัวเอง...

แต่ก่อนนั้นฉันเคยเกลียดการเดินทาง ฉันไม่ชอบสนามบินเท่ากับที่ไม่ชอบโรงพยาบาลเพราะฝังใจอยู่เสมอว่าการเดินทางคือการพลัดพราก บวกกับประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเกือบยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ครั้งนั้นขณะที่กำลังโดยสารเครื่องบินของสายการบินหนึ่งจากซิดนีย์สู่กรุงเทพ ขณะที่เครื่องกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงและพร้อมที่จะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกัปตันก็เหยียบเบรคอย่างแรง เสียงผู้คนกรีดร้องด้วยความตกใจ เสียงข้าวของหล่นลงพื้นดังสนั่น กว่าเครื่องบินจะหยุดและจอดสนิทบนปลายรันเวย์ ฉันมองออกไปที่หน้าต่างเห็นอ่าวซิดนีย์อยู่เบื้องหน้าไม่ไกล อีกสักพักรถดับเพลิงก็กรูกันเข้ามาฉีดน้ำใส่ยางล้อเครื่องบินที่ถูกการเสียดสีอย่างแรง จำไม่ได้ว่ากัปตันอธิบายว่าเหตุผลของการเกิดเหตุขัดข้องวว่าอย่างไรบ้าง เพราะฉันตกใจสุดขีด ตั้งแต่นั้นมาฉันเกิดอาการโฟเบี่ยทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน

พี่คนสนิทพยายามปลอบทุกครั้งว่าตามสถิติแแล้วการเดินทางโดยเครื่องบินโดยสารนั้นปลอดภัยที่สุด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก และโชคชะตาก็ไม่เข้าข้างสักเท่าใดที่ฉันต้องเดินทางในงานที่ทำค่อนข้างบ่อย และแม้แต่จะกลับบ้านฉันยังต้องต่อสู้กับความกลัวอยู่ทุกครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน หากมีใครมาจับมือฉันไว้ เขาจะรู้สึกถึงความหวาดหวั่นที่เกาะอยู่ในหัวใจฉันได้เป็นอย่างดี

และแล้ววันหนึ่งไม่นานมานี้ ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินทางกลับจากบ้านที่เชียงใหม่สู่สิงคโปร์ ฉันรู้สึกถึงมือที่เย็นเฉียบเมื่อลูบใบหน้าตัวเอง ในความกลัวนั้นฉันก็ถามตัวเองว่ากลัวอะไรนักหนา? กลัวความตายหรือ? ทำไมต้องกลัว?

เมื่อวานบนเครื่องบินกลับบ้านคนที่นั่งข้างๆถามอย่างแแปลกใจว่าไม่กลัวแล้วหรือ ฉันตอบไปว่า "ไม่กลัวแล้ว เพราะที่ผ่านมา ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันเป็นลูกหลานที่ดีและได้มีโอกาสตอบแทนคุณผู้มีพระคุณแล้ว ฉันให้เท่าที่ทำได้ ฉันมีโอกาสได้ทำบุญพอประมาณ ฉันมีคนที่ฉันรัก มีคนที่รักฉัน และได้ใช้วิตอย่างมีความหมายแล้ว"

ความมั่นใจที่เกิดจากการทำความดีในชีวิต ช่วยให้ฉันมีอิสระจากความกลัว และกลับมามีความสุขในการเดินทางอีกครั้ง

ใครคนหนึ่งบอกว่าใกล้วันคล้ายวันเกิดแล้ว ลองถามตัวเองว่าต้องการอะไรในชีวิต ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบเขา แต่คิดว่าเมื่อความกลัวถูกปลดปล่อยไปแล้ว เป้าหมายต่อไปคือความเป็น "ฉัน" เพราะนั่นคืออีกหนทางหนึ่งของการอยู่อย่างมีความหมาย.. เพื่อสู่ความตายด้วยแรงปรารถนา ฉันเชื่ออย่างนั้น...

นำเพลงโปรดจากดนตรีประกอบภาพยนต์ The Secret Garden มาฝากค่ะ งดงาม... ไพเราะ... เหมือนจิตใจคนดี...

http://www.youtube.com/watch?v=ZDUjt6iH52E

หมายเลขบันทึก: 440319เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2011 18:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะคุณปริม

ชอบชื่อเรื่องบันทึก ยิ่งอ่านก็ได้อิ่มเอม และอมยิ้มระหว่างทาง

เพราะชีวิตคือ การเดินทาง .. ชอบเพลงนี้ และ รสนิยมเดียวกันค่ะ

การเดินทางคือการหยุด หยุดงานไว้ที่ทำงาน ไม่มีข้อความ ไม่มีอีเมลล์ ไม่มีโทรศัพท์

เป็นบันทึกที่ให้ข้อคิดดีมากค่ะ

อ่านบันทึกนี้ ได้แนวคิดที่ดี ไม่ต่างนักจากที่พี่เพิ่งประทับใจจากการอ่านบทความพระอาจารย์ไพศาล เรื่อง เผชิญกับความตายอย่างสงบ บันทึกนี้

ส่วนตัวพี่เป็นคนกลัวเข้าขั้นโฟเบียกับการนั่งเครื่องบินมาก่อน ปัจจุบัีนเฉย ๆ เพราะคิดว่า เราผ่านชีวิตมาพอสมควร ทำงานตามหน้าที่ ทำความดีตามหลักพุทธศาสนาที่นับถือ และเมื่ออ่าน หัดพิจารณาเรื่อง ความตาย  เนือง ๆ คิดว่าแม้ไม่ถึง..สู่ความตายด้วยแรงปรารถนา แต่ความกลัวความตายลดน้อยลง

ความตาย สัจจะจริงแท้ มิตรแท้ของเรา เราต้องพบกันไม่วินาทีใดวินาทีหนึ่ง

ขอบคุณนะคะ

  • สวัสดีค่ะ..

อ่านบันทึกนี้แล้วต้อมก็คิถามตัวเองนะคะ ว่า "ฉันกลัวความตายไหม?"  ^^

เกิด.แก่..เจ็บ..ตาย เป็นเรื่องสามัญ  ไม่มีใครหลีกหนีพ้น  ขอเพียงเราอยู่อย่างมีความสุข..ถ้าจะตายไปก็ขอให้ตายไปอย่างมีความสุข 

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกค่ะ เคยเจอเหตุการณ์นี้ตอนไปอเมริกา สิบกว่าปีมาแล้ว ขณะเครื่องกำลังเริ่มออกวิ่งบน runway นั่งแถวริมหน้าต่าง เห็นมีของเหลวออกจากปลายปีกตลอด เลยถามสามี ๆบอกให้รีบบอกจนท.ที่นั่งรัดเข็มขัดตรงตำแหน่งของเขา แล้วชี้ให้ดู สักครู่เครื่องบินหยุด แจ้งว่าต้องซ่อมเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดไม่สำเร็จก็เลยให้ทุกคนลงจากเครื่อง จัดที่พักที่รร.แถวสนามบินให้ค้าง1 คืน แต่ตอนนั้นไม่ได้กลัว ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมค่ะ

อยากให้ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะคะ :)

http://meecorner.blogspot.com/2011/04/blog-post.html

สวัสดีค่ะคุณปู

ขอบคุณค่ะ เสียงไวโอลินกรีดหัวใจมากมายค่ะ

ชอบเสียงเปียโนของเพลงนี้ค่ะ อืม.... เพราะ.....

สวัสดีค่ะคุณแก้ว

ขอบคุณค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพี่หมอ แวะไปอ่านบันทึกดีๆๆ มาแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณเนปาลี ขอบคุณค่ะ

"เกิด.แก่..เจ็บ..ตาย เป็นเรื่องสามัญ ไม่มีใครหลีกหนีพ้น"

หากเราใช้ชีวิตที่มีอย่างมีความหมาย อย่างมีความสุข ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจเมื่อวันนั้นมาถึงใช่ไหมคะ

สวัสดีค่ะคุณ mee_pole ขอบคุณค่ะ แวะไปอ่านบันทึกดีดีของคุณแล้วค่ะ ชอบจัง

ชอบวิธีกาารเตรียมตัวจังค่ะ จะถือเป็นแบบอย่างค่ะ

ที่กลัวก็เพราะความไม่รู้ไม่มีการเตรียมตัวค่ะ เมื่อพร้อมจึงไม่กลัว..

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

รอติดตามบันทึกดีดีอยู่นะคะ แต่เพิ่งเปิดเทอม คุณ mee_pole คงกำลังยุ่งๆอยู่นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท