วันจันทร์ที่ ๗มีนาคม ๒๕๕๔ เช้าเดินทางไปเมืองทองธานี เพื่อร่วมพิธีเปิดโครงการเรียนดี เรียนฟรี ๑๕ ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ มีท่านรองฯ ประพฤทธิ์ บุญอำไพ คุณวิภาวรรณ พึ่งโยธิน เดินทางไปด้วย ปกติการจัดงานของกระทรวงศึกษาธิการ ที่อิมเพค จะมีผู้คนล้นหลาม แต่วันนี้ดูเงียบเหงา เข้าไปในอาคาร Hall 9 มีผู้คนประมาณ ๒ พันคนรวมทั้งเพื่อนครูจากปทุมธานี เขต ๑ ประมาณ ๔๐๐ คน มีนิทรรศการเรียงรายอยู่รอบเวที วันนี้แม้จะไปสายแต่ก็มีที่นั่งว่างแถวแรกต่อจากชุดของท่านประธานจึงเข้าไปนั่งคุยกับคุณพิธาน ฟื้นทอง ผอ.สำนักติดตามฯ สพฐ.ภาคเช้าเลขาธิการ กพฐ.ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน กล่าวรายงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กล่าวเปิดและปราศรัย ได้แสดงความพึงพอใจกับนโยบายและการปฏิบัติตามนโยบาย ที่กระทำได้ในสมัยของท่านสำเร็จมากมาย ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความก้าวหน้าแก่วิชาชีพครูในเรื่องเงินเดือนและเงินวิทยฐานะ เท่าที่ฟังจากคนวงในเล่าให้ฟัง ต้องยกย่องท่านรัฐมนตรีในการผลักดัน เพราะหน่วยราชการประจำภายนอกกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนใหญ่คัดค้าน หลังการเปิดงานมีการเสวนาเกี่ยวกับนโยบายเรียนดี เรียนฟรี แบ่งออกเป็น ๒ ฟาก คือ ฝ่ายการเมือง มีรัฐมนตรีชินวรณ์ บุณยเกียรติ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัฒธ์ อีกฝ่ายเป็นเลขาธิการ กพฐ.ดร.ชินภัทร ภูมิรัตร รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.กมล รอดคล้าย และผู้แทนภาคี ๔ฝ่าย เนื้อหาใจความต่างก็ชื่นชมและยอมรับในความสำเร็จของนโยบายนี้ จบรายการนี้พักเที่ยงพอดี เขาเลี้ยงอาหารผู้เข้าร่วมประชุม บ่ายท่านนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมากดปุ่มโอนเงินให้โรงเรียน ผมและคณะเดินทางกลับก่อน มาแวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือแถวบางพูน บ่ายทำงานเอกสารที่ห้อง สลับกับการรับแขกที่มาหาด้วยเหตุ ๒ประการ ประการแรกมาแนะนำตัวในฐานะผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กกต.จังหวัด เพราะทราบว่าผมเป็นกรรมการสรรหาด้วยคนหนึ่ง ประการที่สอง มาปรึกษาเรื่องที่เรียนของลูกหลาน ก็ให้กำลังใจไปทุกคน
บ่ายเดินทางไปโรงเรียนขจรทรัพย์อำรุงตามที่โรงเรียนเชิญไว้ชวนท่านครรชิต หิรัณยหาด ที่มาธุระร่วมขบวนไปด้วย วันนี้ชมรมพุทธศาสตร์สากลมาจัดกิจกรรมให้นักเรียน และจะมีการสัมภาษณ์สดถ่ายทอดออกทีวีในเครือข่ายของวี-สตาร์ โรงเรียนขจรทรัพย์อำรุงเปลี่ยนผู้บริหารมาประมาณหนึ่งปี ได้ปรับปรุงโรงเรียนทางกายภาพไปมาก ที่สำคัญขวัญกำลังใจของครู เท่าที่ฟังมาอยู่ในเกณฑ์ดี จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น แวะไปห้องผู้บริหารจัดแบบทันสมัย ห้องพักครูก็อยู่ในเกณฑ์ดี ขึ้นไปดูห้องเรียน กำลังปรับแต่งกันอยู่ ผู้บริหารพาขึ้นไปร่วมพิธีกับนักเรียนที่ชั้น ๔ ก่อนกลับลงมาสัมภาษณ์ทีวีที่ห้องพักครู กลับสำนักงานเขตไม่ได้ขึ้นห้องทำงานแล้วเพราะกำลังเลิกงานพอดี
วันพุธที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ภาคเช้าอยู่ทำงานเอกสารที่ห้อง เพราะมีเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเตรียมการประชุมผู้บริหารโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อดูผลการออกตรวจงานด้านการเงินของโรงเรียน สุ่มมา ๒๐ โรงเรียน ใช้เกณฑ์ความเสี่ยงแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มเสี่ยงน้อย ได้แก่โรงเรียนที่ปฏิบัติตามระเบียบการเงินการพัสดุเรียบร้อย มีหลักฐานตรวจสอบได้ทั้งบัญชีและสิ่งของ พบเพียง ๑ โรงเรียน กลุ่มเสี่ยงปานกลาง เป็นโรงเรียนที่ปฏิบัติตามระเบียบไม่ครบถ้วน เอกสารหลักฐานไม่เป็นระบบ หากไม่ปรับปรุงอนาคตจะลำบาก มีถึง ๑๔ โรงเรียน กลุ่มสุดท้ายกลุ่มเสี่ยงมาก ต้องบอกว่าผิดระเบียบ ไม่มีหลักฐานให้ตรวจสอบ เข้าข่ายที่อาจถูกสอบสวนได้ มี ๕ โรงเรียน ที่เหลือเกือบ ๑๐๐ โรงเรียนจะลองมาจัดกลุ่มดู จะได้เตือนภัยล่วงหน้าแบบสึนามิ แม้ผู้บริหารโรงเรียนจะได้มอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับผิดชอบทางการเงิน แต่ก็ต้องมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความละเอียดรอบคอบให้การบริหารงานการเงินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ เคยมีคดีตัวอย่างเกิดขึ้นเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผู้ถูกฟ้องคดี)มีคำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีซึ่งดำรงตำแหน่งสารวัตรฝ่ายการเงินออกจากราชการ เนื่องจากตรวจพบว่าใบสั่งจ่ายเงินงบประมาณ จำนวน ๓ ฉบับ มีรอยขูดลบเลขที่ฎีกา ชื่อผู้รับเงิน และลายมือชื่อผู้รับเงิน แต่ผู้ฟ้องคดีกลับสั่งให้จ่ายเงินให้กับผู้รับเงินได้ โดยผู้ฟ้องคดีได้โต้แย้งว่าตนได้มอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับผิดชอบในการตรวจสอบใบสำคัญสั่งจ่ายเงิน และลงนามในใบสั่งจ่ายเงินแต่ละวันแล้ว จึงไม่ทราบว่าฎีกามีรอยขูดลบ ทั้งไม่ปรากฏลายมือชื่อของผู้ฟ้องคดีเป็นผู้อนุมัติในฎีกาด้วย ฉะนั้น การมีคำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการจึงไม่เป็นธรรม ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีได้ยอมรับว่า มอบหมายให้ร้อยตำรวจโทหญิง ฉ. ลงนามในช่องจ่ายเงินตามใบสำคัญสั่งจ่ายเงินแทน และในการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเงินนั้น ผู้ฟ้องคดีให้การยอมรับและเจือสมกับคำให้การของร้อยตำรวจโทหญิง ฉ. ว่าได้ตรวจพบและรายงานพร้อมทั้งขอความเห็นต่อผู้ฟ้องคดีว่า “ใบสั่งจ่ายเงินตามฎีกามีรอยขูดลบแก้ไขด้วยน้ำยาลบคำผิดและยางลบในช่องลงชื่อผู้รับเงิน อีกทั้งไม่แนบบัตรประจำตัวผู้รับเงินด้วย อันเป็นการผิดระเบียบ” แต่ผู้ฟ้องคดีสั่งให้จ่ายเงินได้โดยให้เหตุผลว่า “ผ่านการอนุมัติและคนทำเอกสารก็ยืนอยู่ที่นี่และจ่ายถูกต้องตรงตัว ผู้รับเงินมาจริง” กรณีแสดงให้เห็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่า ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องตามหมวด ๒ ส่วนที่ ๑ ข้อ ๒๙ ของระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๑ ซึ่งกำหนดว่า “หลักฐานการจ่ายต้องพิมพ์หรือเขียนด้วยหมึก การแก้ไขหลักฐานการจ่ายให้ใช้วิธีขีดฆ่าแล้วพิมพ์หรือเขียนใหม่ แล้วให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อกำกับไว้ทุกแห่ง” ถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีในฐานะที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินและเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ซึ่งสามารถใช้ความระมัดระวังป้องกันเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการไม่ อีกทั้งเมื่อพบว่ามีการปฏิบัติผิดระเบียบอันเป็นสาระสำคัญกลับเพิกเฉยให้สั่งให้แก้ไขการปฏิบัติให้ถูกต้อง แต่กลับฝ่าฝืนระเบียบให้มีการจ่ายเงินไป จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๘๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนั้นืคำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการจึงเป็นคำสั่งที่ถูกต้องและเหมาะสมกับการกระทำของผู้ฟ้องคดี (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๒๒๔/๒๕๕๑) ให้ท่าน ศน.ทรงเดช ขุนแท้ ช่วยติดตั้งระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ เพื่อประชุมทางไกลเรื่องการบริหารงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เจ้าของเรื่องคือคุณศักดา ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผน ลาไปเยี่ยมญาติที่ประเทศญี่ปุ่น จึงต้องพึ่งคนที่เข้าใจเรื่องไอที บ่ายลงมาห้องประชุมเล็กเพื่อประชุมทางไกล สามารถรับภาพและเสียงได้ แต่ไม่ดีนัก ท่านเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานการประชุมได้ชี้แจงรายละเอียดร่วมกับที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสำนัก จากนั้นก็มีการสอบถามแนวทางปฏิบัติจากเขตพื้นที่การศึกษา ไม่ทันได้ฟังระบบก็ขาดหายไปตามระเบียบ
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔เช้าไปแวะวัดบางไผ่ เลี้ยวซ้ายแยกบางพลู เพื่อถวายภัตตาหารพระ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของคนสำคัญที่บ้าน ครูแน่งน้อย คงหนู ได้ทำบุญเป็นมงคลชีวิต ไปถึงสำนักงานเตรียมเดินทางไปบริษัทซีพี-แรม (CP Ram) อำเภอลาดหลุมแก้ว ใช้ห้องประชุมของบริษัทซึ่งมีขนาดกำลังเหมาะ ทันสมัย บรรยากาศดี ภาคเช้าเป็นการศึกษาดูงาน แบ่งผู้บริหารออกเป็น ๓ กลุ่ม เพื่อไปดูโรงงานและโรงเรียน บริษัทซีพี มีบริษัทลูกมากมายเพื่อประกอบการเป็นเรื่อง ๆ ซีพี-แรม มีหน้าที่ผลิตอาหารสำเร็จรูปส่งร้านเซเว่นและส่งต่างประเทศทั่วโลก มีคนงาน ๔ พันคน บริษัทเปิดโรงเรียนเพื่อสอนระดับอาชีวศึกษาเกี่ยวกับการผลิตอาหารอีก ๑ แห่ง คือ โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์เทคโนธุรกิจ ประมาณ ๑๑ โมงทุกคนกลับมาที่ห้องประชุม การประชุมเริ่มขึ้นด้วยชมรมพุทธศาสตร์สากล แห่งวัดพระธรรมกาย ได้มามอบทุนให้เขตจัดกิจกรรม ๑ แสนบาท และได้แนะนำโครงการในการอบรมคุณธรรมจริยธรรมทั้งของครูและนักเรียน บริษัทซีพี-แรม ได้บรรยายถึงภารกิจและรายละเอียดในการผลิตอาหาร ตลอดจนการจัดการศึกษาต่อที่ประชุม เที่ยงมีอาหารเลี้ยงเป็นอาหารที่วางขายในร้านเซเว่น แต่นำมาจัดแบบบุฟเฟ่ ที่นี่เขารับจัดเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ มีทั้งอาหารว่างจำพวกขนมจีบ ซาละเปา และอาหารหนัก บ่ายดำเนินการประชุมกันต่อได้เล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่งเป็นนิทานจริง ๆ ไม่ตั้งใจว่าใคร เรื่องมีอยู่ว่า มีสาวน้อยคนหนึ่งเข้าไปสารภาพบาปกับหลวงพ่อ “หลวงพ่อค่ะ หนูมาสารภาพบาป” “มีอะไรว่าไปเลยลูก” “ลูกส่องกระจกวันละ ๒๐ ครั้ง ทุกครั้งลูกบอกตัวเองว่า สวยเสียนี่กระไร เป็นบาปใช่ไหมค่ะที่หนูหลงรูปตัวเอง” หลวงพ่อชำเลืองมองสาวน้อยแล้วบอกว่า “ไม่บาปหรอก เป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะลูก” ประชุมกันจน ๑๕ นาฬิกาจึงเลิกประชุม กลับสำนักงานอยู่ทำงานจน ๑๗ นาฬิกาจึงเดินทางกลับที่พัก
ขอขอบคุณ อกคศ.ชุดนี้ ท่านทำหน้าที่ได้ใจครูจริง ๆ ยกย่อง ๆๆๆ