ไฝ กระ เนื้องอกผิวหนัง


การกำจัด ไฝ กระ เนื้องอกผิวหนัง ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยี่การใช้เลเซอร์มาทำการรักษา ขอแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์

การกำจัด ไฝ กระ เนื้องอกผิวหนัง

 นพ.สุทัศน์ ดวงดีเด่น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง

 

นอกจากเรื่องของสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำบนใบหน้า ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจดูแลรักษาเพื่อให้หน้าตาแลดูอ่อนกว่าวัยและดูดีอย่างที่หลายคนปรารถนาแล้ว  โรคอื่นๆที่ก่อให้เกิดความไม่สวยงามบนใบหน้า  ก็คือเนื้องอกของผิวหนัง  ที่พบเห็นกระจัดกระจายตามใบหน้า  ลำคอ ตามแขนขา ตามตัว  ซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิดมาก  บางชนิดอาจเป็นอาการเริ่มต้นของมะเร็งผิวหนัง  ซึ่งถ้าปล่อยปละละเลยทิ้งเอาไว้นานๆอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้  ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของเนื้องอกผิวหนังจึงมีความสำคัญยิ่งต่อทั้งเรื่องของสุขภาพและความงามในเวลาเดียวกัน

กระเนื้อ (Seborrheic keratoses)


ถ้าดูหน้าตาของกระเนื้อบนใบหน้าและตามตัว หลายคนอาจจะสับสนกับโรคหูด เพราะบางครั้งหน้าตาคล้ายกันมาก  กระเนื้อเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง  อาจจะพบแค่รอยโรคเดียว หรือพบเป็นกลุ่ม  มักจะสีออกน้ำตาล แต่พบเห็นเป็นสีแทนจางๆไปจนถึงดำ  มีขนาดตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง  1-2  มิลลิเมตรไปจนถึงขนาดใหญ่กว่าเหรียญห้าบาท  บางทีดูเหมือนหยดเทียนสีน้ำตาลดำ  ที่แปะอยู่บนผิวหนัง  ทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดกระเนื้อขึ้นบนผิวหนังของเรา แต่เรียกได้ว่าเกือบจะทุกคน  จะปรากฏกระเนื้อบนผิวหนังอย่างน้อย 2-3 รอยโรค แถมยังไม่มีอะไรป้องกันไม่ให้กระเนื้อเกิดขึ้นมาบนร่างกายของเราได้  บางคนบอกว่ามันเป็นสัญญานที่แสดงให้เห็นว่าคนคนนั้นแก่แล้ว เพราะมักพบได้บ่อยในคนสูงอายุ พบในเด็กน้อยมาก  บางทีก็เจอขึ้นมากตอนที่ตั้งครรภ์  หรือหลังได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน  ทำให้หลายคนคิดว่าฮอร์โมนอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกระเนื้อขึ้นมา  กระเนื้อไม่ได้เกิดจากการถูกแสงแดด พบได้ในทุกส่วนของร่างกาย  ไม่ว่าจะอยู่ในร่มผ้าหรือไม่ก็ตาม  เวลาเริ่มเป็นอาจจะเริ่มแค่ 1-2 จุด แล้วเป็นมากขึ้นดูเหมือนลามไปบริเวณใกล้ๆ  แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ   ไม่กลายไปเป็นมะเร็งผิวหนัง  เพียงแต่แลดูไม่สวย และบางทีก็เกิดการระคายเคืองขึ้นได้ถ้าใช้ผ้าเช็ดตัวถูบริเวณที่เป็นแรงเกินไป   หลายครั้งที่เราจำเป็นต้องจัดการกับกระเนื้อ  ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นเนื้องอกที่มีโอกาสเป็นมะเร็งหรือไม่


การรักษา

กระเนื้อเป็นโรคที่รักษาง่าย  ด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า  เครื่องจี้ด้วยความเย็น  และที่เป็นที่นิยามมากที่สุดคือ  การรักษาด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์   ซึ่งแรกๆก็อาจมีแผลเล็กๆ  ตกสะเก็ด  แผลหายในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยที่อาจจะทิ้งรอยดำเอาไว้ในผู้ป่วยบางราย  และส่วนใหญ่รอยดำก็จะค่อยๆจางไปจนหายในที่สุด

แล้วถ้าไม่ใช่กระเนื้อละ

แม้ว่าคนจำนวนมากมักจะไม่แน่ใจว่า  สิ่งที่เราคิดว่าเป็นกระเนื้อนั้นแท้ที่จริงอาจจะเป็นโรคผิวหนังอื่นที่แลดูคล้ายกัน เช่นหูด  ไฝ  เนื้องอกผิวหนังจากแสงแดด และมะเร็งผิวหนัง  แต่หมอผิวหนังมีข้อสังเกตุที่จะแยกได้ว่าเป็นกระเนื้อหรือไม่  คือ

หูด

เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส  กระเนื้อไม่ได้เกิดจากไวรัส  หูดมักจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว  แต่สีของหูดมักจะไม่ค่อยดำ และไม่ได้มีลักษณะเหมือนน้ำตาเทียนที่หยดแปะอยู่บนผิวหนัง

ไฝ

เกือบทุกคนจะมีไฝปรากฏอยู่ประมาณ 20-30  รอยโรคในชั่วชีวิต  ที่ต้องระวังในการรักษาใฝก็คือ  บางเม็ดอาจจะแยกไม่ได้จากมะเร็งผิวหนัง  ซึ่งควรต้องส่งไปตัดชิ้นเนื้อก่อนที่จะไปใช้คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์รักษา

Actinic keratoses

เป็นเนื้องอกผิวหนังที่เกิดจาการที่ผิวหนังถูกแดดบ่อย  มักพบที่หน้า มือ แขน และบริเวณรูปตัววีที่คอ  มักจะดูแบนกว่า  บางกว่า แดงกว่า กระเนื้อ  เป็นอาการเริ่มต้นที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งผิวหนังได้

มะเร็งไฝดำ

เป็นมะเร็งผิวหนังที่อันตราย แต่บางครั้งแยกไม่ได้จากกระเนื้อ  การไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา จึงเป็นวิธีที่แนะนำเพื่อให้มั่นใจได้ว่า  จะพบเห็นแต่เนิ่นๆเพื่อประโยชน์ของคนไข้ที่มารับบริการ

นอกจากนี้ยังมีโรคผิวหนังชนิดอื่นๆที่สามารถใช้คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์รักษาได้ผลดี  ได้แก่  Epidermal nevus, Syringoma, Xanthelasma  และเนื้องอกผิวหนังที่ไม่ใช่มะเร็งชนิดอื่นๆ

คำแนะนำหลังการรักษาเนื้องอกผิวหนังด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์

1.    อย่าให้แผลถูกน้ำประมาณ 24-48 ชั่วโมง

2.    ล้างแผลด้วยน้ำเกลือวันละ 2-3 ครั้ง

3.    ทารอยโรคหลังยิงด้วยเลเซอร์ด้วยยาปฏิชีวนะชนิดทาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5-7 วันหรือจนกว่าสะเก็ดหลุดหมด

4.    หลีกเลี่ยงการใช้สบู่และเครื่องสำอางบริเวณแผล จนกว่าสะเก็ดจะหลุดหมด

5.    หลีกเลี่ยงแสงแดดหลังรักษาด้วยแสงเลเซอร์อย่างน้อย 1 เดือน  ควรเริ่มทาสารกันแดดหลังสะเก็ดหลุดหมด

หมายเลขบันทึก: 421635เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2011 01:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เรียนท่านอาจารย์หมอ

  • ขอบพระคุณมากๆนะคะที่แบ่งปัน

ความสุข ความอร่อยราคาถูก หาผักพื้นบ้านให้ลูกหลานกิน (กินอาหารเป็นยา ดีกว่ากินยาเป็นอาหาร)

สอนหลานให้รู้จักพันธ์ไม้สมุนไพร อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ อะไรกินเป็นอาหารแล้วยังกินเป็นยาได้ด้วย

     วันที่ 3 ของปีใหม่   2553 ลงบุญดึกมาบ้าน ลูกหลานกลับมาจาก ล่องแก่ง "วังสายทองแล้ว  วันนี้เขานัดทำอาหารกัน กินเอง หนึ่งในรายการอาหารคือ ทำขนมจีน(ทำเฉพาะน้ำแกงขนมจีน เพราะขนมจีนซื้อมาจากตลาด) ผู้เขียนรีบอาสา หาผักเหนาะขนมจีนทันที บอก ผบทบ. ว่าไม่ต้องซื้อผักจากตลาด 

  ชวนหลานเข้า ป่ายางหลังบ้านเก็บผัก และสอนหลาน(ลูกของน้องสาว ผบทบ.)ให่รู้จักพันธ์ไม้สมุนไพร  อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้  อะไรกินเป็นอาหารแล้วยังกินเป็นยาด้วย มียอดตีเมียเบือย่าง ยอดแซะ ยอดหมุย ยอดเนียง ยอดตาเป็ดตาไก่ ยอดทวย ยอดจิก 

ยอดแซะ กรอบหวานมัน

   หลานที่จบทางด้านวิศวมา เขามีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นในเรื่องผัก พันธ์ไม้เคยแนะนำตำราดูมีดพกประจำกายให้แล้วเมื่อปีก่อนhttp://gotoknow.org/blog/bangheem/258629 

ยอดเนียง ฝาดขมนิดๆ

 ผู้เขียนรู้สึกภาคภูมิใจ ที่มีลูกหลานมาสนใจเรื่องเหล่านี้ ตามประคนอายุมากที่ชอบ"กินของขม ชมสาวๆ เล่าความหลัง"ได้ครอบครูให้มีดพกไปหนึ่งเล่มเป็นกำลังใจ เป็นการฝากภูมิปัญญาไว้ให้ลูกหลานได้สานต่อเพราะภูมิปัญญาเป็น......

 

        เป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่ง  

           ในมวลมนุษยชาติ  

           ตั้งแต่มนุษย์เกิด จนถึงตายไป  

             ได้เก็บความรู้   ประสบการณ์ ทักษะ ความคิดคำนึง 

      จนเป็นภูมิปัญญาติดตัวอยู่ 

              เมื่อถึงเวลาตายไป 

           หากมิได้เผยแพร่ภูมิปัญญา  

                  ให้อนุชนรุ่นหลัง 

          ก็เปรียบเสมือนได้ขโมย   

      ตำรา และภูมิปัญญาจากโลกมนูษย์ไป 

          นับเป็นเรื่องสูญเสียโอกาส 

             ของมนุษย์ที่เกิดมาทีหลัง   เป็นอย่ายิ่ง  ..........

                      พงศา

                      ป่าไม้

                       สายน้ำ

                       ชีวิต   

ตีเมียเบือย่าง  ใช้ใบตำพอกทาที่แผล แก้งูสวัด (ตอนนี้ที่บ้านชำไว้หลายต้น แล้)

วันหลังจะถ่ายรูป ตีเมียเบื่อย่างมาให้คุณหมอพิจารณาครับ. 67. 30. นายแพทย์สุทัศน์ ดวงดีเ่ด่น [IP: ... ท่านผู้เฒ่า ตีเมียเบื่อย่าง น่าสนใจครับ ส่งรูปมาให้ดู ...
gotoknow.org/blog/skindoc/145486 - แคช - ใกล้เคียง

 "ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย"ศ.ดร.เต็ม สมิตินันทน์  โดยสถานีผลิตเมล็ด
พันธุ์ไม้ป่าแม่ทะ ศูนย์วนวัฒนวิจัยที่ 1 ส่วนวนวัฒนวิจัย สำนักวิชาการป่าไม้กรมป่าไม้  พ.ศ.2543
ระบุชื่อเป็น   ตีเมีย เมื่อ ย่าง แต่ในภาษาไทยถิ่นใต้เรียก ตีเมีย เบือ ย่าง  คำว่า เบือ  ในภาษา
ไทยถิ่นใต้  มีความหมายว่า ถึงกับต้องทำ (ทำอย่างดี ทำอย่างพิเศษ มิฉะนั้นจะไม่สำเร็จ ) ความ
หมายและที่มาของ ตีเมีย เบือ ย่าง มีดังนี้

เล่ากันว่า   นานมาแล้ว

  มีกระทาชายนายหนึ่งกลับจากทำนาตอนเย็น ระหว่างทางได้เก็บยอดเถา
วัลย์ชนิดหนึ่งมาด้วย( ยอด "ตีเมีย เบือ ย่าง"  )  ตั้งใจว่าจะกินเป็นผักเหนาะกับข้าวมื้อค่ำ ขณะไป
อาบน้ำที่บ่อน้ำ  ซึ่งโดยทั่วไปมักจะอยู่ห่างเรือนออกไป อาบน้ำเสร็จก็กลับเรือนจะกินข้าว ปรากฏ
ว่าภรรยาได้ลองชิมผักเหนาะและกินเล่นจนหมด     ด้วยความโมโหหิว  ผู้เป็นสามีจึงบันดาลโทสะ
ทุบตีภรรยาบาดเจ็บอาการหนัก  จนต้องเยียวยารักษาด้วยการย่างไฟแก้อาการช้ำใน(ข้อมูลจากอินเตอร์เนตท์)

สวัสดีคุณหมอ แวะมารอมาคอยอ่าน

คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

แม้ไม่มีเวลาคุณหมอก็แวะมาเป็นบางครั้ง

มาเป็นให้พลังการเขียน-อ่านงานในโกฯ

บันทึกของอาจารย์มีคนอ่านเป็นแสนแล้วนะคะ :)

นายเกรียงศักดิ์ ชูพินิจ

อยากทราบว่ามียารักษาโรคกระเนื้อ

 
โรคนี้ไม่มียาทาให้หายครับ มีบางคนใช้น้ำกรดจี้  บางคนใช้่เครื่องจี้ไฟฟ้า แต่ปัจจุบันวิธีรักษาที่นิยมที่สุดคือ ทายาชาประมาณ 45 นาที แล้วยิงด้วยเลเซอร์ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท