วันนี้ช่วงเช้า เพื่อนกัลยาณมิตรนำผมไปที่บ้านคณบดี บ้านหัวหน้าภาควิชา และบ้านที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ ตามลำดับ
ท่านทั้ง 3 คน ล้วนอยู่ในวรรณะพราหมณ์ การไปของผมเป็นการไปแนะนำตัวเองในฐานะ นักศึกษาที่มาจากต่างประเทศ ตามทำเนียมแบบไทย ๆ ผมก็มีของฝากจากไทยมอบให้เล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ของผมมายืนรออยู่หน้าบ้านก็เห็นกลุ่มนักศึกษาจากอินเดียมาพบวิธีการทำความเคารพอาจารย์ พวกนักศึกษาแต่ละคนจะเข้าไปก้มลงใช้ปลายมือข้างขวาแตะที่หลังเท้าของอาจารย์ แล้วลุกขึ้นมาโดยเอาปลายมือนั้นแตะที่หน้าผากของตนเอง ต่อจากนั้นก็คุยกันตามสบาย
เมื่อนักศึกษากลุ่มนั้นลากลับไปแล้ว อาจารย์จึงเชิญผมและเพื่อนเข้าไปในบ้าน เนื่องจากเป็นวันหยุดจึงได้พบครอบครัวของอาจารย์
ท่านเรียกศรีภรรยาพร้อมลูกสาวคนโต ลูกชายคนกลางและลูกสาวคนเล็ก เพื่อมาทำความรู้จักกัน ช่วงหนึ่งท่านชี้ไปที่ลูกสาวคนโตว่ากำลังจะแต่งงาน ท่านบอกว่า ขอเชิญคุณมาร่วมงานนี้ให้ได้นะ
ชาวอินเดียให้ความสำคัญในเรื่องการแต่งงานมากที่สุดครับ จัดขบวนแห่แบบอะลังการคือมีขบวนดนตรี ขบวนช้าง ม้า ผู้คนมากสนุกสนานกันเป็นวัฒนธรรมที่น่าชมมาก (พิธีกรรมเกี่ยวกับคนตายเขาทำแบบเรียบง่าย แต่พิธีแต่งงานนี้เขาให้ความสำคัญมากที่สุด)
เล่ามาถึงตอนนี้ ขณะนี้ ท่านศาสตราจารย์ นพ. วิจารณ์ พานิช กำลังอยู่ที่เมือง ไฮเดอราบัด
ประเทศอินเดียครับ ด้วยความเคารพท่าน อ. ที่นั้นกำลังมีพิธีสำคัญที่สุด ( 29 กรกฎาคม 2549 ) เมื่อ ท่าน อ. กลับมาไทยแล้วลองถามท่านเองนะครับ ถ้าพวกเราอยากรู้ ฮา ๆ เอิก ๆ
การแต่งงานของชาวอินเดียนี้ ฝ่ายหญิงต้องจ่ายค่าสินสอดทองมั้นครับ การแต่งงานยังเป็นลักษณะการคลุมถุงชนอยู่ คือ ท่านผู้ใหญ่ของบ่าวสาวเป็นคนตกลงกันเอง โดยที่หนุ่มสาวเห็นหน้ากันในวันแต่งงานเลยครับ
ก็มีอยู่บ้างที่หนุ่มสาวจะออกนอกกรอบกฎธรรมเนียมประเพณีไปแต่คงไม่กี่คน เพราะวัฒนธรรมอินเดียเข้มแข็งมาก ทุกวันนี้ เวลาสามีตายเอาไปเผาก็ยังคงมีภรรยากระโดดเข้ากองไฟตายตามไปอีกคน
เป็นอันว่าผมได้พบที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์และท่านให้หัวข้อชื่อเรื่องที่จะทำพร้อมเสร็จแล้วผมและเพื่อนกัลยาณมิตรก็อำลาท่านกลับมาที่พักใน B.H.U. ครับ
ผมพึ่งสังเกตเห็นตำรวจในอินเดีย พวกเขาใช้ไม้กระบองยาวประมาณเมตรกว่า ๆ เป็นอาวุธครับ น้อยคนมากที่จะแบกปืนลูกซองยาว ที่เห็นตำรวจคนหนึ่งแบกปืนไหล่ลู่ใบหน้ามีแต่เม็ดเหงื่อเต็มไปหมด ปืนมันคงหนักมากนะ ฮา ๆ เอิก ๆ. โปรดติดตามตอนต่อไป ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umi
อ่านแล้วเห็นภาพเลยคะ...
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันที่จะไป...อยู่
ณ ประเทศแถบนั้น "อินเดีย หรืออาจเนปาล"...
ชอบคะ...ชอบมาก...
บางทีก็ยังสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไม
ถึงได้คลั่งไคล้สองประเทศนี้จัง...
สวัสดีครับ Dr.Ka-Poom
คุณอาจเคยเกิดที่นั้นในอดีตมั้ง...ครับ แต่ความเป็นวัฒนธรรมอินเดียมีอิทธิพลครอบคลุมเอเชียเรามา
เป็น 1000 ๆๆ ปี ไม่เว้นแม้แต่ชื่อจริงของผม ก็ยัง
เป็นภาษาบาลีครับ ฮา ๆ เอิก ๆ
ขอบคุณครับที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
เข้ามาตาม...คห. อาจารย์..
หัวเราะก๊าก...เลยคะ...
เพราะตนเอง...ลึกๆ ก็เชื่อเช่นนั้นคะ...
พอได้เห็น ได้ทราบ ได้รับรู้...
ความเป็นวัฒนธรรม..วิถีชีวิต...
หรือทุกอย่างที่เป็น...
จะรู้สึกซาบซึ้งและ In ไปตามบริบท...ที่ได้สัมผัสเสมอ...
ฮาๆ เอิกๆ (เรียนแบบอาจารย์)...อย่าบอกใครนะคะ...
สวัสดีครับ Dr.Ka-Poom
ผมไม่บอกใคร...แต่ใคร ๆก็รู้หมดแล้วครับ ฮา ๆ เอิก ๆ ความลับไม่มีในโลก...คนไม่เห็นแต่เทวดาเห็น
ครับ ฮา ๆ
ขอบคุณที่เรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ นาย ขจิต ฝอยทอง
ขอบคุณมากครับที่เราได้มาพบกันบนเส้นทางนี้
ดีใจชื่นใจที่มีคนอย่างคุณยืนอยู่ ณ จุดนี้ครับ
ผมขอให้กำลังใจคุณอย่างแท้จริง เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อทุก ๆคน
ผมและเพื่อน ๆหลายล้านคนยังต้องการเรียนรู้
ภาษาอังกฤษจากคุณและท่านที่รอบรู้บนเส้นทางนี้
อยู่เสมอครับ
คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยทักษิกทุกท่านล้วน
ชื่นชมศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงมีผลงานดีอย่างนี้ครับ
คุณเป็นศิษย์เก่า ปี 38
ผมเป็นอาจารย์ใหม่ พึ่งปฐมนิเทศเมื่อเดือนที่แล้วครับ ฮา ๆ เอิก ๆ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณขจิต ฝอยทอง
ด้วยความยินดียิ่งที่ทราบข่าวนี้ครับ
เอาไว้ผมเจอ อ. ทั้งสองแล้วจะบอกให้ท่านทราบครับ
ขอบคุณยิ่ง ผมมีผู้พิสูจน์อักษรแล้ว ฮา ๆ เอิก ๆ
ขอบคุณที่มาเติมเต็มและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
เช่นเดียวกันครับ คุณ ขจิต ฝอยทอง
ด้วยมิตรไมตรีที่ดีงาม
จาก...umi