นกแอ่นกินรัง หน้าแทรกที่ 4
ดูเหมือนเป็นหน้าแทรกที่ห่างไกลกับตัวนกแอ่นกินรังมากจัง
เพราะเรากำลังเขียนถึงสังคมของคน แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ มันเกี่ยวกันมากเลย อ่านต่อไปนะ
เมื่อวานนี้ ที่รอบรั้วมน. พิษ'โลก เป็นวันที่ฝนตกพรำมาตลอดครึ่งวันบ่ายจนถึงมืดค่ำ
เราออกมาจากมน. ขณะที่ฝนยังโปรยเม็ด เวลาทุ่มห้านาที กำลังจะเข้าสู่ถนนสายเอเซียหน้า มน.
เราเหลียวดูทางขวามือ เห็นรถตู้ที่กำลังขับมาช้าๆ จะเลี้ยวเข้า มน. แล้วไม่มีทีท่าว่าจะมีรถยนต์ใดอีก เนื่องจากเวลานี้มืดค่ำแล้ว
ถ้ามีรถยนต์ ก็จะต้องมีแสงไฟหน้ารถสาดมาก่อน แต่นี่ไม่มี เราเลยก็ขับตัดออกไปเลนขวามือสุดเพื่อไป U-turn
ฉับพลัน เห็นรถยนต์ขับตามรถตู้มา แต่อยู่เลนถัดไป ประมาณเลนที่ 3 เป็นเลนที่เรากำลังจะตัดไปสู่นั่นแหละ เราเลยกลับหน้ารถให้อยู่แค่เลน 1 ซ้ายมือสุด แบบกระทันหัน
รถคันนั้นวิ่งมากระชั้นชิดมาก ปิดไฟสนิท เขาปีบแตรสนั่นหวั่นไหว
ตกใจไหม แน่นอน แต่ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ไม่ชนเรา
ทั้งต้องขอโทษด้วย ที่ไม่ได้ดูให้แน่ใจอย่างน้อยสัก 5 นาทีก่อนออกไป เอาความเคยชินที่ใช้แสงไฟหน้ารถเป็นอินเด็กซ์
พร้อมๆ กับความตกใจ เราก็โมโหตะหงิดว่าทำไมประหยัดไฟแท้
ไม่ยอมเปิดไฟหน้ารถ แม้แต่ไฟหรี่ก็ไม่เปิด มาแบบมืดสนิทแบบนั้น ใครจะไปเห็นเนี่ย
การเปิดไฟหน้ารถ จะสิ้นเปลืองอะไรหนักหนาน้า?... เจอนักขับประหยัดไฟแบบนี้มามากแล้ว โดยเฉพาะตอนโพล้เพล้
ขอถามกันหน่อยเถอะว่าคุณพบนักขับแบบนี้บ่อยแค่ไหน และคุณคิดอย่างไร
เราอยากให้มีกฏหมายออกมาเลยว่า 6 โมงเย็นกึ่ง เป็นต้นไปขอให้พร้อมใจกันเปิดไฟหน้ารถ โถ..โถ นี่เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว แถมฝนตกอีกนะ
ขณะที่เราขับช้าๆ อย่างตกใจในเลน 1 ต่อไปนั้น เราก็เปิด-ปิดไฟหน้ารถสลับกันเป็นการเตือนเขาว่า คุณลืมเปิดไฟหน้ารถนะ แล้วถ้าคุณขับต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันอันตรายมากทั้งคุณและเพื่อนร่วมทาง
คุณไม่ใช่อย่างนกอีแอ่นนะ ที่มันมองเห็นได้ชัดในที่มืด หรือไม่มันก็มีอุปกรณ์เสริม ก็ใช้ระบบEcho มันจึงไม่เคยหัวโนในถ้ำมืด หรือในบ้านมืดเลย
แต่คนเรายามขับขี่บนท้องถนน นอกจากจะต้องระมัดระวังแล้ว คุณก็ต้องช่วยให้คนอื่นที่เขาระมัดระวังเช่นกัน ปลอดภัยด้วย
อย่าประหยัดไฟเลยค่ะ ชีวิตที่เหลือจะประหยัดไปด้วย
ครูเล็ก
(หมายเหตุ ท่านที่ต้องการอ่านบันทึก นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 14 กรุณา <Click>
ไม่มีความเห็น