งานมหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู๋ LO


สร้างบรรยากาศ Appreciation เพื่อให้ปล่อย TK ออกมา ทั้งผู้ฟังและผู้เล่าต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศแบบ relax สบาย สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน

                     วันที่ 21 ก.ค. 2549 ดิฉันเดินทางไปที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ด้วยความคุ้นเคยกับสถานที่ เพราะมีการจัดสัมมนาบ่อยครั้งที่นี่ แต่วันนี้บรรยากาศเปลี่ยนไป ดูคึกคักเป็นพิเศษ ขึ้นไปชั้นที่ 4 บริเวณจัดงาน เห็นบอร์ดนิทรรศการละลานตา มี 4 โซน คือ

                     1. ภาคีสนับสนุน สคส. สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยนเรศวร

                     2. kM กับการพัฒนาวิสัยทัศน์ร่วม จังหวัดชุมพร และกรมส่งเสริมการเกษตร

                     3. KM กับกระบวนการเรียนรู้     จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมราชทัณฑ์ และกรมศุลกากร

                     4. KM กับการพัฒนาบุคลากร     กรมอนามัย กรมชลประทาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน

                     5. กิจกรรม   Knowlege volution  มุมคลังความรู้ KM book center จัดบอร์ดให้สวยงาม มีรูปแบบเดียวกัน น่าอ่านและติดตาม สามารถสอบถามกับผู้อยู่ประจำบอร์ดได้ด้วย เป็นวงแลกเปลี่ยนที่คึกคัก มีเสียงพูดคุย หยอกเย้า ซักถามกันก่อนงานเริ่ม

                    การสัมมนาใช้เวลาเพียง 1 วัน

     ช่วงเช้า มีวงเสวนาโดย 3 สถาบันหลักที่ส่งเสริมและสนับสนุนจัดการความรู้ คือ ก.พ.ร. สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้ (สคส)   คือ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร.  ดร.พานิช เหล่าศิริรัตน์ ผอ.สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติและ  ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ผอ.สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้(สคส) ได้กล่าวนำการจัดการความรู้ไว้อย่างน่าสนใจว่าจะดำเนินการอย่างไรจึงจะสามารถดึงความรู้ในตัวคนออกมาเพื่อพัฒนาคน พัฒนางาน เพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

                   หลังจากนั้นแบ่งเป็น 3 ห้องย่อย เรื่อง KM กับการพัฒนาวิสัยทัศน์ร่วม     KM กับกระบวนการเรียนรู้ และ KM กับการพัฒนาบุคลากร ทั้ง 3 ห้องน่าสนใจหมดเลย   ดิฉันมีโอกาสเข้าร่วมกับห้อง KM กับกระบวนการเรียนรู้ มี 3 หน่วยงาน คือ กรมชลประทาน กรมอนามัย และสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน  รูปแบบทั้ง 3 หน่วยงานแตกต่างกัน น่าสนใจและน่าติดตามศึกษาต่อไป โดยของสำนักงานปลัดกระทรวงมีที่ปรึกษาจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์เป็นที่ปรึกษา ซึ่งมีหลายหน่วยงานมาบูรณาการงาน

     ช่วงบ่าย  มีการลปรร. 3 ห้องย่อยต่อ มีโอกาสเข้าย่อย มีโอกาสเข้าร่วมจ.ชุมพร ซึ่งมีหลายหน่วยงานมาบูรณางาน เน้นเป้าหมายหลักเดียวกันคือบรรลุ GAP และ food safety ด้วยกระบวนการ KM

    ช่วงสุดท้ายการสัมมนา  KM  สู่ LO ด้วย "KM inside"   โดย ดร.ประพนธ์ ผาสุกยืด ซึ่งเป็นการทำ KM ให้เนียนไปกับเนื้องาน ไม่แยกเป็นก้อน ๆ เป็น KM ข้างในองค์กร มี 3 กระบวนการและ 6 ปัจจัย บวกกับผลลัพธ์และผลกระทบที่ได้จากการทำ KM ซึ่งคุณนันทา ได้บันทึกไว้แล้ว

                           สุดท้าย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ได้สรุปการทำ KM ไว้อย่างน่าสนใจว่า

                      * การทำ KM เน้นความสำเร็จเล็ก ๆ มา ลปรร.ไม่เน้นปัญหา

                      * สร้างบรรยากาศ Appreciation เพื่อให้ปล่อย TK ออกมา ทั้งผู้ฟังและผู้เล่าต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศแบบ relax สบาย สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน

                     * การบันทึกเรื่องเล่า นำไปใช้ต่อตามบริบทของตน

                     * KM เป็น reuse นำไปใช้ต่อแบบปรับใช้ ผู้เล่า มีคนนำไปใช้ต่อ มีความสุขเกิดขึ้น

                    * การเปิดใจคนให้อยาก ลปรร. เปิดปาก เล่าสิ่งดี ๆ  เปิดหู ฟังแบบ deep listening   เปิดตา มองกว้าง ยอมรับ

                    * ใช้หลัก dialogue อย่าเพิ่งค้านเมื่อได้รับฟัง  แต่ใช้การถามเพื่อกระตุ้นผู้ฟัง หากฝึกได้จะเกิดประโยชน์มาก

                    และกล่าวว่าจะมีการจัดงานมหกรรม KM แห่งชาติ วันที่ 1-2 ธันวาคม 2549 ณ ไบเทคบางนา  เป้าหมายผู้เข้าร่วม 2,000 คน  มี 16 ห้อง ซึ่งจะมีความหลากหลายมาก

                     ตลอดช่วง 1 วัน รู้สึกเต็มอิ่มกับบรรยากาศ ผู้คน ความรู้ที่ได้รับและกระตุ้นให้อยากจะศึกษาค้นหาความรู้ของอีก 8 หน่วยงาน   ที่ได้รับการคัดเลือกมาเพิ่มเติมอีก  คาดว่าจะตรงกับที่ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ได้กล่าวไว้ในคำนำสูจิบัตรว่า "เวทีมหกรรม KM ราชการไทยครั้งนี้ จะเป็นการวางรากฐานและรูปแบบการจัดการความรู้ให้แก่หน่วยราชการ จุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ ส่งเสริมและสนับสนุน การพัฒนาส่วนราชการให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ "  เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนขบวนการจัดการความรู้ของสังคมไทยสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ต่อไป

                    ดิฉันลอง ARR  กับตนเองว่าการเข้าร่วมครั้งนี้ ได้มากกว่าที่คาดหวังไว้ คือ มีหลายหน่วยราชการมีรูปแบบที่น่าสนใจจะศึกษาเพิ่มเติม   ได้เครือข่ายหลายหน่วยงานที่มาดูนิทรรศการและ ลปรร.กับกรมส่งเสริมการเกษตร ได้ติดต่อของความร่วมมือและเป็นเครือข่าย เช่น กรมวิชาการเกษตร จังหวัดชุมพร จังหวัดนครนายก เป็นต้น จะทำอะไรต่อไปคงจะมีกิจกรรมที่จะต้องพัฒนาไปอีกมาก เพื่อให้องค์กรมีการพัฒนาเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีแต่ความสุขเกิดขึ้นในองค์กร รวมทั้งความคิดและการกระทำเชิงบวก ตลอดจนพัฒนาสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ต่อไป

                    ขอขอบคุณผู้จัดการครั้งนี้ที่ทำให้ได้อะไรมากมายเพียงแค่ 1 วันเท่านั้นเป็นสิ่งที่เกินความคาดหวังจริง ๆ หวังว่าจะมีการสัมมนาดี ๆ เช่นนี้อีก

    ธุวนันท์ พานิชโยทัย

    26ก.ค.2549

หมายเลขบันทึก: 40878เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2006 06:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท