ว่าด้วยความขัดแย้งใน Gotoknow สังคมอารยะ ต้อง “รู้จักรับฟังกัน”


อยากให้ “รู้จักรับฟังกัน” เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีการสื่อสารกัน มีการเอื้ออาทรกัน มีการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์ สร้างพลังบวกทวีคูณ (synergy) ก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง

ผมได้เขียนคุณูปการของ Gotoknow ในบันทึกที่ผ่านมา เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เป็นแบบนั้นจริงๆ

ครั้งนี้ผมมีปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นจริงโดยมี Gotoknow เข้าไปเกี่ยวข้อง

ช่วงเช้าวันหนึ่งมีโทรศัพท์จากพี่สาวที่เป็น ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง เล่าเรื่องบันทึกในGotoknow ของเพื่อนนักพัฒนาคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ที่พาดพิงและก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของเธอและองค์กร และสายๆวันเดียวกันก็มีโทรศัพท์จากน้องสาวอีกคนที่เป็นนักพัฒนาเอกชน โทรมาปรึกษาเรื่อง บันทึกใน Gotoknow ของที่พาดพิงและน้องสาวบอกว่าเหมือนถูกต่อว่าโดยตรงผ่านการเขียนบันทึกนั้น...!!!!!

เป็นเรื่องบังเอิญอย่างหนึ่ง คือ บันทึกทั้งสองบันทึกมาจากบุคคลคนเดียวกัน!!!

พี่สาว-น้องสาวเลือกที่จะโทรศัพท์มาคุยกับผมเพื่อระบายอารมณ์และบอกเป็นนัยๆว่าให้ผมคุยกับเพื่อนของผม (เจ้าของ Blog ต้นเหตุ) ให้ด้วย .....

ผมเข้าไปอ่าน Blog ที่ว่า หลายรอบ ซ้ำไปมา ผมไม่เห็นว่า บันทึกทั้งหลายใน Blog จะกล่าวหา หรือ พาดพิง 

...แต่ผมกลับมองว่า “นี่คือเป็นการวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์” หากมองในเชิงบวก

ผมมองว่าจะเป็นประโยชน์มากทีเดียวหากเรา    “รู้จักรับฟังกัน” คุณสมบัติแบบนี้เมืองไทยยังมีน้อยมาก ซึ่งเป็นทักษะการสื่อสารขั้นพื้นฐาน แทนที่จะ“แข็งกร้าวไม่รับฟังกัน”

อยากให้ “รู้จักรับฟังกัน” เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีการสื่อสารกัน มีการเอื้ออาทรกัน มีการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์ สร้างพลังบวกทวีคูณ (synergy)

เพื่อก้าวไปสู่สังคมอารยะแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง

หมายเลขบันทึก: 40191เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2006 02:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)
  • เยี่ยมมากเลยน้องเอก
  • คนเราหลากหลายอารมณ์
  • ต่างมุมมอง
  • เพราะ อัตตา
  • อยากให้หลายๆคนได้อ่านบันทึกนี้
  • เพื่อการพัฒนา สร้างสรรค์

เรียน ผอ.บวร

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แต่ละคนมี "อัตตา" ไม่เท่ากัน ผมอยากให้ทุกคนมีวัฒนธรรมที่ยอมรับ น้อมรับคำวิจารณ์เพื่อแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น อยากให้คิดว่า "ติเพื่อก่อ"  มากกว่าครับ

ขอบคุณ ผอ.บวร ครับ

     แน่นอนครับ ที่คุณจตุพรกล่าวนั้นชอบแล้วครับ เห็นด้วย 1 เสียงนะครับ "เราต้องรับฟัง และมองเห็นพลังความต่างในเชิงสร้างสรรค์"

พี่ชายขอบ

ขอบคุณครับที่มาให้ข้อคิดเห็น ประเด็นแบบนี้ผมว่า คนในBlog ควรที่จะรับรู้ และเรียนรู้ และจัดการกับอัตตา ซึ่งผมคิดว่าทุกคนมีอยู่แล้ว แต่อยากให้ มองเห็นพลังความต่างในเชิงสร้า้งสรรค์ ครับ 

      มีหลายคนหลีกเลี่ยงการเขียนบันทึกและการแสดงความคิดเห็น   ก็เพราะเกรงปัญหาเรื่องความขัดแย้งนี่แหละค่ะ     เนื่องจากว่าแต่ละคนมี "อัตตา"  แตกต่างกัน    ข้อเขียนเดียวกัน    คนหลายคนอ่าน   เข้าใจไปคนละแบบ   เพราะการทำความเข้าใจนั้นเอาประสบการณ์ส่วนตัวบวกเข้าไปด้วย
      สำหรับการวิจารณ์เชิงสร้างสรร (รวมทั้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหน่วยงาน)     มีบางคนบอกว่า  "ทำไมต้องไปเขียนใน blog   ทำไมต้องแสดงออกสู่สาธารณะให้คนอื่นเห็น  บอกกันภายในหน่วยงานก็ได้"     เรื่องนี้ยังคิดๆ อยู่ว่า  "เอาไงดี"    บางทีเลยต้องยั้งๆ  ไว้   อยากเขียนแต่ก็เขียนไม่ได้    เลยเลือกที่จะเขียนแต่เรื่องดีๆ     จนบางครั้งกลายเป็นโฆษณาหน่วยงานไปเลย...

มาร่วม Vote ให้อีก 1 เสียงครับ ...
      ความคิดความเห็นที่แตกต่าง ไม่ใช่ความผิดปกติ  ตั้งหลักดีๆ  ยิ้มนิดๆ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจแบบนิ่งๆ ไม่มีอคติ ต่อความเห็นที่ต่างจากเรา  ตรวจสอบจนเห็นตามเป็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร โดยยังไม่ต้องใส่ความรู้สึก  ก็จะได้อะไรดีๆเสมอ  บางครั้งอดขอบคุณความแตกต่างและเจ้าของความคิดนั้นๆไม่ได้  เพราะทำให้เราฉลาดเพิ่มขึ้นบ้าง  ทำอะไรได้ถูกต้องมากขึ้นบ้าง ฯลฯ

เป็นความคิดเห็นที่เยี่ยมสุด ๆ เลยครับคุณจตุพร

ความขัดแย้งทำให้เกิดความก้าวหน้า ถ้าเรารู้จักจัดการกับความขัดแย้งเหล่านั้น

ถ้าอย่างไรพวกเราต้องช่วยกันพูดและช่วยกันรับฟัง ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นก็ต้องช่วยเหลือกันครับ

เห็นด้วยครับ
เคยเจอคนที่ยอมรับฟังความจริงไม่ได้มาเหมือนกัน ดังนั้นผมต้องเลี่ยงๆ การพูดจาไว้แต่ที่นี่เป็นบล็อคการเรียนรู้ซึ่งจุดหมายก็ชัดเจนแล้วครับว่าเราเข้ามาเรียนรู้และพัฒนาตน หากไม่มีการยอมถูกติงเลยทุกอย่างก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าขึ้นครับ

ปล.อยากทราบวิธีใส่เคาร์เตอร์ตัวเลข+ใส่แฟลชครับว่าทำยังไง ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ

ขอบคุณท่าน Bloger ทุกท่าน ที่มาให้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน ์ตอกย้ำเรื่องของการน้อมรับฟังคำวิจารณ์

 เริ่มจาก พี่ Nidnoi

ผมคิดว่า การนำเสนอ การเขียน เป็นวัฒนธรรมที่คนไทยเราควรมีให้มาก เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่ปิดๆไว้ ยุคนี้สมัยนี้เป็น ยุคข่าวสารไร้พรมแดน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำคัญ (หากไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง) เพื่อเป็นการพัฒนาโดยรวม ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าไม่มีองค์กรใดประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง    โดยไม่มีปัญหาใดๆ

อาจารย์ Handy

ขอบคุณอาจารย์ครับสำหรับความคิดเห็นที่ผมอ่านแล้ว ยิ้มตาม ด้วยทัศนคติเชิงบวกทำให้เราได้โอกาสดีๆพัฒนาตนเองเสมอๆครับ

 อาจารย์ปภังกร ครับ

เห็นสอดคล้องกับอาจารย์ครับ เช่นเดียวกับพี่ชายขอบ บอกว่า พลังของความต่างในเชิงสร้างสรรค์

คุณจันทร์เมามาย

จะบอกว่าผมชอบ "นามแฝง" นี้มาก มันสะดุดตาผมตั้งแต่แรกเห็น

ผมเห็นด้วยกับข้อความที่ว่า  "หากไม่ยอมรับคำติติงก็ไม่มีการพัฒนาตนครับ"

ส่วนเรื่อง การตกแต่งบล็อก ทั้งหลายผมจะเขียนส่งเป็นอีเมลล์ให้คุณจันทร์เมามายโดยตรงนะครับ

 

 

 

คุณจันทร์เมามาย                               (ช่วงนี้เข้าพรรษา คงหยุดเมาแล้วนะครับ)

ผม ส่ง e - mail ไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าถึงหรือไม่     ผมให้ Link ของ อาจารย์ ดร.จันทวรรณ ที่เคยแนะนำไว้ที่

การเพิ่มเติมบริการเสริมต่างๆในบล็อก 

http://www.gotoknow.org/blog/tutorial/7169

ได้ผลยังไง นำมาแลกเปลี่ยนกันนะครับผม

ในเว็ป อื่นๆ  เช่น ลานธรรมเสวนา  pantip  หรือ แม้นแต่ใน managerroom.com ที่ผมดูแลอยู่    ก็จะเจอ โจทย์ แบบนี้ครับ

ข้อเสีย ของ ภาษาเขียน  คือ

(ก) คนที่อ่านแบบ จิตไม่ว่าง มีอคติ มีลำเอียง มีนิวรณ์  มีวิตก มีวิจารณ์ ฯลฯ  จะ อ่านแบบลวกๆ ข้ามๆ  ยิ่งตัวอักษร เล็กๆ   สีสับสน มีมากไป น้อยไป  ก็จะยิ่งไม่ตั้งใจอ่าน  เดาๆ สุ่ม  แล้วใช้ Reactive ตอบ แทนที่จะ ใช้ Proactive

(ข) พฤติกรรมของคนสำคัญที่สุด   ดังนั้น พวกผมที่ ปูนฯ แก่งคอย ท่าหลวง เขาวง (ตราเสือ ตราช้าง)  ก็จะเน้น  การปรับพฤติกรรม (สันดาน)  ด้วยการ สอดแทรก ธรรมะ แนวใหม่ ที่ ผู้เรียนไม่รู้ตัว  เป็นแบบ constructionism learning

ผม คุยกับ พวกปูนฯ เสมอว่า   ทำ KM คือ การเก็บผลไม้  การขายผลไม้  โดยผลไม้ก็คือ "ความรู้"

การทำ LO  คือ การทำเกษตรกรรม เพื่อให้ได้ผลไม้นั้นๆ 

เขียน Blog ถ้าเขียนแบบไม่เปิดใจ  ก็แค่ เอาผลไม้มาวางขาย    ยังไม่เกิดกระบวนการเรียนรู้

(ค) ในเว็ปต่างๆ  webmaster ก็จะดู  พฤติกรรม ที่ไม่พึงประสงค์   และ ลบออกไป  ตักเตือน  

******************

ความรู้สึก ที่ผมมีต่อ เว็ป gotoknow คือ  ต่างก็ ปะๆๆๆๆ   เขียนๆๆๆๆๆ  การตอบสนอง แลกเปลี่ยน จริงจัง น้อยกว่า ใน pantip (จตุจักร ศาสนา ฯลฯ   )  ...น้อยกว่า เว็ปพวกนักปั่นจักรยานเสือภูเขา.....

บ้างก็คาดหวังว่า จะมีใครอ่านไหม   แต่ก็ไม่รู้มีใครอ่านไปเท่าไร 

บ้างก็เขียนเพื่อ จะเอาผลงาน  ดูดีมีชาติตระกูลที่ได้มี blog  ฯลฯ

บ้างก็เขียน ด้วยใจรักจริงๆ  "ฉันจะเขียน มีอะไร ป่าว"

*********************

ยังไง ก็ดีกว่า ไม่มีใครเขียนครับ 

ผมใช้เวลา หลายปี   ศึกษาดูพฤติกรรมคนที่เข้ามาตอบในเว็ปต่าวๆ ทั้ งPantip  ลานธรรม  ฯลฯ

พบว่า มีการ กระแทกกันในเว็ปแรงมาก ถ้าเป็น ศาสนา การเมือง

และ ที่ๆใด มีคนมีอัตตามากๆ ก็จะ กระแทกกันมาก เช่น ครู  แพทย์  (ครูของแพทย์ไม่รู้จะแรงไหมหนอ) ฯลฯ 

แต่เว็ป  อย่าง  ฟุตบอล  กำลังภายใน  กล้อง  จักรยาน ฯลฯ  ที่ผมเข้าบ่อยๆ   น่ารักครับ   น่ารักโดยไม่ได้สั่งสอน  แซวกันแรง แต่ ก็รักกันครับ

 

 

  • มา Vote ให้อีก 1 เสียง มัวแต่ทำงานอยู่
  • เกือบมาช้าแล้วไหมละ
  • ต่ออาจารย์ไร้กรอบที่เคารพพอดี ครูด้วยหรือครับ น่ากลัวจังเลย  ผมจะโดนไหมเนี่ย...

อาจารย์คนไร้กรอบ ครับ

ขอบคุณมากและเป็นเกียรติมากครับสำหรับความคิดเห็นของอาจารย์ 

การไม่เปิดใจเมื่อเขียน Blog ก็ไม่เกิดการเรียนรู้จริงๆ ไม่เกิดแล้วยังสร้างความเครียดให้ตนเองด้วย เพราะยอมรับความจริงที่หลากหลายไม่ได้

ผมคาดหวังให้ชุมชน Gotoknow เป็นที่ๆ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่หลากหลายประเด็น และ คนที่มาแลกเปลี่ยนใช้วิธีคิดเชิงบวกในการแสดงความเห็น มองความต่างเป็นธรรมชาติที่เป็นอย่างนั้นเอง...

แตกต่าง...หลากหลาย  สิครับ มันสวยงาม

บางทีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน เวปบอร์ดที่ประกอบด้วยผู้คนฉาบด้วยอัตตา ที่มีการกระแทกแรงๆ ก็ดี ที่จะมีโอกาสได้มองวิถีของคน วิถีคิด...แบบสดๆ เมื่อมีใครสักคนกระโดดเตะก้านคอ เจ้าอัตตา แบบจังๆ

เอ...แต่คนใน Gotoknow รักกันมั้ยนะ ???

อาจารย์ขจิต

ขอบคุณครับอาจารย์ ที่ฝากร่องรอยไว้...มาVote นี่เห็นชอบกับบันทึกใช่มั้ยครับ?? หรือเห็นชอบที่อาจารย์คนไร้กรอบบอกว่า "ที่ๆมีผู้คนมีอัตตามาก การกระแทกก็จะมีแรงมาก"

(อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ) 

เห็นด้วยค่ะ    ดิฉันเวลาถูกลูกน้องต่อว่าก็เก็บมาพิจารณาและพัฒนา     ก็เท่านั้นค่ะเพราะเราไม่ใช่เทพจะได้ดีไปเสียทุกอย่าง
  • เห็นด้วยกับน้องครับ
    • เอามาฝากมาจากคุณลิขิต ครับ
    • ลิขิต เมื่อ ส. 22 ก.ค. 2549 @ 21:16
      ถ้าคุณเอื้อท่านใดสนใจ คุณอำนวยมือใหม่ ที่ชอบจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบแปลกๆ เชิงผสมผสานศิลปะและตรรกะ ทางความคิด มีความสามารถหลายอย่าง ประเภท HRD Culture Change เป็นต้น ไม่เก่ง นะคะ แต่เป็น... และพยศถึงสิ้นปี คงเป็น คุณเอื้อ ได้ในปีหน้า หลังจาก เป็นคุณอำนวยแล้ว ตอนนี้ เป็นคุณลิขิตอยู่ค่ะ เป็นคุณอำนวยฝึกหัดบ้าง เชิญติดต่อด่วนนะคะ ที่ [email protected] หรือ 09-4821717 ถ้าต่อจิ๊กซอติด จะเกิดผลงานสร้างสรรค์ในเร็ววันค่ะ ขอบคุณคุณขจิตนะคะ ยุขึ้นดีไหมคะ? นี่คือ ผลอย่างหนึ่งที่มีคุณค่า ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีเสมือนของชุมชนเราค่ะ

 ขอบคุณคุณจตุพรมากครับ
ได้รับอีเมล์เรียบร้อยแล้ว กำลังทดลองทำอยู่ครับ ได้ผลยังไงเดี๋ยวจะบอกอีกที

ส่วนที่ถามว่าคนในนี้รักกันไม๊ อันนี้ต้องดูนานๆ นะครับ รักกันแบบไฟช็อตจะอยู่ได้ไม่นาน

หมายเหตุ จันทร์เมามาย ชื่อนี้หมายถึงจันทร์บนฟ้านะครับ ไม่ใช่วันจันทร์ (จึงไม่ได้เมาทุกวันจันทร์แต่เมาทุกวันที่มีพระจันทร์...เอ้ย ไม่ใช่) คำว่าเมามายในที่นี้ก็ไม่ได้หมายถึงดื่มสุราอย่างเดียวครับ หมายถึงการหลงใหล งมงายด้วย และตัวผมติดเสน่ห์ในดวงจันทร์เข้าเลยตั้งชื่อนี้ออกมาครับ

ตามที่อาจารย์คนไร้กรอบว่าไว้ ทำให้ผมนึกได้ว่าอนาคตบล็อคของพวกเราน่าจะมีการแบ่งบล็อคหมวดหมู่เหมือนกับในเว็บ Pantip บ้างน่าจะดีเพราะจะได้ค้นหาได้ง่าย เช่น กลุ่มสุขภาพ กลุ่มอาจารย์ เป็นต้น เพราะป้ายที่ทุกคนใช้ทุกวันนี้ต่างคนต่างคิด จึงค้นหารวมกลุ่มได้ยาก

บล็อกที่จะเกิดการเรียนรู้ได้ ต้องแสดงความรู้ออกมาให้คนอื่นต่อยอดได้ ยิ่งคนที่ทำเว็บบล็อคในนี้ผมเชื่อว่าจะต้องมีความรู้เฉพาะทางไม่มากก็น้อย และอีกอย่างผมว่าคนในนี้จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ทางจิตใจ ทำให้คาดหวังได้มากนะครับในสายตาของผมเพียงแต่ช่วงนี้อาจยังจับหากลุ่มไม่เจอเท่านั้นเองครับ

 

คุณจันทร์เมามาย

 แซวครับ แซว ....เมาจันทร์ ก็เลย เมามาย ก็ดูโรแมนติคดีครับ...ว่างๆชวนมาเมาพระจันทร์กันที่บนดอยแม่ฮ่องสอนครับ

 ผมคิดว่า Blog แบ่งเป็นหมวดหมู่ดีครับ ดูง่ายดี แต่ดูเป็นการจำเพาะเจาะจงเกินไป ดูเหมือนไม่อิสระ (ความรู้สึก)แต่ Gotoknow ก็มีการใช้เทคนิคป้าย ก็คิดว่า ก็สะดวกดีเช่นกัน

ผมเห็นความรู้ Tacit knowledge ที่แต่ละท่านมีแล้ว โชคดีเหลือเกินที่ได้ร่วมเรียนรู้กับท่านเหล่านี้ 

สำหรับคุณจันทร์เมามาย  ผมเห็นประโยชน์อย่างมาก หาก Tacit knowledge เกี่ยวกับ เรื่องของ "ยา" จะนำออกมาแลกเปลี่ยนกับสาธารณชนมากขึ้น

ผมเข้าใจว่าเรื่อง "ยา " ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา S/E ที่เกิดจากการใช้ยา หรืแองค์ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องเภสัชเวท เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ผมขอให้กำลังใจครับผม 

อาจารย์อัจฉรา

หากคนเรายอมรับตัวเองว่า เราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ก็จะยอมรับข้อวิจารณ์ของคนอื่นได้

ผมก็เช่นกันครับ ก็ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องส่วนตัวก็มาก แต่ที่ดีกว่านั้นก็คือ การรู้เท่าทันสิ่งที่บกพร่อง และยอมรับ และนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองครับ

ขอบคุณครับอาจารย์ 

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ เรื่องยานี้ผมกำลังคิดอยู่ครับ เพียงแต่กำลังหาวิธีที่ทำให้คนที่ไม่คุ้นเรื่องยามาก่อน ให้เข้าใจในเรื่องดังกล่าวได้ง่ายนี่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยครับ ขอเวลารวบรวมความคิดให้มากกว่านี้อีกนิดครับ


ผมไม่ได้ว่า ป้าย นั้นไม่ดีนะครับ เพียงแต่ผมรู้สึกการจัดให้ทำป้ายอิสระนั้นจะทำให้มันกระจัดกระจายไปในช่วงแรก เปรียบเหมือนทรายขวดโหลหนึ่งแทนี่จะอัดเต็มในขวดแต่กลับกระจัดกระจายบนพื้นไม่รวมตัวกันจะได้ประโยชน์น้อยครับ การให้อิสระนั้นผมว่าต้องควบคุมไปกับการให้ความรู้และระเบียบวินัยไปในตัวด้วย
(ผมอาจเข้มงวดไปกระมัง แต่ผมคิดเช่นนี้จริงๆ)
ยกตัวอย่าง ผมหาป้าย เภสัชกรด้วยกันก็พบว่าน้อยน่าใจหาย มี 2 ป้ายเองครับ...ทั้งๆ ที่มีเภสัชกรอยู่ในนี้หลายสิบคนแต่ท่านทั้งหมดคงไม่นึกถึงป้ายดังกล่าว แต่ทำป้ายเฉพาะในหัวเรื่องของท่าน
การแบ่งหมวด คล้ายๆ กับเป็นการมีป้ายบังคับอย่างน้อย 1-2 ป้ายครับอย่าง อาชีพ/ผลงาน/ที่อยู่/การศึกษาคนเขียนบล็อคนี้ก็บอกอะไรเราหลายอย่างแล้วครับและทำให้เราหาบล็อคที่ต้องการง่ายขึ้น

ปล. เรื่องไปเมามายบนดอยนี่ จะลองคิดดูนะครับ ช่วงนี้งานรุมเร้าเพราะใกล้เวลาตรวจคุณภาพสถาบันต้องหาเวลาว่างหลายๆ วันหน่อยจะได้เมามายหลายๆ อย่างได้ครบจอก :-)

คุณจันทร์เมามาย 

ครับ จะรอ ชนแก้วสัก พันจอก (น้ำชาครับ) ท้าลมหนาวที่ดอยสูงแม่ฮ่องสอนครับ...ปลายฝนต้นหนาวที่นี่ มีจันทร์ที่สวยกว่ากรุงเทพ หรือที่ใดๆครับ

ครับ เรื่องของป้าย ผมคิดว่า น่าจะมีการพูดคุยกันให้ละเอียด ว่าบันทึกใด ชุมชนใด ควร ที่จะทำป้ายอย่างไร เพื่อให้สะดวกและเข้าใจร่วมกัน เป็นสากลด้วยครับผม

  • เห็นด้วยครับ
  • ปัญญาจะเกิดได้ก็เริ่มต้นที่การฟัง(สุ)ครับ

ขอบคุณพี่สิงห์ป่าสัก

 ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ ในบอร์ดGotoknow ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ครับแม้กระทั่งการเฝ้าดูจริตคนที่ยังติดกรอบอยู่บ้าง มีอัตตาที่เกรอะกรัง 

แต่ในที่สุดแล้ว การแลกเปลี่ยนที่มีบรรยากาศแห่งการชื่นชม และยินดีใน Gotoknow จะคงเหลือคนๆกลุ่มหนึ่งที่เชื่อในพลังของ"การคิดเชิงบวก" และกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ สมานฉันท์

บางทีต้องใช้ "สติ" พอสมควรกับวิธีคิดบางอย่างของเรา (ของผมด้วย)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท