ทำไมเด็กไทยจึงไกลวัด คำถามนี้ได้ถูกถามกันมาในหมู่ผู้สูงวัยในสังคม ว่าทำไมเด็กหรือวัยรุ่นในสังคมไทยในปัจจุบันถึงไม่สนใจพระพุทธศาสนา ทั้งๆที่ตนเองนับถือศาสนาพุทธ
เพราะเด็กนักเรียนเดี๋ยวนี้ เสาร์-อาทิตย์ต้องเรียนพิเศษ หากช่วงเทศกาลวันสำคัญ ก็ยังมีการเรียนชดเชยอีก ทางเดียวที่จะทำให้เด็กเข้าวัดได้ ก็คือ 1 คนในครอบครัวต้องพาไป 2 ร.ร.จัดให้น.ร.ได้เข้าวัดประกอบศาสนกิจ เด็กจะได้ผูกพันกับวัดค่ะ แต่ที่ไม่ควรลืม พวกผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเข้าวัดเลยค่ะ
วัดไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเด็ก ๆ ครับ
ครอบครัวไม่เคยพาไป ครอบครัวไม่ได้ปลูกฝังว่าคนไทยต้องทำนุบำรุงพุทธศาสนา
สังคมรอบตัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับวัด
ภาพที่เห็นส่วนใหญ่พระทำตัวไม่ดี ติดยาเสพติด ผิดศีลอาบัติ
ไปวัดเป็นเรื่องเชย เพื่อนหัวเราะ(เยาะ)
* เหมือนกับคุณพลายครับ วัดไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเด็ก นอกจากไม่น่าสนใจแล้วยังน่าเบื่ออีกครับ เด็กจะไปวัดเมื่อมี "งานวัด"
* ผมอ่านเจอ วัดที่ใหนสักแห่ง มีของเล่น มีหนังสือสนุกๆ ให้เด็กอ่าน มีกิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กที่จัดโดยพระ (สอนธรรมะ ให้เป็นเรื่องสนุก) วัดนี้ เด็กชอบมาครับ
การที่เด็กหรือเยาชนไทยไม่สนใจในพระพุทธศาสนา อาจจะเป็นเพราะสาเหตุหลายประการ เช่น
1. คำสวดในศาสนาเป็นคำที่มาจากภาษาบาลี ซึ่งยากแต่การอ่าน ท่อง และทำความเข้าใจในความหมาย พุทธศาสนิกชนทั่วไป น้อยคนที่รู้ว่าคำสวดที่สวดออกไปในแต่ละคำแต่ละประโยคหมายความว่าอย่างไร เมื่ออ่านไม่ออก ท่องไม่ได้ และไม่เข้าใจในความหมายจึงทำให้เบื่อที่จะเรียนรู้หรือศึกษา ประกอบกับหาผู้ที่มีความรู้จริงๆในภาษาของคำสวดมาอธิบายก็ยากเต็มที แม่กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้าที่เป็นพุทธสาวกเอกบางรูปก็ยังไม่รู้หรือรู้แบบไม่พอที่จะบอกต่อหรือสอนใครได้
2. กุศโลบายที่ใช้ก็ล้าสมัยเต็มที เป็นที่เข้าใจว่า ศาสนาส่วนใหญ่ในโลกเกิดขึ้นในสมัยที่เรียนว่ายุคเทวนิยม ดังนั้น ความเชื่อ พิธีกรรม และคำสอนบางอย่างต้องอิงความเชื่อทางด้านภูตผี ปีศาจ เทวดา หรือเทพเจ้า เพื่อให้คนในสมัยนั้นมีความเชื่อความศรัทธาในองค์พระศาสดา ง่ายต่อการเผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอน แต่ในปัจจุบันหาใช่ยุคเทวนิยมแล้วไม่ การที่ยังยึดถือภูตผี ปีศาจ เทวดา หรือเทพเจ้า กลายเป็นเรื่องไร้สาระ คำสอน หรือพิธีกรรมบางอย่างในพระพุทธศาสนาจึงใช้ไม่ได้ในสมัยนี้ที่เรียกว่ายุควิทยาศาสตร์
น่าเสียดาย ทั้งที่จริงถ้าหากเราไปพิจารณาคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่าคำสอนเกือบทุกอย่างทันสมัยเข้ากับยุควิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเกือบทั้งสิ้น จนอาจจะกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่อยู่ในกลุ่มอเทวนิยม ก็อาจจะเป็นได้
3. ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวกเป็นผู้ทำหน้าที่สั่งสอนพระธรรมของพระพุทธองค์อย่างพระสงฆ์ บางรูปก็ทำตัวเองไม่เหมาะสม ไม่เป็นสมณะที่ควรแก่การกราบไหว้ กล่าวคือ เป็นคนไม่อยู่ในศีล ไม่ทำตามกรณียกิจ 4 ประการที่สงฆ์พึงกระทำ พูดจาไม่เหมาะสม อยากได้ใครมีในโลกวัตถุ จนไม่น่าเลื่อมใสศรัทธา เป็นต้น
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สามารถมาอธิบายได้ว่าทำไม่เด็กและเยาวชนของเราจึงไม่ค่อยมีความสนใจในพระพุทธศาสนา จนมอกกันว่าเด็กสมัยนี้เป็นคนไกลวัด
หากท่านทั้งหลายผู้อยากเห็นพระพุทธศาสนา มีความเจริญวัฒนาถาวร อยู่คู่กับปนะเทศชาติของเราต่อไป ก็จงช่วยกันต่อเติมประเด็นนี้ให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อมีใครสักคนเวียนมาอ่านเจอแล้วนำไปคิดและกระทำอย่างถูกต้อก็นับว่าจะเป็นอานิสงค์ ต่อพวกเราทั่งหลายชั่วกาลนาน