สืบเนื่องจากอนุทิน @67995 ... ที่ผมได้เขียนไว้ระหว่างการสอนนักศึกษาระดับ ป.บัณฑิตวิชาชีพครู รหัส 53 ซึ่งเป็นกลุ่มคุณครูโรงเรียนโปลีเทคนิคลานนา เชียงใหม่ ซึ่งจะเรียนกันทุกวันพุธ ยามค่ำเช่นนี้
การสอบกลางภาคของมหาวิทยาลัยเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน เริ่มสอนก็ห้องนี้ทันที ทำให้ผมต้องคิดหนักว่าจะสอนเนื้อหาอะไรดี หรือใช้กระบวนการใดดี เพราะคุณครูเหล่านี้ ล้วนแต่มีประวัติและความชำนาญเกี่ยวกับวิชาทางสายเทคนิคอย่างโชกโชน เช่น จบวิศวกร สถาปัตยฯ การตลาด ท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
สิ่งที่ผมนึกถึงมีอยู่ 2 กระบวนการ คือ พรุ่งนี้เป็นวันแม่ (12 สิงหาคม 2553) การเสริมสร้างคุณธรรมควรจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เรียกว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ผมควรจะเลือกใช้วีดิทัศน์คุณหมอพงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ดีไหม ?
หรือ ผมจะเลือกสอนเนื้อหาที่เข้มข้นในวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษานี้ไปเลย ?
แต่ก็มีเพื่อนอาจารย์มาทักว่า คุณหมอพงศ์ศักดิ์ดีกว่า เพราะพรุ่งนี้วันแม่แล้ว
ผมเองก็ไม่มั่นใจว่า จะใช้วีดีทัศน์ชุดนี้แล้วบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจที่จะลองดูครับ อยากทราบผลที่เกิดขึ้นเช่นกัน
เริ่มเรียน 18.00 น.
ผมเริ่ม ... เก็บตกเนื้อหาและชิ้นงานที่ผ่านมาก่อน แล้วเช็คชื่อ และในระหว่างเช็คชื่อ ผมแอบเห็นคุณครูผู้หญิงคนหนึ่งใส่กางเกงยีนส์เข้ามาเรียน ซึ่งผมเคยแจ้งไว้ในแนวการสอนแล้วว่า ไม่ควรใส่ ...
ผมจึงเม้งขึ้นมาทันทีว่า ใครให้ใส่กางเกงยีนส์มา ? ใส่ได้หรือ ? แนวการสอนของครูเขียนว่าอย่างไร ?
คุณครูผู้หญิงคนนั้นหน้าเสียและไม่สบอารมณ์อย่างมาก ผมดูจากสายตาก็พอจะเข้าใจอารมณ์ถูกดุได้
ผมเลยพูดเบี่ยงประเด็นให้เบาลงว่า ท่านอาจารย์ทั้งหลายครับ เคยเห็นครูดุครูไหม นี่แหละคือครูดุครู แต่ผมก็ยังเตือนไปว่า คราวหน้าผมตัดคะแนนแน่
ผมเริ่มกระบวนการให้นักศึกษาชมวีดีทัศน์คุณหมอพงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา โดยเกริ่นนำเรื่องราว ประเด็นหลัก ๆ ก่อนการชม และการปฎิบัติตัวในระหว่างการชม
เวลา 18.30 น. เริ่มฉาย และ จบ เวลา 20.30 น.
ความแตกต่างระหว่างนักศึกษาปริญญาตรีวัยใส กับ คุณครูกลุ่มนี้ คือ คุณครูกลุ่มนี้มีมาดและเปลือกเยอะตามวัยและประสบการณ์ หัวเราะยากกว่า หากเศร้าก็ต้องมีปกปิด เก็บกดเอาไว้
เมื่อจบ ...
ผมให้คุณครูเขียนความรู้สึกที่มาจากใจลงในแบบวิเคราะห์เนื้อหาทันที โดยเน้นการเขียนจากใจ ไม่สนใจวิชาการ และเน้นว่า ให้คุณครูทั้งหลายในห้องนี้ โปรดนำหัวโขนและเปลือกนอกออกมาไว้ก่อนเขียน ให้เขียนในฐานะคนเป็นลูก มิฉะนั้น ผลที่ได้จะไม่เป็นไปตามที่วางเอาไว้
หากผมไม่แจ้งเช่นนั้น จะมีหลายคนที่เขียนในมุมมองของคนเป็นครูที่มองสังคมในโรงเรียน หรือไม่มองในฐานะผู้บริหาร อะไรแบบนี้ แล้วจิตสำนึกจะเกิดตรงไหน จิตสำนึกต้องเกิดจากใจของตัวเองก่อนเท่านั้น
ผมให้เวลา 20 นาที แล้วจะพูดสรุป ...
ผลที่ผมสังเกตด้วยสายตาและประสบการณ์ ...
มีการแอบเช็ดน้ำตาที่เอ่อในหลาย ๆ คน เขียนไปร้องไห้ไปก็มี แต่เนื่องด้วยเขาเป็นโรงเรียนเดียวกัน ทำให้การร้องไห้ไม่เป็นที่เปิดเผยนัก เพราะอายซึ่งกันและกัน เรียกว่า เปลือกยังคงมีอยู่บ้าง
เมื่อหมดเวลา ผมให้เขาส่งแบบวิเคราะห์ฯ แล้วผมทำการพูดสรุปให้พวกเขาฟังในหลาย ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็น มิติของการใช้สื่อ มิติของความเป็นครูที่ต้องสอนลูกศิษย์ มิติของความเป็นลูกที่ดีที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่
มิตินี้ผมเล่ากรณีศึกษาที่เกิดขึ้นไว้ตามประสบการณ์ของผม ปรากฎว่า หลายคนน้ำตาซึมและไหลออกมา ผมเชื่อว่า คุณครูเขาเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการให้เขาได้รับรู้ว่า ผมกำลังสอนอะไรพวกเขาอยู่
ในระหว่างการนั่งอ่านอย่างคร่าว ๆ ภายในห้องพักอาจารย์ของผม ผมก็อ่านไปเรื่อย ๆ พบคุณครูท่านหนึ่ง ตั้งชื่อเรื่องว่า "11 สิงหาคม วันของใคร?"
ผมเลยลองอ่านอย่างละเอียดขึ้น เพื่อต้องการทราบเนื้อหาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ลองอ่านตามผมดูนะครับ ...
โดยสรุปครับ ... วันที่กำลังชมวีดิทัศน์ คือ วันที่ 11 สิงหาคม 2553 เป็นวันเกิดของคุณครูท่านนี้พอดี และนัดเพื่อนเลี้ยงฉลองวันเกิดของตัวเองหลังเลิกเรียนค่ำนี้อีกต่างหาก
ทั้ง ๆ ที่แม่กำลังป่วยมาก แต่แม่ยังปกปิดอาการป่วยนี้ไม่ให้ลูกไม่สบายใจ เธอได้นั่งร้องไห้ไปแล้วด้วยที่โรงเรียน แต่การทราบข่าวอาการป่วยของแม่นั้น ไม่ได้ทำให้คุณครูเกิดจิตสำนึกในสิ่งที่ลูกควรทำเพื่อแม่เลย จนกระทั่ง เธอได้ชมวีดิทัศน์ชุดนี้
อีกทั้ง พรุ่งนี้ยังเป็นวันแม่แห่งชาติอีก ...
ปัจจัยหลาย ๆ ด้านที่กล่าวมานี้ มันทำให้คุณครูท่านนี้ร้องไห้ออกมา และเขียนแบบวิเคราะห์มาให้ผมได้อ่าน
นี่คือ จิตสำนึก และนี่คือ ผลที่ต้องการตามวัตถุประสงค์ที่ผมวางไว้ตั้งแต่แรก
เพียงแต่ไม่นึกว่า อะไร ๆ มันจะมาประจวบเหมาะกันขนาดนี้เท่านัน
ขอเป็นกรณีศึกษาที่ประทับใจกรณีหนึ่งครับ ;)
เมื่อผมอ่านแบบวิเคราะห์นี้จบ ผมจึงอยากทราบว่า คุณครูท่านนี้คือใคร ชื่ออะไร
พอเห็นชื่อแล้วก็ต้องตกใจว่า โห กรรมติดจรวด เธอก็คือ คุณครูที่ถูกผมดุไปในเรื่องใส่กางเกงยีนส์เข้ามาเรียน และทำหน้าทำตาไม่สบอารมณ์คนตะกี้
ที่แท้คุณครูต้องการใส่กางเกงยีนส์เพื่อไปเลี้ยงฉลองวันเกิดกับเพื่อนต่อ ...
ดังนั้น คำลงท้ายในแบบวิเคราะห์ที่ว่า "ขอบคุณอาจารย์.......... ค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ"
มันเป็นคำขอบคุณที่มาจากหัวใจที่รักแม่ของเธอและรู้สำนึกภายในไม่ถึง 2 ชั่วโมงนี้
มิน่า ผมอยู่ข้างหลัง ผมสังเกตเห็นคุณครูท่านนี้นั่งก้มหน้าร้องไห้ ที่แท้ก็มาจากสาเหตุนี้นี่เอง
แล้วคุณล่ะครับ ... วันนี้คุณยังฉลองวันเกิดของตัวเองอยู่หรือเปล่าครับ ?
"วันเกิดของลูก คือ วันคล้ายวันตายของแม่เรา"
จำไว้ให้ดีครับ
บุญรักษา ลูกกตัญญูทุกท่าน
รักแม่ครับ ;)
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Wasawat Deemarn ใน มหาวิทยาลัยชายเขาของคนชายขอบ
สวัสดีค่ะwas.
อ่านแล้วเห็นภาพตามเลยค่ะ
ถ้าบ้านเขาอยู่ใกล้ๆคงยกเลิกงานเลี้ยงแล้วกลับไปหาแม่แน่ๆ
แสดงว่าวิดีทัศน์ชุดนี้บรรลุวัตถุประสงค์เกินคาดใช่ไหมค่ะอาจารย์
อีกหลายๆคนคงคิดได้กับการฉลองวันเกิดว่า จะทำอะไรดีที่เหมาะที่ควรและมีความสุขมากกว่าการสังสรรค์กับเพื่อนๆค่ะ
ขอให้อาจารย์มีความสุขกับคุณแม่ในโอกาสพิเศษวันแม่นี้นะคะ