ความยิ่งใหญ่…ของความรู้สึกที่เสียไป


“ถึงทำตอนนี้ก็ไม่สามารถเรียกความรู้สึกที่เสียไปนั้นกลับคืนมาได้แล้ว”

     บางครั้งบางคราว หรืออาจจะหลาย ๆ คราวเลยทีเดียว ที่เราแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเราได้เป็นผู้กระทำการใด ๆ (ประมาท เลินเล่อ) หรืออาจจะนิ่งเฉยไม่ยอมกระทำการใด ๆ ลงไป (เฉยเมย) จวบจนเราได้มาล่วงรู้ว่า ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความรู้สึกที่แย่ ๆ เอากับเพื่อน มิตรสหาย หรือคนที่เรารัก อย่างจัง(แรง) เข้าให้แล้ว จนถึงกับมีคำพูดคล้าย ๆ กับว่า “ถึงทำตอนนี้ก็ไม่สามารถเรียกความรู้สึกที่เสียไปนั้นกลับคืนมาได้แล้ว” มันน่าเศร้าเอามาก ๆ หากไม่เกิดกับใครโดยตรง และจะคงนึกภาพความเสียใจไม่ออกเอาเสียเลย

     มีมากมายเหลือเกินที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อลงไปแล้ว หรือนิ่งเฉยไม่ยอมกระทำใด ๆ จนก่อเกินเป็นสนิมใจ ปฏิกิริยาที่มีต่อกันกลับทวีความรุนแรงขึ้น เพียงเพราะไม่ได้เปิดใจบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อกัน ด้วยความจริงใจ หากเพียงได้ปริปากพูดบอกกัน อย่างน้อยก็ทำให้ทราบร่วมกัน จะเจตนาหรือไม่ หรือมีเหตุผลอย่างไร เหมาะสม สมเหตุสมผลหรือไม่ ใช่เรื่องที่จะรีบพิจารณา อาจจะต้องไต่ตรองได้ในภายหลัง โดยใช้ความรู้สึกรัก ผูกพัน เคารพกันและกัน ว่ายังคงเหลืออยู่ไหม สุดท้ายอภัยให้กัน ย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด

     เพราะความรู้สึกดี ๆ นั้นได้สูญเสียไปแล้ว แม้จะยังซาบซึ้งในรัก ด้วยความเคารพ หรือยังหวังดี อยู่เช่นเดิม และจะยังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลงไป จะเป็นคำกล่าวที่กล่าวออกมาบ่อยแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่ด้วยมองว่าความรู้สึกที่เสียไปนั้น เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ อยากร้องให้ เสียใจในบางอารมณ์ที่นึก ๆ วูบ ๆ เข้ามาในบางห้วงเวลา ก็คงเหมือนเหล็กที่สนิมชอบเกาะกินกัดกร่อนให้ผุพัง หากเพียงแต่เราได้ช่วยกันชโลมน้ำมันเพื่อกันไว้ โดยไม่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรม(ชาติ)จนเกินไป

     ด้วยเพราะเราต้องการความเป็นเหล็กที่แข็ง เหนียว และมั่นคง เราจึงต้องหมั่นดูแลกันและกันในปัจจุบันมากกว่า อย่าได้ปล่อยปละละเลยจนยากที่จะเยียวยา โดยผ่านเวลาไปเรื่อย ๆ หันหน้ากลับมา รักษาระยะห่างให้พอเหมาะ และเยียวยาดูแลกันดี ๆ เสียตอนนี้ในทันทีที่ระลึกได้ดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่เสียไปกว่าที่เสีย เหล็กที่สนิมกินจนกร่อน ไม่สามารถนำมาหลอมเป็นเหล็กใหม่ได้ หากจะงอคดผิดรูปไปบ้าง เพราะผิดพลาด ยังคงหลอมใหม่ ให้เป็นเหล็กได้เช่นเหล็กเดิม หลอมใจก็เช่นนั้น

     บันทึกนี้ไม่สามารถที่จะลงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่บันทึกไว้สอนตนว่าได้เรียนรู้ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ ในสิ่งเล็ก ๆ ที่เฉยเมยไม่ใส่ใจกัน กลับปล่อยให้วันเวลาผันผ่านไป แม้ไม่ได้เร่งให้เกิดสนิมใจ แต่ก็ไม่ได้หวนคิดว่าจะต้องชโลมน้ำมันเพื่อชะลอการกัดกร่อนนั้นเลย จวบจนคิดได้และยิ่งใหญ่เหลือเกินกับสิ่งที่เสียไปคือ “ความรู้สึกดี ๆ” ที่มีต่อกัน บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ เพียงรอการให้อภัยในหวังจะกลับคืน

หมายเลขบันทึก: 37534เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2006 00:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)

มิตรภาพอาจเกิดขึ้นได้ง่าย

แต่การรักษาไว้ยากยิ่งนัก

"ความรู้สึกดีๆ" ประมาณค่ามิได้

ผู้มองเห็นคุณค่า หวงแหนทะนุถนอม

ผู้มองข้ามเฉยเมย มิใส่ใจ

กว่าจะรู้ซึ้งถึงคุณค่า

ก็อาจสายเกิน

               เป็นกำลังใจนะครับ

เป็นกำลังใจให้คุณนะคะ

เรียน ผอ.บวร

     ใช่ครับ! ความรู้สึกดี ๆ ใช่จะได้มาง่าย ๆ แต่การเสียไปจะง่ายมาก ผมมาชวนว่าควรจะให้อภัยกัน และร่วมกันทะนุถนอมครับ 
     ขอบคุณนะครับ ที่เข้ามา ลปรร.กันไว้

คุณ Orathai

     ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ แต่ขอมอบและผ่องถ่ายไปยังคู่กรณีที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ จน Get ได้นี่แหละนะครับ

ในค่ำคืน...นิ่ง...เมื่อมาเจอ...

ยิ่งทำให้นิ่ง...ยิ่งขึ้น...

ย้อนกลับมามอง...และทบทวน "ตน"...

และมองออกไปให้ไกล "ตน"....

สิ่งที่ว้าวุ่น...หายไป...

สติ...กลับมาอีกครั้ง...

ความนิ่ง...นิ่งลึก...อย่างใช้ปัญญา...

คิดและไตร่ตรอง...ยิ่งกว่าเดิม

Dr.Ka-poom

     คนเราบางทีก็นึก ๆ แต่ตน หามองให้พ้นตน ไปบ้างไม่ หากเมื่อมองไกลไปถึงได้ ก็คิดได้ดั่งบันทึกไว้ ก็เพื่อเตือนและสอนตนในวันพรุ่ง

                บนเส้นทางชีวิตและการก้าวเดิน.....แต่ละก้าว  แต่ละจังหวะ ผ่านพ้นไป ย่อมมีร่องรอย มีประวัติศาสตร์และมีอะไรอีกมากมายที่ให้เราควรจดจำและไม่ควรจดจำ

                 กัลยาณมิตรเป็นดั่งทองคำบริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติอาจจะหายากแต่.........มีจริง

                  เพื่อนหรือผู้ที่เราพบเจออาจเป็นดังเหล็กกล้าดูมั่นคงแข็งแรงแต่ในบางสิ่งแวดล้อม  บางห้วงเวลา มักกร่อนเป็นสนิม ถ้าเป็นน้อยๆก็ขัดออกได้.....แต่ในบางครั้งก็สนิมเกิดจากข้างใน

                   ก้าวเดินบนเส้นทางชีวิต.......ไม่แบกของหนัก............เก็บดอกไม้รายทางให้กับประวัติศาสตร์.........แสวงหานักปราชญ์และกัลยาณมิตร      .......เป็นกำลังใจให้น้องเสมอและชื่นชม....ชื่นใจ  ในสิ่งที่น้องสรรค์สร้างและคือความยิ่งใหญ่               

พีชายขอบครับ

          บางครั้งก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้ตั้งใจ อาจเป็นเพราะด้อยประสบการณ์...เกิดเหตุการณ์ไปแล้ว จุฃึงได้คิด ผมเองก็มีความเป็นเด็กอยู่มาก เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนหลากหลายมีบ้างที่มีการปะทะเรื่องของอารมณ์ ...ก็เป็นการเรียนรู้ครับ เวลาและการงานช่วยกล่อมเกลาผมได้มากครับ

           ย้อนกลับไป ทุกคนแทบไม่ต่างกัน ...ก็ย้อนกลับไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ คิดต่อไปดีกว่าว่า ทำอะไรต้องใช้สติ ครับ ต้องใช้สติ

            ผมอ่านบันทึกนี้ ก็ย้อนมองตัวเอง ในบางแง่มุมครับ

บางครั้ง...บางครา...ดิฉันก็มักใช้อารมณ์วู่วาม..

ขาดสติยั้ง...และการมองโลก..แห่งความเป็นไป..

คิดอย่างที่คุณจตุพร..ว่านั่นแหละคะ...

เมื่อทุกอย่าง...สงบ...ก็รู้สึกเสียใจ...

ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้...แต่เท่าที่ทำได้คือ...

มองไปข้างหน้า...และเดินไป....

พยายามเตือน "ตน"...มากขึ้น

To err is human.

เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่จะผิดพลาดครับ ถ้ามีการเก็บสถิติเราคงพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์โดยทั่วไปทำผิดพลาดมากกว่าทำถูกต้อง

แต่ถ้าเราได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นที่จะไม่ทำพลาดซ้ำสอง ความผิดพลาดนั้นก็จะเป็นครูที่ดีทีเดียวครับ

ทำไมดินสอต้องมียางลบอยู่บนหัวด้วย........เพราะว่ามนุษย์เราย่อมมีโอกาสที่จะพลั้งเผลอ....พลั้งพลาด......เฉกเช่นวิญญูชนทั้งหลาย.............ร่องรอยแห่งประสบการณ์......ใช่ว่าจะมีแต่ด้านดี..........พึงนำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน..........ระมัดระวังมิก้าวล่วงเข้าไปอีก........การให้อภัยบ่อยๆ ย่อมไม่ดีแน่.......โปรดอย่าใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอ

หากไม่สามารถแก้ไขอะไรได้...
ก็ปล่อยให้เวลามาลบเลือน...
เพียงจดจำเหตุแห่งผิดช่วยย้ำเตือน
รอคอยเพื่อนมาเยือนใหม่..ในใจตน

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ แต่อยากจะให้ทดลองปลูกเม็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพใหม่ลงบนพื้นดินเก่าค่ะ..ขยันรดน้ำใจ  ใส่ปุ๋ยแห่งความห่วงใย พรวนดินด้วยความรักดูแลด้วยมิตรภาพทุก ๆ วันเชื่อแน่ว่า สักวันต้นไม้แห่งมิตรภาพจะเติบโตและกลับคืนค่ะ ^_____^

อ่านข้อคิดเห็นของ ผอ.บวร แล้ว ...ดีจังครับ

ขออนุญาตนำไปใช้ครับ

แด่วีรบุรุษไพร..

ยกมาจากเสี้ยวนึงในงานรจนา..

............................

...................................

และ...........
แม่บอกว่า ...
ผมมีความเป็นลูกผู้ชายชาติเพชร
ใจเด็ดดั่งเสือเมื่อเจอพบคนร้าย

ที่จักไม่ยอมก้มหัวให้กับความไร้ยุติธรรมหากใครรังแก
ราวนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้บนสังเวียนชีวิต  มาจนถึงทุกวันนี้

หากทว่ากับคนดี
ผมจะมีเพียงด้านละไมละมุน
อันแสนพร่างใสอ่อนโยนมากท้นล้นน้ำใจเมตตา
ที่คอยท่าแต่จะหลั่งริน
โดยเฉพาะกับผู้ยากไร้..

ผมจำได้อย่างตรึงตรา..
ถึงอีกภาพหนึ่ง..
ที่คิดมาคราใดแสนซึ้งสุขใจ
ยังสวยใสสว่างงามในทุกโมงยามชีวิต
มาตรแม้นว่าในวันนี้.
แม่คนดี เลิกทำไปนานแล้ว

ภาพที่แม่ชอบอุ้มผมไปนั่งหน้ากระจกเงาโค้งมน
*โต๊ะเครื่องแป้งโบราณ*

และ
ค่อยๆหวีผมอันแสนบางหยอยๆให้ผม
พลางจะแนบแก้มแนบคางลงชิดและหอมเบาเบา
และ
จะสะกิดให้ผมดูเงาเราสองที่ราวเครื่องหน้าพิมพ์เดียวกัน
ผมตราจำภาพนั้นมาราวมิมีวันลืมเลือน

ภาพผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งนวลผ่องแก้มอิ่มใส
ที่ริมไรผมมักมีดวงดอกพุดซ้อนคอยเคลียคลอ
อ้อนหวานอยู่ริมแก้มตลอดเวลาในแทบทุกราตรี

และแถม
แตะแต้มด้วยรอยยิ้มพริ้มเพราพักตร์
ที่ช่างแสนงามนักงามหนามากมีเมตตา
และ
มีดวงตาราวหยาดน้ำผึ้งรวงคลอคลองตลอดเวลา

เธอ..คนที่ชอบสอนผมว่า
ให้ตื่นมาแล้วยิ้มกับกระจกทุกเช้า

มิใช่แค่เฝ้าหลงมายา
เพียงเพียรถามว่าใครงามเลิศหล่อล้ำในปฐพี

หากทว่า...ให้ดูเพื่อแย้มยิ้มยินดี
ให้พลังใจกับตัวเอง

ว่า...
เรายังมีลมหายใจแสนดีผ่านไปอีกหนึ่งวัน

ให้เพียรขยันสร้างความดีพลีเพื่อผู้คนผองชน
ใช่รักความสบายเพียงครอบครัวตนแต่ฝ่ายเดียว

อย่ามัวเฝ้าหลงรูปเงา
ที่จักเฉาราโรยไปตามวัฎฎะสังขาร

อันมิควรพลาดหลงเฝ้าประมาทลืมตน
ใช้ชีวิตให้สูญเปล่าเปลืองไปวันวัน

บางครั้งเธอ..จะเฝ้าบอก

ลูกรัก....
ดูดวงตาเจ้าสิ..
ดวงตาที่มีพลังชีวิต
แสนมองโลกสดชื่นสวยใสแสนงาม

จำไว้นะคนดี นะดวงใจ
*ว่าดวงตาคือหน้าต่างแห่งหัวใจเรา*

*ภายภาคหน้าเจ้าพบใครไม่ว่าจะดีร้าย
ให้เจ้าลองพินิจหมายในแววตา
เพราะ....
จักมีลางบอกว่าคนผู้นั้นคิดสิ่งใด
ศาสตร์นี้จะจริงหรือไม่เจ้าลองศึกษาหาประสบการณ์ดู*
สำหรับแม่
รู้สึกจะดูคนไม่ผิด..เมื่อนำมารวมพินิจตามจ๊ะ
ราวประยุกต์ตามลักษณะโหวงเฮ้งของคนจีน
และ
เข้ากับสุภาษิตไทยเราได้อย่างดีทีเดียวเชียว

ที่บอกว่าคบคนให้ดูหน้าซื้อผ้าให้ดูเนื้อ
สำหรับแม่เผื่อไว้อีกสิ่งไซร้
คืออย่าลืมดูเงาในดวงตาด้วยเล่าเจ้าดวงใจเจ้าจอมใจ

และ
สำหรับเจ้า..
แม่เฝ้ามองในเงาตาลูกรักมานานแสนรู้ไหม
และ
แม่ได้พบกับความขยันกตัญญูซื่อสัตย์
และ
ความหนักแน่นมั่นคง
ที่ไม่ว่าเจ้าทำการใด
จักพึงสำเร็จดั่งประสงค์จำนงหมายเลยทีเดียว

เงาแห่งความรักเดียวใจเดียว
รักแสวงหาความสันโดษเปล่าเปลี่ยว
ราวนักพรตผู้รอปลีกวิเวกบำเพ็ญบุญ

เงาแห่งความสงบงามล้ำลึก
รู้สึกแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์ลึกล้ำเกินคนธรรมดา

คนดี...
แม่เพียงห่วงใยห่วงใจเจ้า
แค่คราวพบเหว่ว้าเพียงนั้น

หากเจ้ารู้ทันเท่าเฝ้าอดทนพ้นข้ามผ่านไปได้
เจ้าจักได้เป็นยอดคนนายคน
*คนเหนือโลกย์นะลูก*อย่าลืม

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ บางครั้งการปิดทองหลังพระก็ต้องใช้เวลาและความอดทนครับ แต่ความสุขนั้นไม่ได้อยู่ที่ใครจะมองว่าดีหรือไม่ดี แต่อยู่ที่ใจเราว่าเราทำแล้วมีความสุขครับ สู้ ๆ ครับ

 ยกมาส่วนเสี้ยวนึง

จากบทเรียนรัก

...........

......................

คนดี
นาทีนี้..
ผมถึงเพิ่งซึ้งถึงคำกล่าว*ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์*

ใช่ความสุขทางใจทางเนื้อหนังนั้น
ที่นะบัดนี้พลันผ่านไปแล้ว
ไร้วี่แววจะหวนกลับ

คุณลาเลยลับ..ทิ้งผมไว้ลำพัง
ให้ฝืนยิ้มรับโชคชะตาฟ้าลิขิต
อย่างอยากสอนบทเรียนทางจิต
ให้ผมฝึกจิตให้ถึงพร้อมยอมรับความจริง
ของชีวาชีวิต

กับคำว่า
ตายก่อนตาย..
ให้ผมได้ตระหนักถึงค่าคำ
อย่างที่คุณเคยให้สติผมไว้นานมา
แทบชั่วทุกช่วงเวลาแห่งชีวิตคู่ของสองเรา

*ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจะยึดมั่นถือมั่นได้*
ไม่มีรักร่างสุขเศร้าได้ยาวนาน
เท่ากับเพียรพยายามสร้างสมจิตให้กระจ่างใส

พยายามใช้เวลาและชีวิตน้อยนิด
ให้สมกับที่ได้มาพบกับงามธรรม..
งามธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
 

ที่แค่ชีวิตเราราวผ่านมาผลัดกันชม
อย่าตรมเศร้ากับทุกสิ่งที่ไม่มีอะไรจีรัง

คนดี..ดวงใจ
ผมเซซังซมซาน
ตั้งแต่วันที่คุณร้องครวญครางในยามดึกแบบไร้สติ
ที่คุณบอกผมว่าคุณปวดท้องแบบแทบคุมสติไม่อยู่

คนดี..
ที่ไม่นานมานี้
ทั้งผมและคุณต้องยอมรับรู้และยอมรับความจริงว่า

คุณกำลังจะพรากจากผมไป
ด้วยโรคร้ายที่มากรายกล้ำย้ำความจริงแห่งวิถีชีวิตนี้
ที่ช่างไม่มีอะไรแน่นอน..
ไม่ผิดคำ
อย่างที่คุณคอยพร่ำสอนใจเตือนใจ
ให้บทเรียนผม..ให้เลิกตรมในทุกข์ทุกรัก

คนดี..
ดวงใจ
แล้วอะไรที่ผมจะยึดมั่นได้
มิให้ผมเศร้าสุดทน
ซึ่งผิดกับจิตคุณ
ที่ถูกฝึกมา
ให้ยอมรับความอนิจจังอนัตตามายาวนาน

ที่คุณเพียรว่าให้ผมลดละกิเลสกรรม
รวบรวมพลังสติ
สร้างสมาธิภาวนา

จะได้พบปัญญาพาลำแสงสุดท้ายอำลา
ยามจะมอดดับลาลับละร่าง
วางไว้นะกลางพื้นพสุธา

ให้ไร้โหยหาเศร้าหมองใดมากรายกล้ำตามติดไป
ให้หลงเหลือเพียงจิตใส
ดวงสว่างกระจ่างงามตามติดไปในทุกภพทุกชาติ

เมื่อยามสุดท้ายแห่งลมหายใจมาเยือน
อย่าให้เสียชาติเกิด

คนดี
ผม..ระลึกแล้วในวันนี้
วันที่พระเจ้าได้ให้บทเรียน
ที่ผมต้องหลั่งน้ำตาแลกมา

ก่อนที่จะตระหนักถึงคำว่า
โลกนี้และรักนั้นช่าง
*ไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอนเที่ยงธรรมเท่า..ธรรม..*
ที่จะน้อมนำจิตเรา
ให้กระจ่างใสไม่มืดบอดหลงวน

ธรรมชาติรายรอบแสนงามเพียงนั้น
ที่พลันราวจะบอกใบ้ให้เราทุกชีวาชีวิตได้
สนิทเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพื่อปลอบประโลมและได้ตระหนักรู้
*อยู่ก็สบายตายก็เป็นสุข*
ให้รักสงบสยบความวายวุ่น
ในโลกวัตถุมากมีมากมายนี้

ที่ช่างแสนสิ้นไร้เวลาเปล่าเปลือง
หากไปประเทืองประทับใจไปหลงเกาะยึดติดไว้
และ

คนดีดวงใจ
นาทีนี้ผมเศร้าดายเดียว..ลำพัง
หากทุกคำลา
ที่คุณเพียรภาวนาฝึกจิตกระจ่าง
พร่างราวสายแสงเพชรพร่างพรมห่มเนื้อใจผมนั้น

ทำให้ผมพลันยอมรับความจริงได้
และ
สัญญาจากลูกผู้ชายคนดีคนนี้
ที่คุณแสนรักเอยแสนรักในกมล
ที่คุณบอกว่าคุณแสนภาคภูมิใจ
ที่คุณเพียรขอ..พ้อให้
ผมเลิก..หลงโลกย์มิโศกสุข
พาตัวเองพ้นกองทุกข์ราวบัวพ้นน้ำ

เพื่อจะตามคุณไปสถิตในแดนดินนิรันดร์..
เมื่อตะวันลาตะวันแห่งชีวิตผมมาเยือน..
ให้รักเรานั้นดั่งคู่ขวัญคู่ธรรมคู่ทอง
คล้องดวงวิญญาญ์ไปชั่วกาลกัป์ปกัลป์นะคนดีนะดวงใจ.

เมื่อก่อนเคยคิด ว่าเสียดายจัง...ถ้าเพียงแต่....หรือ...น่าจะ...หรือ..หวังอภัยสัญญาจะไม่ทำอีก...แต่คิดก็ได้แต่เศร้าโศกเสียใจ

แต่ตอนนี้(ย้ำว่าตอนนี้ค่ะ) กลับคิดว่า ...ใครจะไม่ให้อภัยก็ช่างเขาเถอะ ไม่คิดหาสาเหตุ การหยุดคิดในสิ่งที่เห็น ก็เพราะเห็นว่า คิดไปก็เท่านั้น สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ก็คืออดีต มองอารมณ์ปัจจุบันของตัวเอง เพื่อทำปัจจุบันให้เข้าใจในปัจจุบันมากกว่าค่ะ

พี่หรอย
     ผมชอบ "กัลยามิตรที่หายากแต่มีจริง" มากครับ ซึ่งพี่คือกัลยามิตรคนหนึ่งคนนั้นของผมเสมอครับ ผมก็ชื่นชมพี่และทีมงานครับ ความสำเร็จไม้สามารถสดับขึ้นได้โดยลำพัง เชื่อมั่นในทีมงานและกลยาณมิตรเสมอครับผม
น้องจตุพร
     ใช่ครับ ต่อไปภายภาคหน้าเราต้องใช้ "สติ" โดยไม่ประมาท และลดความดื้อรั้น ลงมาบ้างครับ ว่าไหม?

Dr.Ka-poom (2)

     เมื่อคิดได้ หากรู้สึกเสียใจ แล้วได้ทบทวนใหม่ ก็เกิดนิมิตรหมายได้แล้วครับ ขอให้ผ่านพ้นโดยดี

อาจารย์ ดร.ธวัชชัย
     ใช่ครับ เมื่อได้เรียนรู้จากความผิดพลาด เราจะได้ไม่ทำผิดซ้ำสอง แต่หากพลาดแรกนี้จะได้รับการอภัย จะยิ่งใหญ่ด้วยครับ

ผอ.บวร ครับ

     ผมชอบใช้ดินสอมากกว่าปากกาครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบใช้ยางลบ หากเขียนผิด หรือไม่พอใจ ผมจะขีดคร่อมไว้เพื่อเตือนตนครับว่าที่ผิดนั้นคืออะไร ยางลบผมเลยไม่ค่อยได้ใช้ เหลือบ่อยครับ (ยิ้ม ๆ)

พี่เม่ย ครับ

     ชอบใจจังกลอนพี่เม่ย หากไม่มี GotoKnow พี่จะได้เขียนกลอนไหมครับ แล้วผมจะได้อ่านไหมนี่ ต้องขอบคุณ GotoKnow.Org จริง ๆ

คุณ...อันเป็นดวงใจ

     ขอบคุณสำหรับลำนำขับกล่อมครับ อ่านแล้วเป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ เขียนได้ดีและขอชื่นชมนะครับ

 

คุณ Jan_power02
     ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ อันมากเหลือ เพียงแต่สงสัยครับว่า "ต้นมิตรภาพ" นี่มีลูกไหมครับ แล้วกินได้ไหมด้วย พอดียังไม่เคยเห็นนะครับเพราะปลูกได้ไม่เคยโตจริง ๆ สักที เป็นอันต้องล้มลุกคลุกคลานตลอด (ยิ้ม ๆ เลย)

อ.ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
     ขอบคุณนะครับ สำหรับกำลังใจ จริง ๆ หลังพระก็ต้องปิดทองนะ จะได้เหลืองอร่ามทั้งองค์ และสมบูรณ์ อาจารย์ว่าไหมครับ หากใครไม่ไปปิดเรานึกได้ก็ช่วยกันปิดนะครับ

คุณ จันทรรัตน์
      "ทำปัจจุบันให้เข้าใจในปัจจุบัน" ผมชอบวลีนี้จังเลยครับ
ชาญวิทย์ - นครศรี ฯ

อ่านข้อความของทุกท่านแล้วให้อะไรดี ๆ กับการใช้ชีวิต มาก ๆ เลยครับ  ขอเป็นกำลังใจให้คุณชายขอบครับ

                                   ชาญวิทย์-นครศรีฯ

มิ่งมิตรบินมาจากแดนไกล

เลยมานอนดูแสงไฟพริบพราวบนตึกโรงแรมสูงระยับราวสวรรค์ลอย..

เห็นชีวีชีวิตผู้คนเบื้องล่างช่างแสนเวียนวน

น่าเบื่อหน่าย

คล้ายร่างจิตเรากำลังลอยเหนือโลกย์

มิอยากโศกสุข วางทิ้งทุกทุกข์รักพันธนา

คิดถึงถ้อยคำคุณ...ชายขอบ

ที่มีโอกาสผ่านมาสัมผัส

และ...

ด้วยคำฝากว่า...หัวใจดวงดีดวงละมุนอันแสนอบอุ่น

อ่อนหวานอ่อนโยน

ของคุณและทุกดวงใจ

คงได้พบเพียงคนดี

ที่มีค่าควรแก่คำว่าอภัยเมตตา และการเริ่มต้นใหม่

 หากเพียงรู้เปิดใจรับ...

 

ไม่แต่เพียงเป็นบันทึกที่คุณชายขอบบันทึกไว้สอนตนเท่านั้น ผมและคนอื่นก็เอาไว้สอนตนเองได้ครับ มีค่าจริงๆ อยากให้กำลังใจ และอยากให้ข้อค้นพบนี้ เป็นพลังพัดโบกให้ปลาทูตัวนี้ว่ายทวนกระแสนำต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดครับ

คุณ ชาญวิทย์ - นครศรี ฯ

     ขอบคุณมากครับ เป็นแรงใจเพื่อสรรสร้างงานต่อไปได้เป็นอย่างดีเลยครับ ขอบพระคุณมาก ๆ

คุณ ............. ครับ

     ขอบคุณมากที่เข้ามา ลปรร.ด้วยบทกวีไว้นะครับ

ครูนงเมืองคอน

     แน่นอนครับ ผมพบเจออะไรที่เป็นเกล็ดชีวิต แรก ๆ ก็บันทึกแบบบ่น ๆ ไว้ในสมุด เป็นความลับดีครับ แต่ไม่มีใครได้อ่านอีกเลยแม้แต่ตัวเอง จนลืม วันนี้มี GotoKnow ไงครับ ถึงได้เปิดเผยออกมาได้ครับ แถมได้แลกเปลี่ยนกับคนอื่นด้วย

โลกสอนมนุษย์ว่า ทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง

แต่โลกก็ดันสอนให้มนุษย์รู้สึก ผูกพัน... แล้วจะไม่ให้เศร้าได้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก หรือเรื่องครอบครัว

เปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ คุณก็จะเริ่มเศร้า

แล้วพอเวลาผ่านไป คุณก็เริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ที่เปลี่ยนไป

คุณก็จะรู้สึกดีขึ้น ที่เราเรียกกันว่า "ทำใจได้แล้ว"

จะช้าหรือเร็ว อยู่ที่ว่า คุณผูกพันกับสิ่งใหม่ได้เร็วขนาดไหน

อายุคนเรา เฉลี่ย 76 ปี

นั่นคือ แค่ 3952 อาทิตย์เท่านั้น...คุณหมดเวลาไปกับการนอน 1317 อาทิตย์

ซึ่งเท่ากับว่า คุณเหลือเวลาในการดำเนินชีวิต แค่ 2635 อาทิตย์เท่านั้น

สองพันกว่าอาทิตย์ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลก

ถามตัวคุณเองดีกว่า ว่าจะยอมเศร้าสักกี่อาทิตย์ เหงากี่อาทิตย์

มีความสุขซะกี่อาทิตย์ ...........เพราะทั้งหมด

"เราก็มีแค่สองพันกว่าอาทิตย์เท่านั้นเอง"

"เมื่อใดก้อตามที่ฉันเจ็บจนหมดน้ำตา  เมื่อนั้นฉันจะรู้ว่าตัวเองมีค่าที่สุด"

 เสี้ยวรักฝากให้ทุกดวงใจนักคิดอ่านนะคะ

สวรรค์ลาฟ้าจุมพิต!


จันทร์ค่อนดวงลอยเด่นบนฟากฟ้าแจ่มจรัส
ในขณะที่...
หยาดน้ำค้างหยาดเย็นหยดพรมลงบนพื้นหญ้า
และรินพร่างจากนภาสีกำมะหยี่ลงเกาะกลางกลีบกุหลาบแแฉล้ม
แต้มฉ่ำสดราวเพชรพราว...



ดวงดอกไม้ไทยรายรอบกระท่อมวิมานวนา
แข่งกันพร่างกลิ่นอวลหอมพรายพรมไปทั่วทุกทิศ
รอเวลาทายทักอาทิตย์อวดองค์อรชร
พรายแสงทองอ่อนๆอุ่นอุ่นโอบเอื้อ



ผม..ตื่นมากับฟ้าสางเสียงดุเหว่าแว่ว
เสียงไก่ขันเอ๊กอีเอ๊กแว่วมา..จากบ้านใกล้เรือนเคียง
เสียงเพลง
จากเรือนไทยริมทะเลหวานแว่ว
แผ่วมากับฟากฟ้ากว้าง
กับทะเลที่ยังครางครวญซัดฝั่ง
กับคลื่นคลอยังระรินสั่งราวร่ำไห้



*ทำไมหนอ..*
ทำไมหนอ..ท้องทะเลจึงครวญคร่ำครา
ทำไมหนอ..รักจึงได้จางจากดวงใจ
ทำไมหนอ..เมื่อฉันพะนอง้อเธอเรื่อยไป
ทำไมหนอ..เธอจึงไม่เห็นในไมตรี
ทำไมหนอ..ฟ้าจึงงามยามพายุผ่านพ้น
ทำไมหนอ..คนจนจนจึงรวยรักภักดี
ทำไมหนอ..ตัวของเราก็เพียงเท่านี้
ทำไมหนอ..ทุกนาทีทุกนาทีจึงต้องครวญคร่ำดั่งทะเล

ทำไมหนอ...ฟ้าจึงงามยามพายุผ่านพ้น
ทำไมหนอ..คนจนจนจึงรวยรักภักดี
ทำไมหนอ..ตัวของเราก็เพียงเท่านี้
ทำไมหนอ..ทุกนาทีจึงต้องครวญคร่ำดั่งทะเล
*******


ผม..เดินทอดน่อง..ให้เท้าสัมผัสน้ำทะเลอย่างช้าช้า
อำลาทะเลพะงันงามด้วยน้ำตาปริ่มริมเรียวนัยน์ตาโศก

ทะเลที่นะบัดนี้....
พลันกลายสีมรกตเป็นสีเงินงามวะวาววับ
ยามอาบจับทาบทาด้วยสายแสงจันทร์ยามอุษา
คล้ายดั่งปรายโปรยด้วยเกร็ดเพชรพร่างพริบ


ผม...ค่อยๆทรุดตัวนั่งบนผืนทรายบนเนินกว้างร้างไร้ผู้ใด
นั่งดูไฟพราวระยิบเป็นระยะตรงขอบฟ้าทิศตะวันออกเบื้องหน้า

เรือหาปลายังไม่คืนฝั่ง... รอตะวันฉายทอดวง...



ผม...รินน้ำตาเงียบๆ
อย่างมิอายฟ้าดิน
ในความนิ่งงันงามเงียบนั้น
กับใจดวงเยียบเย็น
ยามใกล้จำพรากจากผืนดินเกิดอีกหน

เม็ดทรายรับทราบระทมทุกข์จากดวงหทัย
ที่แผกเศร้าเคล้าหวานโศก
ราวโลกตรงหน้า..เทวดาและฟ้าดินมารับรู้อวยพร..
ดวงดอกไม้ทั้งหล้าโลกร่ายฟ้อนร่วมออดอ้อนอำลา



ผม..หยัดร่างเหว่ว้ายืนอย่างทรนง.!.
แหงนเงยมองเวทีฟ้า
เพียงเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาอาวรณ์อาลัย
ที่นะบัดนี้แสงสีเริ่มจรุง
จรัสแสงสีหวานปานเรียวรุ้ง
ส้มแสดทองชมพูผ่องพร่างพรรณราย



ผม..หันหลังลา..ทะเล..ตรงหน้า..ฟ้าเศร้า..
ทิวมะพร้าว
ต้นที่ผมเฝ้าแอบนอนดูบนเปลญวนยามไหวเอน


ทุกทิวาวันทุกค่ำคืน
จนจำรายละเอียดแสนงามได้
เห็น..พู่ระย้าย้อยห้อยนวลดอกพราวขาวแฉก

และ
ลูกเล็กๆแยกกระจายกลางช่อ
กลางกอที่ถูกโอบล้อม
ห้อมด้วยกลีบบานก้านแข็งแรงของก้านมะพร้าว
ที่นำมาทำไม้กวาดได้
และ
ยังใช้ประโยชน์ได้ในทุกส่วน
ไม่เว้นแต่กาบ
ที่สมัยนานมานำมาผูกสานเป็นถังตักน้ำได้อย่างงามดิบงามดี..



บางราตรี..
ผม..นอนฟังเสียงกระรอก
ไต่ตามทางมะพร้าวเฝ้าทำเสียงจิ๊กจั๊ก
ให้เจ้าอารี..สุนัขแสนดีและดีเจ
สุนัขพิทักษ์ทั้งบังกาโลว์และเจ้าของ
ได้ส่งเสียงร้องหยอกล้อกระโดดตามยามไต่..ไปตามกิ่งไหวใบระบัด
ซัดส่ายรับสายลมเสียงคลื่นคลอพ้อทรายซู่ช่าๆ



ราว*ดนตรีธรรมทะเลบรรเลง*
ราวบทเพลงโศก
ที่ฝากโลกและผู้คนบนสองฟากฝั่งให้*พบนิรันดร์เศร้าสัจจะ*
หลังพายุร้ายกลายโกรธกราดเกรี้ยวกลืนนับพันชีวิต
ในอีกด้านฝั่งฝัน
อันดามันให้ฝันกระดอนกระเด็นยากลืมเลือน
มาสอนมาเตือนบทเรียนให้ทุกมนุษย์
ได้รู้ค่าคำอ่อนน้อมถ่อมตน



และ
จงอย่าเย้ยหล้าฟ้าดิน
สิ้นยำเกรง..
พากันบรรเลงบทเพลงทำลายไม่ยั้ง..
ช่างน่าเศร้าสิ้นดีเสียจัง.
กับทุกชีวีนิดน้อยนี้



ที่แค่ผ่านมาแค่ชั่วครู่คราว
แต่ราวกับไม่รู้ซึ่งถึงค่า..ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ..
ที่จำผสานผสมสอนพอดีพอเพียงพึ่งพาพึ่งพิง
เลี่ยงการทำลายทำร้ายกรายกล้ำกันและกัน..
*เป็นนิรันดร์รักพักพสุธา*ได้..อาศัย
ใช่มาไหวครวญทีหลังมาสำนึก...ตรึกคิดช้าไป..สายเกินไป..



ผม..*ลูกผู้ชายทะเล*หัวใจเหว่ว้า
ผิวคร้ามแดดนัยน์ตารานโศก
ที่ราวแบกโลกไว้บนบ่า
ที่ใครๆให้สมญายามได้สัมผัสจิตวิญญาณบ้านภายในว่า
ช่างแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์นัก



ที่ช่างแสนรักแสนหวงธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง
ราวกับจะยอมพลีชีวินชีวิตปกป้อง
ยอมตายแทนได้ทุกขณะแห่งลมหายใจเข้าออกนี้

หากสามารถที่จะรักษา....
ป่าดงพงไพรน้ำใสดินดีอุดม...ไว้ให้ยาวยืนยังชีพ
แด่ผู้คนบนแผ่นดินแม่ผืนดินโลกแผ่นดินไทย
ไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชม
ได้พบได้ชื่นฉ่ำไปนานเนานับนิรันดร์



เป็น*ความฝันอันสูงสุด*
ที่ทุกมนุษย์คงยอมพลีได้เช่นเฉกเดียวกัน
หากมีฝันมีอุดมคติ
และมีจิตสำนึกรำลึกรู้ว่า..
*ชีวิตเรานี้ช่างน้อยนิดนักราวธุลีหล้า*



และ
หากจะฝากค่าคนไว้ก่อนตาย
ให้ผืนดินมาตุภูมิกลบหน้า
ก็คงสมคำคำเกิดมาเป็นมนุษย์
ในชาติหนึ่งนี้ที่แสนสั้นนัก
ก็น่าจะนำปิติเกษมเอิบอิ่มงามมาสู่
อย่างผู้รู้อยู่...รู้เสียสละ
ด้วยความภาคภูมิใจอย่างไม่เสียชาติเกิด...



ผม..เพียรพยายามวาง ว่าง
รำงับดับทุกข์ทุกห่วงหาห่วงใย
ในผืนดินเกิดเป็นระยะๆ
ที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
ตามมีตามเกิดตามสายตาพาสายใจไปสัมผัสทั้งด้านดีร้าย
คล้ายยากหยุดยั้งโลกวัตถุ
ที่รานรุกบุกโหม
ให้จิตคนไม่รู้หยุดรู้พอ


ให้พากันต่อเติมตามกันไป
ในโลกเร่าร้อนด้วยพิษน้ำเงินงาม
ที่คือนิยามแห่งกิเลสลามไล้ให้อยากได้ใคร่มี
ทั้งทุกข์จากทุกวิธีแม้นมิชอบ
ยอมประกอบกรรมเผาไหม้ให้นรกในใจผุด..ราวดอกเห็ด



ให้เหลือเย็นน้อยสวรรค์ลอยลา
ไปกับตัณหาบ้ารวย..มิรู้พอ..
และ
หน้ามืดพอที่จะหากินด้วยอาชีพทุจริต
คิดทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยนานาสารพันอบาย..



ที่...
กำลังถาโถมให้เกาะสวรรค์กลางอ่าวไทย
เริ่มกลายกลับเป็นนรกอีกไม่นาน
หากทางการมิหาญกล้าส่งคนดี
ที่ราวเปาบุ้นจิ้นมากำจัดคนเลวกวาดล้าง
ให้ล่วงสู่ทะเลโลกย์โศกนรก
อย่าได้มาผุดเกิดทำลายเยาวชนคนดีดีอีกต่อไปเลย..



ผม..คนช่างคิด..รับราชการมานานปี..
สนองคุณแผ่นดินแห่งงามนี้
ที่แสนสวยพิสุทธิ์บริสุทธิ์ราวไข่มุกกลางอ่าวไทย
ด้วยสัตย์ซื่อถือมั่นในคุณธรรม..
แต่ทว่า
ในวันนี้..ผม..จำต้องหันหลังลา
เมื่อครบวาระการโยกย้าย...มาถึง



ผม..ปล่อยให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล
ในห้วงหัวใจอย่างช้าช้า
ราวสายฝนพรำรับระกำระทมทุกข์ทับ
ที่ยากดับร้อนผ่อนเย็นแก้ไข



มาตรแม้นไม่รวมพลังใจพลังอุดมการณ์มาร่วมด้วยช่วยกัน
ใช่..!รับสินบน..คอรัปชั่น
มีทั้งบ่อนทั้งปาร์ตี้ ยาอียาสารพัดสารพันราวนรกอเวจี
ให้คนดีดีเด็กๆวัยรุ่นหมกมุ่นเมามัวมั่วยา
พากันเสพสุขชั่วยาม
หากคืออนาคตแห่งชาติที่น่าห่วงใยเป็นยิ่งนัก
ที่จักกลับมาคืนทำลายชาติย่อยยับในวันหน้า..หานานไม่..


หัวใจผม..จึงดายเดียวเหว่ว้า..
ราวกับว่าอยู่ปลายโลกร้างกลางทะเลกิเลสโลกโศกรานลำพัง
กับ
วันนี้ที่จำต้องหันหลังก้าวลา
จากแดนดิน*พะงันงามราวสรวงแสนขวัญสวรรค์เยือนหล้า*..
นะกลางทะเลไหมมรกตสดใสกระจ่าง
สว่างไสวด้วยอากาศแสนดี..ฟ้าที่แสนงามทะเลที่แสนสวย


ที่ในวันนี้นะวันนี้
เกาะแห่งนี้..
เหลือความฝันสวรรค์ลอยเลื่อนให้คว้าไขว่นับวันน้อยลงทุกทีๆ
จะมีก็แค่สวรรค์ลวงรอล่วงลาลับมิกลับมา..อีกเลยแล้ว


ผม..ถูกสอน..ให้หยุดคิด..
รู้วางรู้รำงับดับทุกข์ทุกผันแปรไม่แน่ไม่นอนในหล้าโลกนี้
ที่ยากแก้คืน จากยอดดวงใจยอดหฤทัยของผม..
เธอ..บอกผมว่า


ที่รักจ๊ะ

กับสิ่งที่เล่า เกี่ยวกับบ้านเกิด นั้น
เข้าใจและเห็นใจมาก
เข้าใจความรู้สึกที่เพียรจะอธิบาย    
คนดีสิ่งที่เห็น ที่พบ
สิ่งที่เปลี่ยนไปในโลกปัจจุบัน  
มันเป็นไปตามกฎธรรมดาของโลก
โลกจะต้องเป็นอย่างนี้
คนดี คนชั่ว เกิดขึ้นเพราะ กรรม

ดังนั้น เราจึงควรนำสิ่งที่เราเห็นนี้
มาสร้างให้เกิดปัญญาต่อจิต
มาสร้างให้เกิดความเบื่อหน่าย คลายยึดในโลก  
ถ้าเราเกิดมาอีก
เราก็ต้องเจอสภาพอย่างนี้  
มันวนเวียนมาแบบนี้ทุกชาติภพ
ชาตินี้เราก็เห็นแล้ว ว่า เป็นยังไง  



เราจึงต้องถามตัวเองว่า
เรายังปรารถนา
ที่จะเกิดมาพบกับสภาพเหล่านี้อีกไหม
แต่การคิดจะต้องคิด
ด้วย จิตที่ไม่เศร้า หมายถึง

เมื่อเราคิดพิจารณาอะไรก็ตามบนโลกใบนี้
ผลของการคิด
จิตเห็นตามความเป็นจริง
จิตจะไม่หดหู่  เศร้าหมอง
จิตจะสว่าง  อิ่ม  เพราะมองเห็นโทษ เห็นความจริง ณ เวลานั้น

จะต้องคิดจบลงตรงที่  
ปรารถนาพระนิพพานนะจ๊ะ
คือ สุดท้ายให้น้อมจิตว่า  
ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นคน เป็นเทวดา
เป็นพรหม เกิดมาพบกับสิ่งเหล่านี้ จะไม่มีกับเราอีก  
เราตั้งใจจะไปนิพพาน

ชาตินี้ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน  
หากข้าพเจ้าตาย  
ขอจิตข้าพเจ้าไปสถิตอยู่ ณ ที่
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้า อยู่ด้วยเถิด
ทุกครั้งเวลาปฏิบัติธรรม
จะต้องน้อมคิดอย่างนี้นะจ๊ะยอดรัก
ดังนั้นหากสิ่งใดที่เกินวิสัย
ที่เราจะแก้ได้ เราต้องวางใจเป็นกลาง
ในธรรมดาของโลกนั้นจ้ะคนดี



ถามว่า ถ้าคนดีรีบลาพุทธภูมิไป
คนดีก็หมด  
จริงๆแล้ว  ไม่มีใครดีหมด
ไม่มีใครชั่วหมด  
คนจะดีจะชั่ว
อยู่ที่ กรรมเข้ามาสนอง  
เมื่อไหร่ที่กรรมชั่ว
สนอง  ความดีเข้าไม่ถึง  
เขาจะทำความดีไม่ได้เลย

เมื่อไหร่ ที่กรรมดีเข้าสนอง
กรรมชั่วจะเข้ามาไม่ได้  
เขาจะทำความชั่วไม่ได้  
ดังนั้น  เราเจอคนไม่ดี
เห็นคนไม่ดี  คนเหล่านี้
คือ คนทีน่าสงสาร  
เพราะอกุศลกรรม ทำให้เขาพูดผิด คิดผิด ทำผิด  

ตายไปแล้วเขาต้องไปเสวยผลบาปกรรม
ที่เราเห็นบนโลกเป็นแค่เศษกรรม
กรรมหนักจริงๆ  กรรมชั่ว
เขาต้องไปเจอหลังจากตาย

ดังนั้น คนชั่วหรือทำไม่ดี
จึงเป็นคนที่เราต้องทำจิตให้เมตตาต่อเขา
ไม่ว่าเขาจะทำไม่ดีต่อเรา  
เราอาจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
(คนที่เราไม่รู้จัก ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่สามารถเตือนได้)
เราก็ทำจิตเมตตา  เขาอยู่ในใจ  

แต่คนที่เราช่วยได้
รับฟังเรา  ถ้าเราทำดีที่สุด  
แล้ว  เขาอาจทำตามเรา
หรืออาจไม่ทำตาม  
เราต้องทำใจวางเฉย  ทำใจให้สะเทือนใจน้อยที่สุด
กับพวกเขา


แต่ละคนมีกรรม  
มีวาระของตัวเอง  
คนดีที่มาเกิดจะต้องมี  
เพราะ  เป็นกฎของสังสารวัฎ
พระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาจะขนสัตว์ มีเยอะมาก
แต่ละองค์ก็จะมี กลุ่มของตนที่จะต้องโปรด  เราจะ
ไปก้าวก่ายกันไม่ได้ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน

คนดีอย่าห่วงอะไรเลยนะ  
เราไม่สามารถจะไปแก้กฎของกรรม ในโลกนี้ได้  
และไม่สามารถทำให้ใครเป็นได้ดั่งใจเรา
ดังนั้น ชาตินี้เราทำดีที่สุด
เท่าที่เราทำได้ก็ชื่อว่า
ไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงไหมจ๊ะ
..................



และ
แม้นมาตรแม้นวันนี้
เธอ..คนดีที่ผมแสนรักเอยแสนรักในกมล
จะพรากลาไปเลือกโลกกุตระธรรมสงบเย็นแล้วก็ตามที


หาก..ทว่า
คำสอนให้ยึดมั่นธรรมะยอดพระรัตนตรัย
ที่คือความดีอันอมตะที่แสนงาม
ให้รู้ดับได้ทุกสรรพสิ่ง
หากเรารู้นิ่งคิดพินิจเพียรพยายามทำดีที่สุดแล้ว


และ
คำสอนแสนไสวว่างกระจ่างแจ้ง
ให้ดวงใจดายเดียวมิไหวครวญตามกระแสโลกโศกสุขนั้น
ก็ยังคงสถิตสว่างสะอาดสงบสยบร้อน
นะกลางจิตกลางใจของผม

ให้ใจดวงรานดวงหวานโศกระทมท้อแท้ในบางคราว
ให้ยังคงพร่างพราวราวมีอัญมณีชีวิต
สถิตเป็น*ดั่งรักนิรันดร์*
หลอมรวมกันไปเป็นดวงเดียว..ตราบวันตาย


นาทีนี้..ผมจึง..ค่อยๆวางปล่อย
และค่อยๆเรียนรู้
เพียงอย่าท้อถอยคอยทำสิ่งดีดีดับดำ
ที่พรำพรมห่มหัวใจคนมากมี
ที่ยังมืดดำนะที่แห่งนี้
ที่ยังลอยคอควะคว้างกลางทะเลน้ำตา
ทะเลโลกย์โศกสุขทุกข์ปิดตาจนมองไม่เห็นฝั่งฝัน
ฝั่งพระนิพพาน



ให้รู้วางรู้ว่างรู้เบื่อการว่ายวนวิบาก
รอให้พระโพธิสัตว์
มาขนสัตว์มนุษย์ให้เพียรพบทานศีลภาวนาสมาธิ
ที่จักมีปัญญาและเลิกหลงใหลในวัฎฎสังสารนานชั่วกาลกัปป์กัลป์


ที่ยังมากมีมากมายนัก
ที่จักยังรอเวลา
ที่ต่างจิตต่างใจต่างจิตสำนึก
ในการใช้ชีวิต
และหากรู้หยุดคิด
เพียรเพาะบ่มจิตสะสมบุญกุศล
ก็จักพาพบมิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรม
ที่จะน้อมนำ
ก็พ้นดงกรรมพงหนามได้พบฝั่ง..ฝันสักวันหนึ่งไม่นานช้า..


เรือ..เฟอรี่สีขาวลำใหญ่ยักษ์ราววิมานลอยน้ำ
กำลังลอยลาพาผมพรากจากฝั่งฝัน..
สวรรรค์ในใจผมมานานปี
ที่ผมเพียรฉลาดวาดวงชีวีชีวิต
เพียงมาตักตวงเพียงด้านดี


และ
มาทำหน้าที่ลูกผู้ชายชาติไพร
ที่
มีหน้าที่มาปกป้องป่าไม้
และคืนกลับให้แต่สิ่งดีดีฝากไว้
อย่างสมค่าคำ*ข้าแห่งแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง*
............


และ
เช้านี้..ผม..
กำลังเดินทางไปรับหน้าที่อีกที่ไกลห่างจากที่นี่
ไปทำหน้าที่ลูกผู้ชายพิทักษ์ป่าเขาลำเนาไพรในแผ่นดินไทยนี้
ตามวาระหน้าที่
ตามความสามารถ


ที่ผมเพียรทุ่มเทด้วยหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจ
ด้วยสายเลือดรักภักดี
ต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย
ที่ทรงเป็นต้นแบบฉบับอันแสนยิ่งใหญ่ให้ใจไทยทุกดวง
ได้ประพฤติปฎิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
ด้วยคุณธรรมความดี
ที่รู้เสียสละตามอย่างบรรพชนมาอย่างยาวนานยาวยืน
เพื่อปกบ้านป้องเมืองไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิในอิสรา


ผม..พาตัวเองขึ้นมานั่งบนชั้นดาดฟ้า..
ที่ร้างไร้ผู้คน
เพื่อหวังฝากกมลทุกนาทีหัวใจเต้น
รำลึกงามบนผืนดินที่จำพรากลาตามหน้าที่..


น้ำตา..ผมท่วมใจท่วมท้นล้นถั่ง
นะบ้านภายในจิตวิญญาณภายใน
ที่ยากที่ใครจะหยั่งเห็นด้วยตาภายนอกถึงโศกราน


และ
จะมีใครรับรู้บ้างนะว่า..
หัวใจ..ลูกผู้ชายคนเก่งคนแกร่งคนกล้า
ก็รู้ร้าวรอนซ่อนซึ้งหวานโศกและร้องไห้เป็น
กับทุกสรรพสิ่งอันแสนดี
ที่ควรค่าแก่การละหลั่งรินน้ำตาสังเวยเทวษถวิลไห้
อย่างมิอายดินฟ้า
นะ..เวลานี้
ที่นั่งลำพังดายเดียว
กับทุกเสี้ยวเวลา
ที่นาวาจริงกำลังนำพานาวาชีวิต
สถิตลอยล่องไปด้วยกันออกไกลห่างจากฝั่งรักฝั่งฝันออกไปทุกทีๆ..


ในคลองตาคลองใจที่แสนไหวครวญ
ราวพรานทะเล..พราก..ลา
และมิอาจจะรู้ได้ว่า
นาทีไหนลมหายใจแห่งชีวาชีวิต
ที่แสนสั้นพลันจะดับลับลาอย่างดายเดียว
กลางทะเลโลกย์ลำพัง
มิได้คืนหลังกลับมาอีกเลยแล้ว..


ผม...หันหลังลา
ด้วยดวงใจบอบช้ำ
หากย้ำตอกสลักดาลความเศร้าขังไว้นะบ้านภายใน
หันหน้าออกไปเผชิญโลกกว้างทางไกลข้างหน้าที่ท่ารอ..


และ...
ด้วยดวงใจเชื่อมั่นศรัทธา
ที่จะพลีบูชาปกป้องป่า..ดิน..น้ำ..ให้ยังคงอุดม..ยังคงอยู่
คู่กับผืนดินทองแผ่นดินไทยธรรมแผ่นดินไทย
ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
ภายใต้ร่มเงางามแห่งพระรัตนตรัย


และ
ร่มเศวตรฉัตรอันแสนสงบเย็นเป็นสุขแผ่ไพศาล
ที่พร่างพราวกระจ่างสว่างไสวมาแสนยาวนานราวอัญมณีไท
นะ..
ผืนแผ่นดินแห่งขวานทองโบราณแห่งรักนี้ที่เรียกว่าไทย..ไทย..


หัวใจ..ดวงทองของผม
จึงเริ่มผ่องผุดพิสุทธิ์พราย
ให้หยุดคิดคลายเศร้าหม่นในนาทีนี้นะนาทีนี้


และ
อย่างช้าช้า..ช้าช้า...
ราวสวรรรค์มีตา
ฟ้าปรานี
ดินใจดี
และ
โลกที่เคยเหว่ว้าดายเดียวกลับพร่างพราว


เมื่อ....!
สายตาสายใจผมพาพบ
ใครบางคน....
ค่อยๆย่างเยื้องมายืนตรงหน้า
และ
หันหน้าไปทิ้งอารมณ์ทอดตาทอดใจทัศนาทะเลกว้าง
ให้ลมพัดพร่างผมยาวสลวยปลิวไสวไปทางเบื้องหลัง
เปิดเรียวหน้าละมุนโศกหวาน
หากงามเศร้าซึ้งเป็นยิ่งนัก


และ...!!!
ก่อจิตปฎิพัทธิ์มหัศจรรย์รักนะกลางจิตกลางใจผมนะบัดดล
ราวปาฎิหารย์รักแรกพบ..!!
และ...
ยาม..เมื่อเธอหันมา...สบตากับ..ผม....นิ่งๆเพียงชั่วแวบ!
ผม...
ก็รู้สึกแปลบปลาบในหัวใจอย่างแสนน่าพิศวง..


ผมตะลึงงัน!..ฝันหรือจริงเล่าละหนอ..โอ้ชะตา
และนี่อย่างไรกันเล่า...โลกและฟ้าดิน
เธอคือภาพผู้หญิงในฝัน
ที่ผมเฝ้ารอหา..รอท่า..รอรัก..รอฝากภักดิ์พลี
มานานแสนราวชั่วกาลกัปป์กัลป์...


และ..กับ
ตระการกอ..กอดอกรัก..!ที่บานสะพรั่งพรึบนะกลางจิต
นะบัดนี้ที่ราวรักแรกพบราวสวรรค์ปรานีราวฟ้ามีเมตตา
ให้ผมยากยิ่งหาคำมาอธิบาย...


และ..
หากตราบชั่วชีวิตนี้
ผม..ยังพอมีโชค
โลกและพรหมลิขิต
คงจะชักนำให้ผมกับเธอ
ได้สานต่อทำความรู้จักและรักกัน


เพื่อพากันลอยล่องท่องนาวาทอง
ไปสู่ฝั่งฝันนิรันดร์รัก..
ให้โลกทั้งโลกอิจฉา
ให้ฟ้าแลดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นิรมิตประทานพรให้กับสองเรา
...............


เอาละนะ..ครับ
มาเอาใจช่วย.
พระเอกคนดีคนกล้าคนเก่งคนแสนดีแสนน่ารักนัก..อิอิ
ให้พบกับ
รักแท้แสนวิเศษนี้นะทุกคนดีทุกดวงใจ
แล้ว...
ผมจะกลับมาเล่าต่อให้ฟัง
หากฝันในวันนี้เป็นจริง..


ได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
ได้เคียงข้างประคองขวัญประคองร่างจิต
ทนุถนอมเธอคนงามคนดีคนนี้ไปตราบชั่วชีวิต
ไปสู่ร่มรักร่มธรรมอย่างที่
ผมรอ..ผมฝัน..ผมหวัง..มานานแสนนะครับ
***********


*ผม...สวัสดีครับ..
ทะเลสวยนะครับ..*
*เธอ..
ค่ะ..สวยสงบสุขดีค่ะ*
แล้วคนดีของผม
ก็ค่อยๆคลี่ยิ้มหวานให้หัวใจผมเต้นตูมตามตามมา



และ
หาก..ตาผมไม่ฝาดไป..
ผม..เห็นนัยน์ตาเธอนั้น
งามพราวราวน้ำผึ้งรวง
ราวดาวดวงประกายพฤกษ์พรายพร่าง


และ
โลก...ในดวงใจผม
ก็เริ่มไสวสว่าง...
สักร้อยเท่าพันทวีแล้วครับในนาทีแรกนี้..

ที่ไม่เลวเลยทีเดียว..ใช่ไหมละครับ..กับฉากรักแรกพบนี้อิอิ!!.....

คุณ ......... ครับ

     วันนี้พี่สาวผม (พี่อร) สอบถามมาด้วยความทึ่งว่า บทกวีเหล่านี้ และฝากชมมาว่าเขียนได้ดีมาก อย่างกับเป็นกวีเอกเลยครับ พร้อมเมื่อไหร่เปิดเผยตัวเขียนใน GotoKnow.Org เลยครับ

กราบขอบพระคุณนะคะคุณอร

และ..

ด้วยความซาบซึ้งใจจนน้ำตาเอ่อซึมค่ะ

จึงขอพลีกำนัลเรื่องนี้ที่รจนาเรื่องนี้เนื่องในวันแห่งความรักไว้นานแล้วค่ะ

แด่คุณอร

ด้วยดวงใจและด้วยรักล้นใจค่ะ

.........................

รอ..รักฉัน..วันวิวาห์..นะคนดี

วันแห่งความรัก..ใช่วันแห่งความรัก...กำลังใกล้เข้ามา..........
อรคิดว่า...สำหรับอร..มีวันแห่งความรัก
ได้ทุกวัน ทุกเวลา....

อร..รักธรรมชาติงามทุกวัน....
รักแม่..พ่อ..รักญาติมิตร..รักเพื่อนฝูง....และ........
รักคนที่อรรัก.ดังดวงใจ...รักวันเติมวัน...จนล้นใจ..
โดยมิพักต้องรอที่จะรัก..ในวันนี้.......

ถ้าเราจะรักใคร...ไหนเลยจะต้องรอวันนั้น....วันนี้....รักแล้วก็รักเลยค่ะ
วันนี้อาจ ...ให้คนรักกันทำสิ่งดีๆให้เพิ่ม..เติมใจให้กัน..
ให้มั่นคงจงรักยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น.เพียงนั้น............

แบบฉบับรักของอร......อาจจะไม่เหมือนใครบางคน....
และอาจจะเหมือนใครอีกหลายๆคน........
อรคิดว่า...อรจะรักนวลสงวนตัว...
เพราะอรคืออร..ผู้หญิงไทยใจยังเต็มร้อย...
อาจจะยาก.....แต่อรจะรู้สึกดีถ้าได้ทำสิ่งนี้.....ที่อรตั้งใจ...........

บางคนที่มีความรัก...บอกยากที่จะอดทน...และรอคอย.....
เพราะด้วยหลายเหตุผล...........

แต่นาทีนี้....อรคิดว่า ถ้าเรารักใคร.....สักคน....
ไม่ว่าเขา...หรืออร......ก็ควรที่จะเรียนรู้....
คำๆนี้...ที่จะมีสิ่งดีๆมากมาย..
ให้คนที่รักและห่วงใยเราดังดวงใจ...ได้มีความสุข.......
ความชื่นใจ....ความภาคภูมิใจไปกับเราด้วย....
ในวันอันเป็นมงคลยิ่งของชีวิตเรา.........

อรชอบความรู้สึกงดงาม...ที่จะได้เดินเข้าสู่ประตูวิวาห์...
พร้อมกับความปิติ..ตื่นเต้น.. วาบหวาม.....
ที่จะได้เรียนรู้บทเรียนรัก..วันวิวาห์..จากคนที่อรรัก..
และจะฝังฝากชีวิตจิตใจ ของอรไว้ตราบจนวันตาย...............

ทุกคน..อาจจะมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน..
แต่อรชอบทำทุกสิ่งหลังจากที่มั่นใจเต็มร้อย
เพราะเราคือลูกผู้หญิง..ในสังคมไทยนี้...
ที่ผู้ชายไทยบางคนยังมีกฎกติกาที่ชวนให้เรา
เสียเปรียบ..มิใช่ดอกหรือ........

และอรเคยเห็น..ประเพณีแต่งงาน..
ที่บ้านนอก..บ้านเกิดของอร.........
อรรู้สึกประทับใจมาจนถึงวันนี้.........

ก่อนวันงาน.......บ้านของเจ้าสาวจะจัดสถานที่...
และห้องวิวาห์ที่แสนสวย........
ญาติมิตร...เพื่อนฝูง..มากหน้า..
จะมาร่วมกันช่วยงาน....เตรียมอาหารหวานคาว.........

เสียงเพลง...จากเครื่องกระจายเสียง...แว่วหวาน..ลอยลม......
กล่อมขวัญวันวิวาห์ ให้ใจทุกดวง..คึกคัก...แย้มยิ้ม ....
เบิกบาน.....เป็นงามประเพณี งามใจ...แจ่มใส......
สดชื่นรื่นเริง....เพื่องานแสนหวาน...แสนมงคล..
มีมนต์ขลัง.....ยาวนานนิรันดร์

ภาพห้องวิวาห์..แสนน่ารัก..
ที่ถูกจัดไว้รอรับเจ้าบ่าว ก้าวผ่านประตูเงิน..ประตูทอง
มาคล้องดวงใจ..เคียงคู่..ชิดเชย........
ห้องที่เด็กๆ...และคนเฒ่า..คนแก่..แอบดู..แอบมอง..
แล้วยิ้มกริ่ม..สุขใจกับสองดวงใจ...
ในวันชื่นคืนสุขของบ่าว..สาว...ปานกัน........

ใครไหนเล่าจะตื่นเต้น...เท่า...บ่าวสาว.......
นอนไม่หลับ..กระสับกระส่ายรอ.......
วันอันศักดิ์สิทธิ์นี้.........ตึกตัก..ตึกตัก.....ใจเต้น.....ด้วยแรงรักที่รอคอย...

ขบวนขันหมาก....โห่ฮิ้ว....ร่ายรำมาด้วยความรื่นเริงยินดี...............
ภาพเจ้าสาวที่อยากเมียงมองดู...นาทีทองแห่งชีวิต...
แม้ทางหน้าต่างก็ มิอาจ
ต้องเก็บเนื้อเก็บตัว..รอนาที่ที่ยิ่งใหญ่..ยิ่งกว่านั้น..........

พิธีการ.....ที่เรียบง่าย..อบอุ่น..อ่อนโยน...,
มีมนต์ขลังและศักดิ์สิทธิ์และท่ามกลางสักขีพยานแห่งรัก
ร่วมรับรู้รับทราบ..อย่างยินดีปรีดา.....ให้พร....อวยชัย...........
ก้องสองหู...สองใจ....ให้เต็มไปด้วย...สิ่งแสนดี.....แสนงาม..
ที่จะฝากฝังใจให้จำจด
จนตราบวันตายมาพรากจาก.........

อรจึงจำ....จึงคิด....จึงไตร่ตรอง....
ที่จะเลือกสิ่งที่อร...เห็นชอบ...เห็นดี...เห็นงาม
เพื่อนำทางชีวิตร...ที่อรสามารถจะลิขิตชีวิตสาวของอรเอง..........

อรเพียงแต่ตั้งใจมั่น...
ถ้ารักอร...ต้องรักแม่..พ่อ..รักเกียรติยศ...รักศักดิ์ศรี..ลูกผู้หญิงของอร

และต้องรักประเพณีแสนดี..แสนงาม...
ช่วยกันสืบทอดรักษาให้งามงดจนตราบ
ชั่วลูกชั่วหลาน.....สืบไปนานเท่านาน.....นะคะ...........
.............



โห่...ฮิ้ว..ขันหมากมาแล้ว...ขันหมากมาแล้ว
มาแล้วน้องแก้วรับด้วย
วันนี้คนสวยแต่งชุดอะไร

ทีแรกพี่จะคิดพาน้องหนี..พอคิดอีกทีก็กลัวน้องอับอาย
พี่เป็นชายชาติทหาร พี่ขอรับประกันว่าพี่ยังรักศักดิ์ชาย
เรื่องพาหนีพี่ไม่เอาแล้วน้อง เรื่องพาหนีพี่ไม่เอาแล้วน้อง
พี่มาตรองคิดดูอดสูแก่ใจ

พี่เป็นชายชาตรีควรหรือจะขยี้ประเพณีของไทย
รักน้องจึงต้องมาขอแต่ง
ถึงสินสอดจะแพง พี่ก็ยอมถวาย

พี่พกเงินมาหลายหมื่น เพื่อมาให้ทรามชื่นใส่ตู้เซฟไว้
บอกกับพี่สินวลน้อง ประตูเงิน ประตูทองน้องอยู่ทางไหน
จะได้จ่ายเพื่อเปิดทาง เข้าไปหานวลนางแม่ผิวสีไข่
จะได้จูบน้องให้ชื่นหัวใจ จะได้จูบน้องให้ชื่นหัวใจ
ให้สมกับที่ได้ยกขันหมากมา...........


  • คุณคะ
  • คุณมีพรสวรรค์มากนะคะ
  • อ่านไป ยิ้มไป นี่ยังไม่หยุดยิ้มเลยนะคะ
  • อ่านกลอนของคุณ เหมือนดูหนังไปด้วย
  • นางเอกน่ะชื่ออร แล้วพระเอกล่ะ ชื่ออะไรค่ะ ???   
  • ขอบคุณมากค่ะ เปิด blog เป็นของตัวเองไปแล้วค่ะ  ขอเป็นกำลังใจ ขาเชียร์นะคะ

ขอแก้ไข เปิด blog เป็นของตัวเองไปเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

 

คุณ Bright Lily และคุณเจ้าของบทกวี

     ก็ได้เสพและอำนวยพรกันไปแล้ว ขอสนับสนุนว่าเปิด Blog เป็นของตัวเองอย่างคุณ Bright Lily เลยครัย เห็นด้วย ๆ อย่างยิ่ง เพราะบทกวีนี้มีคุณค่าเหลือเกินเมื่อได้อ่านอย่างนิ่ง ๆ และตรึกตรองไปด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท