ชีวิตรอด จาก มะเร็ง เม็ดเลือดขาว


เรียบเรียงบทสัมภาษณ์โดย คุณจำรัส เซ็นนิล

ร้อยตรี มานิตย์ สุขีรัตน์

เช้าวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 ผมนัดหมายพ่อเลี้ยงวรรณ เดินทางไปเยี่ยม ร้อยตรี มานิตย์ สุขีรัตน์ ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด ที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 4 ต.หนองโรง อ.หนองแค จ.สระบุรี เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯเวลา 10.20 น. ระหว่างการเดินทางเสียงโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ของพ่อเลี้ยงวรรณ ดังไม่ขาดระยะ มีทั้งผู้ป่วยเองและญาติ ของผู้ป่วยที่โทรเข้ามาสอบถามคำแนะนำกว่าจะถึงบ้านคุณมานิตย์ ก็เกือบเที่ยงเพราะไม่ชำนาญเส้นทาง


       ทันทีที่ไปถึงผมมองเห็น สุภาพบุรุษท่านหนึ่งใส่เสื้อยึดโปโลแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน ใส่หมวกสีขาวคล้ายหมวกวิศวกร วิ่งออกมาจากบ้านยืนโบกมือไปมาให้เราเห็น


      ทันทีที่ก้าวลงจากรถสุภาพบุรุษท่านนั้นก็เดินเข้ามาแสดงความดีอกดีใจ ยกมือไหว้แนะนำตัวเองว่าชื่อ ร้อยตรี มานิตย์ และเชื้อเชิญให้เข้ามานั่งในบ้าน บ้านคุณมานิตย์เป็นบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ ห้า เมตร ขวางอยู่จะมีสะพานไม้ทอดไว้สำหรับรถยนต์ วิ่ง เข้า ออก


        สังเกตเห็นมีการเลี้ยงปลาในกระชังด้วย มองลิบๆไปหลังบ้านยังเห็นท้องทุ่งนาเขียวขจี ภายในบริเวณบ้านร่มรื่นด้วยต้นไม้และกระถางดอกไม้แซม ยังไม่ทันเข้าไปนั่งในบ้าน คุณมานิตย์ รีบเล่าชีวิตอันขมขื่น และทุกข์ทรมานจากโรคร้าย ให้ฟังและบอกว่า


         ผมคิดอยู่เสมอว่าจะไปกราบอาจารย์วรรณให้ถึงที่ และไปขอบคุณคุณจำรัสรายการทั่วทิศถิ่นไทยที่ทำให้ผมมีกำลังใจมองเห็นความหวังของชีวิตหลังจากที่มองไม่เห็นความหวังเลย ทุกวันนี้สุขภาพผมดีขึ้นมาก


            การเดินทางมาครั้งนี้พ่อเลี้ยงวรรณ นำอาหารเสริมมาฝากคุณมานิตย์ด้วย หลังจากเข้ามานั่งในบ้านเรียบร้อยผมก็เตรียมอุปกรณ์สัมภาษณ์ คุณมานิตย์ทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและจะได้นำเสียงสัมภาษณ์ ไปออกอากาศให้ผู้ฟังทั่วประเทศได้รับทราบเป็น บทเรียนชีวิต พร้อมทั้งนำสิ่งดีๆ ที่คุณมานิตย์ปฏิบัติแล้วได้ผลนำไปปฏิบัติบ้าง คุณมานิตย์เล่าให้ฟังว่า


        " พื้นเพผมเป็นคน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มาได้ภรรยาที่ ต.หนองโรง อ.หนองแค จ.สระบุรี ผมเป็นทหารอยู่ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน แต่ว่ามาช่วยงานเกี่ยวกับเรื่องโครงการพระราชดำริ ที่สำนักงานปรึกษาโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ สำนักราชเลขาธิการ ก็ช่วยอยู่หลายปี อยู่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ตั้งแต่โครงการอีสานเขียวขจีจนถึงปัจจุบันก็หลายโครงการ


         ก็เริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2547 ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้ และไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อน ปกติผมจะวิ่งออกกำลังกายทุกวัน วันะ 2 ชั่วโมง แต่วันนั้นผมมีอาการเพลีย เหนื่อมาแบบโหยเลย ต้องนั่งเก้าอี้ แล้วหลับตาสักงีบหนึ่งจึงจะลุกออกกำลังกายได้ ก็เลยสงสัยทำไมเป็นอย่างนี้ พอดีเป็นจ้ำเลือดบริเวณเนื้ออ่อนทุกที่เลย เป็นจ้ำเลือดเหมือนโดนยุงกัด ก็ยังคิดว่า เป็นไข้เลือดออกด้วยซ้ำไป ก็อยู่ได้อีกสัปดาห์หนึ่งแล้วจึงไปหาหมอที่ กอ.รมน. หมอที่นั่นบอกว่าน่าจะไปเช็คที่โรงพยาบาลพระมงกุฏมากกว่าเพราะมีประวัติอยู่ที่นั่นแล้ว เราเป็นทหารน่าจะสะดวก บ่ายวันนั้นก็เลยส่งไปฉุกเฉินเลย


      หลังจากพบหมอโรงพยาบาลพระมงกุฏ หมอก็ได้เจาะเลือดก็รอประมาณครึ่งชั่วโมง ผลเลือดก็ออกมา หมอก็ไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าเป็นโรคนี้ ไม่ใช่เรี่องง่ายในการรักษา บังเอิญทาง กอ.รมน. เขาโทรมาถามแพทย์ใหญ่ได้ยินแว่วๆว่า เขาพูดถึงเม็ดเลือขาว ผมเลยสะกิดใจว่า เอ.. เราคงเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว พอสุดท้ายหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเลือดมาตรวจและชี้ชัดว่า ผมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว หมอบอกให้ผม ATMID นอนโรงพยาบาลเลย ผมบอกผมอยู่ไม่ได้ ผมต้องกลับผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่ 600บาท ญาติพี่น้องที่กรุงเทพฯ ก็ไม่มี ผมถามคุณหมอว่า มีหนทางรักษาไหม หมอก็บอกใจเย็นๆ ตอนนั้นก็มีหมอเฉพาะทางอยู่ ประมาณ 20คน หมอก็บอกว่า หาย รักษาได้ไม่ต้องตกใจ ผมจึงยอมนอน


       ก็เริ่มรักษา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2547 เป็นต้นมา เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น อยู่บ้าน 15 วัน นอนโรงพยาบาล 2 เดือน เป็นอยู่อย่างนี้ จนถึง 8 ตุลาคม 2550

        ครั้งแรก ให้เคมีบำบัดถึง 7 ครั้ง การให้เคมีบำบัดต่อผู้ป่วย ถ้าแพ้ อันตราย มากมีสิทธิ์ ติดเชื้อทุกครั้ง ถ้าเป็นคนไม่แข็งแรง แค่ 2ครั้ง ก็เรียบร้อยแล้วครับ การให้เคมีบำบัดแรงมาก หลังการให้แล้ว จะมีผลกระทบตามมา เพราะการให้แต่ละครั้งภูมิคุ้มกันที่ดี ก็ถูกทำลายไปด้วย จังหวะนี้เชื้อร้ายต่างๆก็สามารถติดได้จึงต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ การติดเชื้อนี่ติดในกระแสโลหิต นะครับ ผมโชคดีเป็นคนแข็งแรง ออกกำลังกายมาตลอด


     การรักษาของผม ครั้งแรก ปรากฏว่า กลับมาบ้านได้เพีบง 6 เดือน ก็ไปตรวจใหม่ ปรากฏว่า มะเร็งกลับมาอีก หมอบอกว่าคุณโชคร้ายมาก ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรผมก็ยอมรักษาอีก หวังว่าจะหายเพราะเราก็ยังหนุ่มแน่น อยู่น่าจะทำอะไรให้กับสังคมได้อีก ก็คิดว่าตัวเองยังมีคุณค่าอยู่ ก็เริ่มรักษาหนที่ สอง ก็ฉีดคีโม เคมีบำบัดอีก 5 ครั้ง การให้คีโมครั้งหนึ่ง 7 วัน 7คืนคิดดู


      การให้เคมีบำบัดกับผู้ป่วยโรคนี้ ทรมานมาก การให้เคมีบำบัดมีผลกระทบต่อ ตับ ไต ไส้พุง ภูมิคุ้มกันอะไรที่เป็นสิ่งดีเขาฆ่าหมดเขาไม่รู้ตัวไหนดี ตัวไหนไม่ดี เขาฆ่าหมด เขาไม่สนใจแล้ว ตัวดีก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ เหมือนการเผาหญ้าทั้งแปลง ทั้งผักและพืชตายหมดแล้วก็รอ ผักฟื้นขึ้นมาใหม่ ถ้าฟื้นก็ดี ถ้าไม่ฟื้นก็จบ


     ผมทำเคมีบำบัดมาถึง 13 ครั้งในช่วง 2 ปี10 เดือนนอนโรงพยาบาลมากกว่าบ้าน วันหนึ่งทั้งแทง ทั้งเจาะไม่รู้กี่ครั้ง การให้เคมีบำบัดเส้นเลือดโป่งพองทั้งๆที่ผมเป็นคนแข็งแรงและเส้นเลือดโป่งพองเยอะ แต่พอเคมีบำบัด เส้นเลือดหายหมด เหมือนกับเขาทำลายเส้นเลือดไม่มีให้เห็นเลย เมื่อพยาบาลต้องการเลือดไปตรวจเพราะเราเป็นโรคเลือดก็ต้องค้นหาทั้งเจาะทั้งฉีดพรุนไปหมด


      ผมเป็นมะเร็งเม็ดเลือด ลูคีเมียร์ชนิด ANLLM-1 แล้วก็พัฒนามาเป็น ANLLM-2แล้วก็กลับมาเป็น ANLLM-1 อีก มะเร็งมีเป็นร้อยๆชนิดนะคุณ จนกระทั่งสภาพร่างกายของผมไม่สามารถรับเคมีบำบัดเพิ่มเติมได้อีก สู้ไม่ไหวถ้าสภาพร่างกายไม่ไหวก็มีสิทธิ์ติดเชื้อได้ตลอดเวลา หมดก็เลยเรียกภรรยาไปพบ บอกว่าคนไข้เป็นโรคนี้คุณคงรู้นะว่าไม่สามารจะรักษาได้อีกแล้ว คือถ้ารักษาไปก็ต้องให้เคมีบำบัดที่แรงกว่านี้เพราะ ว่าโรคนี้มันดื้อยาแล้ว ภูมิต้านทานของคนไข้คงไม่ไหว เมื่อไม่ไหวสู้ยาไม่ได้ก็ติดเชื้อ และอาจต้องเสียชีวิต ภรรยาผมร้องไห้เป็นอาทิตย์เลย


      การป่วยโรคนี้ต้องมีปัจจัย เงินสำคัญมากผมใช้เงินหลวงไปเป็นจำนวนมากเงินส่วนตัวกู้หนี้ยืมสินหมดเป็นแสน บางอย่างเบิกได้ บางอย่างเบิกไม้ได้ อย่างการไปเจาะไขกระดูก ญาติพี่น้อง เบิกไม่ได้เลยต้องยืมญาติพี่น้องคนละหมื่น สี่ห้าคนก็หลายหมื่น การเจาะเอาไขกระดูกสายเลือดเดียวกันก็เพื่อมาปลูกถ่ายในตัวผมเพื่อสร้างเม็ดเลือดใหม่


       ผมได้รับเคมีบำบัดมากทุกวันนี้มีผลกระทบต่อดวงตาเมื่อเกล็ดเลือดต่ำเส้นเลือดฝอยในดวงตาซ้ายมันก็แตก แตกปุ๊บก็เข้าไปในวุ้นตาทำให้ตาข้างซ้ายผมมองไม่ชัด มองเห็นได้แค่ 2-3% ตาข้างขวาก็มีผลกระทบด้วยเหมือนกันแต่พอมองเห็นอยู่บ้างประมาณ 50% หลังจากนั้นผมก็กลับมารักษาตัวที่บ้าน หมอบอกว่าอยู่ได้อีก  1 เดือน


         ช่วงที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพี่สาวมาเฝ้าเปิดวิทยุฟัง ฟังรายการทั่วทิศถิ่นไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กำลังสัมภาษณ์ พ่อเลี้ยงวรรณ พิมพนิช ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายไปรักษาตัวด้วยธรรมชาติบำบัดที่ต่างประเทศ พี่สาวก็เลยจดหมายเลขโทรศัพท์ไว้


            ปกติผมจะเชื่อมั่นมากกับการรักษาแผนปัจจุบัน มีคนมาเสนอเยอะมาก ทั้งยาหม้อ ยาลูกกลอน น้ำมนต์ น้ำมัน หมอพระ นี่ไม่ใช่ผมไม่ศรัทธา แต่ผมว่า แพทย์แผนปัจจุบัน คัดสรรมาอย่างดีแล้ว เขาร่ำเรียนมาทางด้านนี้ อาจารย์หมอก็ยืนยันกับผมว่าคุณต้องหาย ฟันธงอย่างนี้เลยว่าคุณต้องหาย ผมจึงมีความเชื่อมั่นสูง แต่เมื่อมันเดินทางมาถึงที่สุดแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร


            ทุกวันนี้เลยหันมารักษาด้วยธรรมชาติบำบัด ภรรยาผมโทรหาพ่อเลี้ยงวรรณติต่อยากมาก จะฝากข้อความก็เต็มคงมีคนเป็นโรคนี้เยอะ มีอยู่วันหนึ่งภรรยาผม ยกโทรศัพท์จะโทร โทรศัพท์มือถือก็ดันหล่นลงน้ำอีกอุปสรรคเยอะจริงๆ


         ติดต่อเป็นอาทิตย์กว่า จะติดต่อได้ดีใจมาก แล้วพ่อเลี้ยงวรรณก็ส่งข้าวและโอสถมาให้ แล้วทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด พ่อเลี้ยงวรรณบอกว่าผมก็เป็นเช่นเดียวกับคุณ ผมยังอยู่ได้คุณต้องรอดตาย ขออย่างเดียวอย่านอกกติกา ให้ทำตามที่แนะนำอย่างเคร่งครัด แล้ว 3 เดือนค่อยมาเจอกัน แต่ถ้าคุณไม่ทำตามกฏ กติกาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะโอกาสที่คุณจะหายก็คงลำบาก ทำให้ผมเชื่อมั่นในการรักษาแนวทางพ่อเลี้ยงวรรณมากขึ้น


           พูดมันง่ายแต่ทำมันยาก ผมก็ทำ พอเริ่มออกจากโรงพยาบาลผมก็ทำเลย เช้าขึ้นมาก็รับแสงพระอาทิตย์บำบัด พ่อเลี้ยงวรรณให้อย่างน้อย 20 นาที ผมแถมให้เป็น 30 นาที โดยยืนอ้าปากรับแสงอาทิตย์ ยามเช้า พอหลังจากนั้นก็มากินอาหารมีผักที่นึ่งแล้ว 10ชนิดแล้วข้าวที่มูลนิธิวรรณได้จัดส่งมาให้ 5 ชนิด ก็กิโลพอดี ทานวันละ 3 มื้อ ช่วงแรกๆร่างกายไม่ค่อยรับ ยิ่งเวลานอนก็หลับฝันถึงอาหารอร่อยๆอยู่


            และที่โหดที่สุดคือ วารีบำบัด ผมร้องเป็นควายถูกเชือดเลย น้ำแข็งแช่เย็น ทั้งๆที่ผมรับการฝึกมาพอควร เพราะว่าอาชีพทหารหนาวไม่หนาว ร้อนไม่ร้อน หิวไม่หิว ยังแย่เลยก็คิดว่า เอ.. คุณหมอนี่ยังไงจะให้ผมไปเร็วกว่าเก่าหรือเปล่า จากเย็นจัด 2 นาทีก็มาสลับร้อนอีก 2นาทีทำอย่างนี้ให้ได้ 10นาที ผมแหกปากร้องจนชาวบ้านแถวนี้วิ่งมาดู นึกว่าผมคงตายเสียแล้ว แล้วร้องแบบนี้ เพราะเขาเคยมาเยี่ยมผม ผมแย่แล้ว ยิ่งมาร้องยังกับควายถูกเชือดอีก ผมร้องแบบนี้มันไม่ดีไม่ร้องก็ไม่ได้ วารีบำบัดนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยครับ


         ถ้าคนไม่ผ่านความอดทนมาก่อนก็ลำบากเหมือนกันก็คิดว่าจะไหวหรือนี่ค่อนข้างที่จะใช้เวลาพอสมควร สามวันแรกหนักหน่อย พอผ่านหนึ่งสัปดาห์ ไปแล้ว สัปดาห์ที่ สอง ก็เคยชิน  ผมยังไม่ยอมแหกกฏเพราะยังจำคำพูดพ่อเลี้ยงวรรณว่า ถ้าทำไม่ได้คุณกับผมก็เจอกันเพียงเท่านี้ ผมก็ยังมีความหวังว่าคงมีโอกาสไปกราบท่าน ก็เชื่อมั่นไว้ตรงนั้น


        ช่วงสัปดาห์ที่สองผ่านไปผมตรวจเลือด เลือดที่เจาะออกมาผลเลือดจากห้องแล็ป เป็นที่น่าไว้วางใจเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เกล็ดเลือดหมอต้องการ หนึ่งแสนแต่ตัวผม มีแค่แปดหมื่น ปัจจุบันผมมีเกล็ดเลือด สามแสนสาม ซึ่งในรอบ 3 ปีเพิ่งเคยมีปรากฏมีภูมิต้านทานในเม็ดเลือดดีขึ้นไม่เพียง แต่เม็ดเลือดดีขึ้น อย่างเดียว มีภูมิต้านทานอย่างอื่นเช่นไขมันในเส้นเลือด ทั้งความดัน ทุกชนิดดีขึ้นหมดเลย มีกำลังใจขึ้นอีกโข... โอ๊ย นี่มาถูกทางแล้ว


           ช่วงผมอยู่โรงพยาบาล ผู้บังคับบัญชาท่านมาเยี่ยมผมผมลาท่านแล้วผมไม่มีโอกาสได้รับใช้ท่านแล้วคือเป็นทหารจะตายต้องลาตาย ผมลาท่านแล้วก็ทางรอดเหลือแค่ 10% ไม่มีโอกาสรอดแล้ว หมอที่โรงพยาบาลให้ผมตาย 90% รอด 10% ยิ่งรักษายิ่งไปเร็ว มาวันนี้พอเจาะ หลังผมเสร็จ ผลแล็ป ออกมาผมมั่นใจมากขึ้น ผมจึงไม่ย่อท้อต่อการรักษา ผู้ป่วยต้องเชื่อคุณหมอ ต้องอดทน ถ้าคุณรักชีวิตอยู่ รักครอบครัว เพราะทุกคนเป็นห่วงคุณ เป็นกำลังใจให้กับคุณ


       พอย่างเข้าเดือนกว่าผมสามารถออกกำลังกายได้ เดินเหินได้ตามปกติ ถ้าคุณมาเห็นผมก่อนหน้านี้ เพลียเดินไม่ได้ไม่มีเรี่ยวแรงเอาตัวไม่รอดเลย ทุกวันนี้ผมขับรถไปกรุงเทพมาแล้ว"


     หลังจากคุณมานิตย์  เล่าให้ฟังแล้ว ก็พาผมไปหลังบ้านภาพที่เห็น ถังน้ำมัน 200 ลิตรวางอยู่ 2 ใบ ใบสีแดง ตั้งอยู่บนเตา สำหรับต้มน้ำ ร้อน อีกใบสีฟ้าสำหรับแช่น้ำเย็นจัด แล้วไปดูผักที่เก็บไว้ในตู้เย็น

       วันนั้นผมและพ่อเลี้ยงวรรณ ก็เดินทางกลับด้วยความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของร้อยตรีมานิตย์ พร้อมการพูดคุยอย่างสนุกสนาน ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าท่านเคย ผ่านประสบการณ์ชีวิต เฉียดตายมาแล้ว

          

 จากหนังสือ รายการทั่วทิศถิ่นไทย  เรียบเรียงและสัมภาษณ์โดย คุณ จำรัส เซ็นนิล

 ด้วยความปราถนาดี  กานดา แสนมณี

                 

        


      ลักษณะ เซลล์มะเร็ง ที่เกาะติดอยู่ตามอวัยวะ ภาพนี้ยังไม่เข้ากระแสเลือด 

หมายเลขบันทึก: 348376เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2010 21:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาอ่านเรื่องที่เป็นประโยชน์ค่ะ
  • ขอเชิญร่วมแสดงความเสียใจกับคุณพรพลด้วยนะคะ
  • http://gotoknow.org/blog/krukim/348864

กำลังใจสำคัญมาก..ขอบคุณมากค่ะ..ขอนำไปถ่ายทอดต่อนะคะ

        

สวัสดีค่ะคุณครูคิม

         คะเรื่องมะเร็งเป็นสิ่งที่ทุกคนในปัจจุบันนี้ กลัวกันมาก หลากหลายวิธีรักษา  ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวดาตามไปค่ะ

                              

             

สวัสดีค่ะคุณนงนาท

    ขอบคุณมากค่ะ  เชียงใหม่จะมีหรือเปล่า 

ดาไม่แน่ใจพรุ่งนี้จะติดต่อสอบถามดูค่ะ

ค่ะกำลังใจสำคัญมากๆต่อผู้ป่วยมะเร็งต้องให้กำลังใจตัวเองและคนใกล้ชิดต้องให้ความช่วยเหลืออย่างมากๆตลอดเวลาด้วยค่ะเพื่อให้มีกำลงใจในการสู้กับมะเร็งร้าย

              

ยินดีกับทั้งสองท่านที่พิชิตมะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัดค่ะ

สวัสดีค่ะคุณเกด

     วันนี้ก็ไปแวะเยี่ยมที่บันทึกคุณครู พิกุล ก็ดีใจ การผ่าตัดครั้งที่3 มะเร็งสมอง ของคุณครูต๋อมสามี ปลอดภัย  กำลังใจดีมากและแข็งแรง ค่ะธรรมชาติบำบัดหากทำได้ดีมาก  และปลอดภัย แต่ก็อยู่ที่แต่ละคนเหมือนกันนะคะ บางคนไม่ได้คุมอาหารมากก็อยู่ได้นานได้ ซึ่งมีผู้ใหญ่หลายคนบอกว่ามะเร็งเป็นโรค ที่ได้รับผลกรรมในแต่ละคน 

                     

ตามมาดูค่ะ...จะได้บอกต่อค่ะ...ยินดีกับทั้ง 2 ท่านที่หายโรคนะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ ปริมปราง

      ไปแวะเยี่ยมคุณครูพิกุลมาหรือยังค่ะ  มะเร็งใครเป็นแล้วใจต้องสู้มากๆ หากเผลออ่อนแอมันขยายโตเร็วทันที หากตั้งใจสู้กับมันเริ่มปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ใหม่ ให้ถูกทางกับการสู้กับมันๆก็ค่อยๆฝ่อลง เพื่อนค่ะเป็นตัวอย่างที่จะบอกกล่าวได้เลย รักษาสมุนไพรหลายหมอ ไม่ยอมตัดทิ้ง มันเล็กลงจากลูกเท่ามะนาว เหลือเท่าปลายก้อย และหน้าตาสดใสเห็นแล้วก็ดีใจไปกับเพื่อนด้วยค่ะ

                  

ขอบคุณตัวอย่างดีดี ของการรักษาบำบัดด้วยธรรมชาติ ที่ยังไงก็เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ดีดที่สุด ต้องมุ่งมั่นคะ  ในที่สุดก็บรรเทายับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งได้  และถ้าหายขาดได้ ก็จะยินดีที่สุดเลยคะ ขอบคุณที่นำเรื่องการอดทนต่อการบำบัดมะเร็งมาเล่าเป็นตัวอย่างเป็นอุทาหรณ์ แล้วจะนำไปสื่อให้คนเป็น ได้มาติดต่อ และนำไปปฏิบัติบ้างเผื่อโชคดีเหมือนท่านทั้งสองคะ

สวัสดีค่ะคุณสุ

          ค่ะท่านอดทนมากๆ ดีใจไปกับท่านด้วยเมื่อทราบเรื่องราวของท่าน ค่ะช่วยแนะนำผู้ที่เป็นได้เลยค่ะ ติดต่อท่านได้นะคะตามที่อยู่ ผู้ที่รักษามะเร็งกับท่านพ่อเลี้ยงวรรณเมื่อหายหรือดีขึ้นส่วนใหญ่ทุกท่านจะเป็นพี่เลี้ยงช่วยเหลือแนะนำให้กับผู้เป็นมะเร็งต่อๆกันไปค่ะ        

                        

                                คะน้าและบล็อกเคอรี่  ไม่เร็งไม่ชอบค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาอ่านทบทวน
  • และมาเยี่ยมด้วยความคิดถึงค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูคิม

        ขอบคุณค่ะแวะมาเยี่ยมดาบ่อยๆ

น้องนัทเป็นอย่างไรบ้างค่ะ คิดถึงเช่นกันค่ะ

   

มะเร็งเม็ดเลือดขาว

สวัสดีค่ะคุณชญานิ ณ นคร

               ขอบคุณที่ มาทักทาย นะคะ

         พวงแก้วกุดั่น

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับประสบการณ์การรักษา เป็นกำลังใจให้นะคะ

ตอนนี้หนูเป็นอยู่ค่ะไป ตรวจดู หมอบอกเชืัอไม่มีแล้ว มาประมาณ 1ปีแล้วค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่ามันจะกลับมาให้. ช่วยบอกวิธีป้องกันหนูหน่อยน่ะค่ะ. ตอนนี้หมอบอกรักษาด้วยการให้ยาสองปีค่ะ

สวัสดีค่ะ ตอนนี้แม่ฉันกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตอนนี้แม่ให้เคมีไปแล้วรอบแรก และรอดูอาการยู่ค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าอาการแม่จะดีขึ้นรีป่าว เลยอยากขอวิธีการรักษาแบบที่กระทู้ข้างบนค่ะ รบกวนช่วยแนะนำให้ดิฉันหน่อยนะค่ะ 090-6086331 ID Line. gap1177


ขอบคุณมากๆค่ะ

รบกวนขอเบอติดต่อด้วยค่ะ พอดีหมอบอกญาติอยุ่ได้ไม่เกิน 6 เดือนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำคีโมมาละคะ แต่กลับมาเป็นอีก หมอบบอกทำคีโมไม่ได้แล้วคะ

รบกวนขอเบอร์พ่อเลี้ยงวรรณได้มัยคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท