จำเนียรวดี
นาง จำเนียร ป้าต้อย สุขสมบูรณ์

อยู่กับปู่


บางครั้งก็หัวเกรียน เพราะถึงเวลาตัดผมปู่จะเป็นผู้พาไป กลับมาจากร้านตัดผมทีไรก็พบว่าเป็นทรงผมของปู่ทุกครั้งไป

อยู่กับปู่

        ในวัยเด็ก..ผู้เขียนกับพี่สาวอาศัยอยู่กับปู่กับย่า เพราะว่าครอบครัวของเรามีลูกหลายคน เราสองคนจึงถูกส่งมาอยู่บ้านเรือนไม้ทรงโบราณหลังโต ซึ่งเป็นไปตามสายตาของผู้เขียนในขณะนั้น ตัวเรือนแยกออกจากครัวโดยมีนอกชานเป็นส่วนเชื่อม ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าระยะทางไกลและน่ากลัวในการเดินจากเรือนไปในครัวเวลาถูกใช้ให้ไปหยิบของแทบทุกครั้ง โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ต้องจุดตะเกียงลานเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะฉะนั้นลักษณะการเดินของผู้เขียนตอนนั้นจึงอ้อยอิ่งทุกครั้งไป เราต่างก็เป็นขวัญใจของปู่กับย่าต่างกัน คือผู้เขียนจะเป็นที่รักของปู่ ส่วนพี่สาวก็จะเป็นที่รักของย่า

               เด็กน้อยสองคนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเชียวแหละ..ลองนึกภาพตามไปนะคะ พี่สาวอายุ 9 ขวบ ห่างกับผู้เขียนสองปี มีลักษณะผิวขาวเหลือง หัวกลม ๆ ไว้ผมจุก(ทุกเช้าย่าจะถักผมจุกแล้วม้วนกลม ๆ ปั้นเป็นจุกแล้วใช้ขนเม่นเสียบไว้) ตาชั้นเดียว จมูกแบนเล็ก ๆ แก้มตุ๋ยมาก(แก้มป๋อง) ลักษณะนิสัยเรียบร้อย พูดน้อย เรียนเก่ง และเป่ากบ(เป๋ายาง) ก็เก่งอีกต่างหาก แต่งกายเรียบร้อย นุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อคอกระเช้าผ้าต่วนระบายลูกไม้สวยงาม

             ส่วนผู้เขียนตัวดำ ๆ เพราะไม่ค่อยชอบสวมเสื้อ หัวกูด(เพราะผมจะหยักศก) บางครั้งก็หัวเกรียนเพราะถึงเวลาตัดผมปู่จะเป็นผู้พาไปที่ร้าน กลับมาจากร้านตัดผมทีไรก็พบว่าเป็นทรงผมของปู่ทุกครั้งไป "แม๊..ไอ้หนูนี่มันหลานปู่นี่หว่า"  หลายคนที่พบแล้วจะกล่าวคำทักทายผู้เขียนพร้อมลูบทรงผมของเราทุกครั้งไป ดวงตาโต ๆ คิ้วดก ขนตางอน มีนิสัยแก่นเหมือนผู้ชาย วัน ๆ แทบจะไม่พูดกับใครเลย...และจะนุ่งกางเกงขาก๊วยของปู่เป็นประจำ ยกเว้นวันที่ไปโรงเรียน..ถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเพราะใส่กระโปรง งง..งง..และของแท้ว่าเป็นผู้เขียนตัวจริงต้องผูกเอวด้วยเชือกกล้วยค่ะ(กันหลุดใช้แทนเข็มขัด) เฮ้อ..นึกถึงตัวเองแล้วก็นึกขำทุกครั้งไป

               ปู่ในขณะนั้นอายุ 77 ปี เป็นผู้ชายร่างสูงกำยำในสายตาของผู้เขียน มีรอยสักตามตัวและแขนลายลวดหนาม รูปหนุมาน เสื้อมักจะไม่ใส่ถ้าอยู่เรือนปู่จะนุ่งกางเกงขาก๊วยผ้าขาวม้าเคียนเอว และมักจะถือมีดอีกาย(ลักษณะการใช้งานคล่องตัวเหมาะสำหรับถือติดตัวเวลาเดินทาง) แต่ถ้าอยู่เรือนก็มักจะใช้มีดตอก(สำหรับใช้จักตอก คือ ไม้ไผ่แปรรูปเป็นตอกสำหรับสาน) ปู่มีอาชีพหลักๆ ในช่วงที่ผู้เขียนมาอยู่ด้วย มีการปลูกยาสูบ ทำสวน เป็นช่างจักสานมือหนึ่ง เป็นช่างต่อเกวียน(เกวียนลากไม้ซุง) และยังเป็นหมอตอนควายที่เก่งกาจ(มือฉมัง)ของหมู่บ้านเลยทีเดียว

             ส่วนย่าก็จะเป็นแม่บ้าน และคอยช่วยปู่ทุกเรื่อง ย่าจะนุ่งโจงกระเบนสีกระ หรือไม่ก็สีดำ สวมเสื้อในนางแขนข้างเดียว ถ้าไปงาน ไปวัดก็จะสวมเสื้อทับเสื้อในนางอีกที และก็มีผ้าสะไบสีขาวพาดไหล่เสมอ..งามแท้..

               เวลานอนของเด็กๆ ต่างคนก็ต่างนอน ผู้เขียนจะนอนกับปู่ และคงไม่ต้องบอกหรอกนะคะว่าพี่สาวก็ต้องนอนกับย่า เพราะนอนกับย่าจริง ๆ นึกถึงแล้วก็คิดถึงปู่มากขึ้นนะเนี่ย เอกลักษณ์อย่างหนึ่งสำหรับคนแก่ในสมัยโบราณ..ด้านหน้าที่นอนของปู่จะมีแม่เตาไฟก่อเป็นที่วางท่อนฟืนแบบง่าย ๆ ลักษณะเป็นไม้หน้าสามสี่ท่อนขนาดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และข้างในใส่ด้วยดินเหนียวอัดแน่น ปู่บอกว่าสำหรับขางไฟให้กล้ามเนื้อแข็งแรง หายปวดเมื่อย คลายเส้น ทำให้เส้นเอ็นแข็งแรงเกิดการยืดหยุ่น และมีแรงทำงานเลี้ยงหลานยังไงล่ะลูก...

               เฮ้อ..คิดถึงปู่เน้อ...งั้นคืนนี้ขอจบไว้แค่นี่ก่อนนะคะ ขอนอนคิดถึงปู่ให้เต็มที่ก่อนก็แล้วกัน หลานอยากบอกว่า "ปู่รู้มั้ย..จนบัดนี้..ความทรงจำที่ได้อยู่กับปู่มันยังคงชัดเจนเสมอ....รักปู่เน้อ....."

      

        ขอขอบพระคุณ..เพื่อนสมาชิกโกทูโน..ที่กรุณาเข้ามารับรู้เรื่องราวความทรงจำของคนเล็ก ๆ คนนึง..ที่อยากบอกเล่าความรู้สึกผูกพัน..มันมากมาย..

ขอบพระคุณค่ะ

 

              

หมายเลขบันทึก: 343657เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2010 00:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท