เมื่อลูกคนเล็ก..มีเพื่อนผู้ชาย


พ่อของเธอบ่นเวลาที่พูดโทรศัพท์กับลูกคนเล็ก.....กลับบ้านผิดเวลา...เว่อ มากเกินไปแล้วนะ

*****

เธอก็ฉลาด  ที่นำเพื่อนผู้ชาย  ที่เป็นรุ่นพี่  มาออกตัวในวันที่พี่สาวรับปริญญา  โดยนำเสนอว่า.....พี่ดล  ถ่ายรูปเก่ง เสียงหยอกล้อว่า.....มือกล้องของโรงเรียน

*****

เป็น แฟชั่นหรือเปล่า ต้องติดตาม...รับโทรศัพท์บ่อยมาก  ถี่มาก  และออกจากบ้านในวันหยุด กลับบ้านเย็น....จนพ่อบ่นว่า....ไม่มึด  ไม่กลับบ้าน

*****

สำหรับครูอ้อย  นอนเล่น  เธอคลานต้วมเตี้ยมมาบอกว่า...แม่จ๋า  หนูมีแฟนแล้ว  เป็นหลานชายของอาจารย์ที่ปรึกษา....ชื่อ  พี่ดล

อูยยยยยย  ครูอ้อย  ไม่ค่อยตื่นเต้นล่ะค่ะ  เพราะ  ครูอ้อย ชอบผู้ชาย ตั้งแต่ เรียนอยู่ชั้น ป.5  ฮา.....

แต่เปล่าค่ะ  ครูอ้อยไม่เคยพูดโทรศัพท์กับผู้ชาย  ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนมาไหนกับผู้ชาย.....จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรีค่ะ

*****

สมัยนี้  ต้องออกไปพบกันครึ่งทาง  หมายความว่า.....เมื่อลูกมีเพื่อนผู้ชาย  ก็ต้องต้อนรับ ดีกว่า...ลูกปิดบัง  ดีกว่า  ลูกออกจากบ้านไปหาเขา  พึ่งพาเขา.....

แต่..ไม่ได้เป็นอย่างที่ครูอ้อยคิด...

เว่อ....แบบที่พ่อของเธอบ่น...กลับบ้านผิดเวลา  ...ออกจากบ้านบ่อยมากค่ะ...

นี่ก็บอกว่า  ยังสอบสอบสอบ  จนกว่า สิ้นเดือน...มีนาคม  พ่อก็จ่ายเงินทุกวันๆ  ข้าวบ้านมีกินก็ไม่กิน....รอไปกินข้างนอก....

ไปธุระ ครึ่งวัน  ก็ตีเป็นเต็มวัน...

เมื่อวานนี้ตอนเย็นที่กินข้าวด้วยกัน  พร้อมรำพึงว่า...เพื่อนๆๆจะไปเลี้ยงกันที่ทะเล...จะไปเช้าเย็นกลับ...

ครูอ้อย..โวย  แต่พ่อของเธอบอกว่า.....เพื่อนๆๆไป  ไม่ใช่ลูกจะไป.....


ก็คอยดู.....

หมายเลขบันทึก: 342952เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2010 07:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 19:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ครูอ้อย เป็นคนสมัยใหม่ เป็นครูที่ดี เป็นคนให้กำลังใจคนอื่น แลัวอีกหลายต่อหลายเรื่องราว ความดีของแม่จะส่งไปถึงลูกเสมอ ความเชื่อมั่นของแม่ น่าจะผ่านไปได้

ครูอ้อยครับ

ครูอ้อยเป็นแม่ที่เข้าใจลูกมากกว่าพ่อนะ....ลูกสาวครูอ้อยเป็นคนดี มีวินัยและความรับผิดชอบ ที่บอกให้แม่รู้ว่าลูกมีเพื่อนชายแล้ว เป็นวัยของเขาที่ต้องมี ถ้าไม่มีแฟนต่างหากจะเป็นเด็กผิดปกติ ครูอ้อยให้ความรู้และประสบการณ์กับลูกในเรื่องของการคบเพื่อนชายเป็นเรื่องๆได้เลยนะครับ ลูกจะได้เรียนรู้จากแม่ เป็นประสบการณ์ทางอ้อม แล้วครูอ้อยช่วยเป็นตัวกลางเชื่อมความเข้าใจไปสู่คุณพ่อ แล้วในที่สุดทุกคนก็จะแฮปปี้ (ยกเว้นพ่อหวงลูกสาวโดยไม่มีเหตุผล)นี่แหละครับที่เขาเรียกว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าผ่านช่วงนี้ไป จนลูกขึ้นชั้นม.6 ลูกก็จะกลายเป็นวัยรุ่นตอนปลาย ที่รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ผมดีใจที่เห็นครอบครัวที่พ่อแม่ลูกเข้าใจกัน ต่างกับปัญหาที่พบในจังหวัดแม่ฮ่องสอน การกระทำของพ่อแม่บางคนยิ่งทำให้ลูกเตลิดเปิดเปิง สุดท้ายก็ต้องอาศัยลุงเกเข้าไปแก้ปัญหาให้ ลูกบางคนมีปัญหาเพียงว่า "พ่อไม่เข้าใจผม" ก็ทำให้ครอบครัวปั่นป่วนพอสมควร คิดถึงครูอ้อยครับจึงมาอ่าน

อาจารย์เก

เห็นประวัติครูอ้อยตั้งแต่สมัยเรียนหน้งสือจนจบ  ป. ตรี แล้วชื่นชมครับ
"ครูอ้อยไม่เคยพูดโทรศัพท์กับผู้ชาย  ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนมาไหนกับผู้ชาย"

ทุกวันนี้ยังมีครอบครัวที่เลี้ยงลูกได้ดีแบบนี้อยู่เป็นตัวอย่างนะครับ

ญาติข้างบ้านก็มีลูกสาวคนเล็กเป็นเช่นครูอ้อย ตอนนี้อยู่ มหาวิทยาลัยดังใน กทม. ไม่เคยไปไหนกับผู้ชาย
เพราะเป็นเด็กในกรอบ จะมีเพื่อนก็เพื่อนสมัยเรียนด้วยกันชั้นมัธยมนานๆครั้ง แต่ไม่เคยออกจากบ้านไปกับผู้ชาย
เวลาไป Meeting ก็ให้พ่อเธอไปรับทุกครั้ง

มือถือมีแต่ไม่เคยเห็นโทรคุยกับเพื่อนชาย
บุคคลิกก็เหมือนสายเลือดคือนิสสัยดีไม่มีประวัติเสีย
แต่งตัวเรียบร้อย สวยน่ารักครับ...

 

ขอชื่นชมกับครูอ้อยที่มีครอบครัวที่อบอุ่นครับ

สวัสดีค่ะ น้อง P  เขาอกทะลุ

  • ขอบคุณค่ะ พยายาม มาอยู่ตรงกลางเสมอ  และ ดึงดึง สายป่านใจ เข้ามาหา
  • เธอก็ฟังและปฏิบัติตามเพราะแน่ใจว่า  ไม่เชื่อแม่ ก็แย่ เพราะมีแม่ เข้าข้างเพียงคนเดียวค่ะ

พรุ่งนี้ก็สว่างแล้วค่ะพี่อ้อย..เชื่อและศรัทธาในตัวลูกเราดูสักครั้งทั้งที่ห่วงน่าดูเกินบรรยาย..ใครจะรู้หัวอกแม่ๆอย่างเรานิ..

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท