ในพื้นที่ปลูกผักสวนครัว ถ้ามีการเลี้ยงสัตว์ปีกร่วมด้วยแล้ว จะมีปัญหาให้พิจารณาอยู่เสมอ เพราะรูปแบบการก่อกวนของสัตว์ปีกแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ถึงเราจะกั้นตาข่ายทำรั้วรูปแบบต่างๆ สัตว์ปีกไว้ทำไมเล่า บางโอกาสเขาก็จะบินเข้ามา หรือไม่ก็พากันจับกลุ่มมาจัดงานสังสรรในแปลงผักเสียเลย แต่ถ้าเราใจเย็น..จะพบปรากฎการณ์ที่น่าอัศจรรย์ สัตว์เหล่านี้เป็นครูที่ยอดเยี่ยม สอนเราแบบให้เห็นจะๆ มีพืชผักหลายตัวที่สัตว์ปีกเหล่านี้ไม่แตะต้องเลย ยกตัวอย่างฟักทอง แฟง มะกล่ำ น้ำเต้า เพื่อนร่วมโลกจะไม่สนใจ มุ่งมองหาวัชพืชอย่างอื่นที่เราไม่ต้องการ จะเรียกว่าผลประโยชน์ทับซ้อนก็ไม่ใช่ กลายเป็นการใช้ผืนโลกร่วมกันทางใครทางมัน
ปัญหาที่พบจะมีบ้าง เช่นการขุ้ยเขี่ย และเดินเหยียบต้นอ่อนผัก
แต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายมากนัก เพราะนานๆมาครั้ง และเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ
ดังนั้น..ถ้ารู้จริงจะจัดสรรผลประโยชน์ร่วมกันได้อย่างลงตัว
วิชาที่ได้เรียนก็คือ อุปนิสัยใจคอสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด
วิชาที่ได้เรียนก็คือ รู้เขารู้เรา
วิชาที่ได้เรียนก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา
วิชาที่ได้เรียนก็คือ ดูตาม้าตาเรือ
วิชาที่ได้เรีัยนก็คือ รู้ว่าโง่แล้วรีบแก้ไข
วิชาที่ได้เรียนก็คือ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
วิชาที่ได้เรียนก็คือ ความเอื้ออาทรเป็นจุดเริ่มต้นของสันติสุข
วิชาที่ได้เรียนก็คือ เอ๊ะ!นั่นอะไรนะนั่นอะไร?
วิชาที่ได้เรียนก็คือ อย่าวางใจความรู้โหลๆของตนเอง
วิชาที่ได้เรียนก็คือ สิ่งที่หลบซ่อนในธรรมชาติคือตำราเล่มใหญ่
วิชาที่ได้เรียนก็คือ รู้จักเห็นใจและเข้าใจเพื่อนร่วมโลกบ้าง
วิชาที่ได้เรียนก็คือ ความพอดี พองาม สวรรค์มีให้เสมอถ้าไม่ทำตัวตาบอดสี
( มาช่วยกำจัดวัชพืช ยังมาระแวงกันได้ รอยจิกใบไม้ขวามือเป็นหลักฐาน )
เมื่อ วานนี้ช่วงที่เดินอยู่ในสวนขี้โม้ เห็นเจ้าไก่งวงตัวผู้เดินหลงมาตามหาเจ้าสาว เิดินไปก็ร้อง โต๊ก โต๊ก ปากก็จุ๊บจิบจิกโน้นจิกนี่ไปเรื่อยๆเรากำลังหยอดเมล็ดผักใหม่ๆ เอาละสิ เจ้าตัวนี้ทำก่อกวนแล้วกระมัง จึงมองตามและสังเกตุเป็นพิเศษ โอ้ว มันอะไรกันนี่ ชนิดของพืชที่เจ้าไก่งวงจิกกินไม่ใช้ผักใดๆเลยแม้แต่ชนิดเดียว แต่เป็นวัชพืชชนิดหนึ่งที่ผมพยายามถอนทิ้ง จึงเดินตามรอยไปใกล้ๆถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน นึกในใจว่า..ถ้าไก่งวงมาเห็นตอนที่เรากำลังถอนเจ้าวัชพืชที่ว่านี้ทิ้ง ไก่มันจะพูดว่าอย่างไรหนอ นอกจาก..
มนุษย์นี่โง่เซ่อไม่หายเลยนะโว้ย!
หมู่นี้โดนกองทัพจั๊กกะจั่นบรรเลงเพลงกล่อมป่าทั้งวันทั้งคืน
จะหยุดพักเฉพาะตอนเข้าห้องน้ำละมั๊ง
หลังจากนั้นก็กรีดเสียงจนแสบแก้ววหู
เราก็ถอดรหัสธรรมชาติไม่ออก
ว่าทำไมจั๊กกะจั่นถึงร้องลั่นโลกอย่างนี้
ช่วงบ่ายๆฟังเพลินๆก็ง่วงนอนได้เหมือนกันนะเนี๊ย
ระหว่างที่อร่อยผักลวกจิ้มน้ำพริกกับหมอเจ๊
นักดนตรีป่าก็รวมกลุ่มมาขย่มเต็มที่
แรกๆร้องอยู่บนต้นไม้
ต่อมาก็โฉบลงมาเล่นไฟ
เกาะฝาบ้าน บ้างก็มาเกาะเสื้อเรา
ไม่เกาะเฉยๆ..หรอกนะ
ร้องๆๆๆๆแบบไม่เกรงใจกันบ้างเลย
เกิดอะไรขึ้น!
เคยเห็นชาวบ้านจับจั๊๊กกะจั่นไปคั่วกินเหมือนกัน
เด็กๆเล่าว่าจั๊กกะจั่นจะไปออกไข่ไว้ในดิน
พอฝนตกดินชื้นก็แตกตัวไต่ขึ้นมาบนพื้น
ตัวขาวๆมีแป้งฝุ่นเกาะตามตัวเรียงแถวอยู่นิ่งๆตามต้นไม้
หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเจริญตัวโตกันยังไง
ช่วงที่ไปเฮภูเก็ตก็ได้ตัวคล้ายๆกันนี่แหล่ะมาปล่อยสวนป่า
อุตส่าห์หิ้วขึ้นเครื่องมา
พอเปิดกล่องก็บินหายจ้อยไปไม่ลามาเท่าทุกวันนี้
ช่วงนี้สวนป่าเป็นโลกของแมลงจริงๆ
เมืองไทยตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงบ้าๆบอๆ
ในกรุงก็มีเสียงม๊อบในป่าก็มีเสียงป่าๆ
แคว๊กๆ
สวัสดีค่ะ พี่ชายใหญ่
อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อครูขา พ่อครูหายเงียบไป คิดถึงค่ะ ;)
วิชาที่ได้เรียนก็คือ สิ่งที่หลบซ่อนในธรรมชาติคือตำราเล่มใหญ่
วิชาที่ได้เรียนก็คือ รู้จักเห็นใจและเข้าใจเพื่อนร่วมโลกบ้าง
วิชาที่ได้เรียนก็คือ ความพอดี พองาม สวรรค์มีให้เสมอถ้าไม่ทำตัวตาบอดสี
สาส์นรฤก จากอันดามัน ส่งไปสตึกได้เปิดผนึกหรือยังคะ อิ่มอร่อยมื้อเช้าค่ะ
สวัสดีครับ
นั่งทำงานก็มี จั๊กจั่น มาส่งเสียงร้องให้ฟังทั้งวัน
ทราบมาว่ากินได้ด้วยใช่ไหมครับ
ครูอ้อยยังเขียนกลอนเฉียบขาดเหมือนเดิมนะครับ
ครูP00 เอ๊ย หลังสงกรานต์เจอกันที่หาดใหญ่ดีไหม?
ไข่จัีกกะจั่น เป็นความรู้ใหม่ เคยเห็นแต่ตัวอ่อน หรือเขาจะเรียกต่างกันก็ไม่ทราบนะครับ
ขอบคุรเกษตรอยู่จังหวัด ที่เติมความรู้
อยู่่ในป่า ก้ฟังเพลงบรรเลงจากะรรมชาติ นะครับ คุณพิทักษ์