สอนภาษาอังกฤษตามรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน


การเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

  ผู้เขียนตอนช่วงนี้งานยุ่งมากถึงมากที่สุด แต่พยายามทำงานให้ได้มากที่สุด ช่วงนี้นิสิตของผู้เขียนใกล้จะสอบปลายภาค แต่มีหนังสือนอกเวลาที่นิสิตต้องอ่านคือเรื่อง Sense and Sensibility ผู้แต่งคือ Jane Austen ผู้เขียนสังเกตเองว่านิสิตสมัยใหม่ชอบการดูและฟัง มากกว่าการอ่าน(คิดเอาเองนะครับ อาจจะผิดก็ได้)

  เหตุผลก็คือ เมื่อมีหนังสือดีๆนิสิตไม่ค่อยอ่าน แต่ที่ภาควิชาผู้เขียนก็จัด CD ที่เป็นหนังเรื่อง Sense and Sensibility ให้นิสิตได้ดูด้วย ปรากฏว่า นิสิตได้ฟังสำเนียง ได้ดูภาพ ได้เรียนรู้และเห็นวัฒนธรรมของชาวต่างประเทศผ่าน CD

  แบบนี้จะเรียกว่าเป็นการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามวิธีการเรียนรู้และตามรูปแบบการเรียนรู้(learning style)ของแต่ละคน 

  ผู้เขียนเองนั้นชอบการอ่านหนังสือมากกว่าการดูหนัง การอ่านหนังสือทำให้เรามีจินตนาการได้มากกว่าการดูหนัง (ผู้เขียนแปลกไหมครับ เพราะปกติไม่ชอบดูทีวี) แต่ชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มๆๆ เอหรือเป็นคุณครูประเภทโบ(ราณ) ฮา...

(ดูๆๆปีโป้ทำ  ทำไปได้...)

   ผู้อ่านเองรูปแบบการเรียนแบบไหนครับ  ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน…

 

หมายเลขบันทึก: 339158เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2010 18:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

สวัสดีค่ะ ชอบอ่านหนังสือเป็นบางช่วง

เมื่ออิ่มแล้วก็ปล่อยวางค่ะ

ขอบคุณครูจิ๋วมากครับ ฮ่าๆๆ มีแบบอิ่มแล้ววางด้วยหรือครับ ผมชอบอ่านแล้ววางไม่ลงครับ ฮ่าๆๆ

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาบอกสไตล์การเรียนภาษาอังกฤษค่ะ
  • ชอบเรียนแบบดูจาก CD ยิ่งมีตัวละคร  และ เน้นการออกเสียงด้วย
  • ถ้าอ่านเอง  ชอบอ่านในใจ  ออกเสียงไม่ผิดแน่ๆ แปลถูกชัวร์
  • แต่วิธีที่ชอบมากที่สุด  คือ มีคนหล่อๆอ่านให้ฟัง เสียงทุ้มๆ ยิ้มนิดๆ 
  • จำได้แม่นยำ 55555555555555

ขอบคุณพี่ครูดาวเรือง อ้าวมีคนหล่อๆๆอ่านให้ฟังด้วย เข้าใจแล้วว่าทำไมจำเม่น มีแรงจูงใจ(motivation ) นี่เอง ฮ่าๆๆ

  • มาทักทายค่ะ เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือมากที่สุดค่ะ
  • เพราะเป็นการสร้างสมาธิ รวมทั้งชอบอ่านNovelมากๆค่ะ
  • ถ้ายุ่งๆจะอ่านพวกเรื่องสั้นและบทความสั้นๆ
  • เรียกได้ว่ารักหนังสือมากมายค่ะ
  • การสอนภาษาอังกฤษนั้นเราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตค่ะ
  • แต่การสอนรร.เอกชนนั้นมี CDและDVDประกอบการสอนมากมาย
  • ที่สำนักพิมพ์นำมาเสนอ ก็จะนำมาเปิดฟังสำเนียงจากเจ้าของภาษา
  • ชอบเทคโนโลยี บางทีก็อ่านข่าวจากเนต แต่ก็ไม่ทิ้งการอ่านหนังสือ
  • สิ่งโปรดคือหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษจะชอบมากๆค่ะ
  • บางครั้งก็เรียนรู้ไปกับนิสิตศิลปากรนครปฐมปีหนึ่ง คณะวิศวกรรมฯอาหาร
  • เพราะนิสิตคนนี้ชอบมาให้ติวก่อนสอบภาษาอังกฤษบ่อยๆ
  • Nina(หนุ่ย) เลยได้เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยีวิทย์และอาหาร
  • เรียนไปพร้อมกับเด็กๆฮ่าๆๆๆ
  • ดร.ขจิต สบายดีนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ Bye...Bye...
  •                    

-เรียน อาจารญ์ ขจิต ค่ะ ยุคนี้ สมัย นี้ นะ อ่านมากได้ปัญญา แต่ถ้าไม่ระวังวาจา อาจเกิดโทษค่ะ อาจารย์หนู ขอบอก ค่ะ

อ่านไม่มากนะคะ

ชอบอ่านแต่อ่านน้อยๆ

เล่มเล็กๆและไม่อ่านตั้งแต่ต้น

เปิดตรงไหน อ่านตรงนั้น เดี๋ยวก็จบเอง

 

พี่ใหญ่เคยทั้งอ่านและดูหนัง English Classic เรื่องนี้เมื่อหลายปีมาแล้ว ..ชอบมากค่ะทั้งภาษาที่ใช้ในการเดินเรื่องซึ่งเผยเสน่ห์แห่งความนึกคิดของตัวละครจากภายในใจที่แสดงออกมาทีละน้อย..จนกระจ่างชัดสมชื่อเรื่อง บรรยากาศโบราณ และวิวสวยงามทุกฉาก..ดีใจที่น้องๆนักศึกษาได้อ่านค่ะ..

สวัสดีค่ะท่านพี่ฯ คนของประชาชีฯ ;)

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

การอ่านหนังสือทำให้เรามีจินตนาการได้มากกว่าการดูหนัง (ผู้เขียนแปลกไหมครับ เพราะปกติไม่ชอบดูทีวี) แต่ชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มๆๆ เอหรือเป็นคุณครูประเภทโบ

กับประโยคสุดท้าย อิ อิ

 

  • ยังไม่Final หรือคะ
  • ตอนนี้น้องก็กำลังหัวฟู .. ตรวจงานนักศึกษาค่ะ
  • อาจารย์สบายดีนะคะ

เหอๆ ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นหนังย้อนยุค นางเอกแต่งตัวสวย ไม่ใช่คนโบราณตามหนัง อิๆ

ชอบให้หนังสืออ่าน เพราะได้แต่ซื้อๆ แล้วไม่ได้อ่านสักที

แต่ตอนนี้ ปันใจให้ อวตาน 3D จินตนาการบินของฝูงมังกรในหนังสือที่เคยอ่าน

เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เห็น บนจอยักษ์ ต้องยกให้ครูเจมส์คาเมรอน เจ๋งสุดๆ

  • สมัยเรียนได้อ่านหนังสือพอกเก็ตบุ๊คนอกเวลาเยอะมาก
  • กว่าจะรู้เรื่องก็ทวนอยู่หลายรอบเลยค่ะ
  • ชอบอ่านเพื่อจะได้จินตนาการไปด้วย อย่างเช่นเรื่อง Shane พระเอกเป็นคาวบอย Lord of the Flies  สนุกมากและอีกหลายๆเรื่องๆ 
  • แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาอ่านนิยายแล้ว  ได้แต่อ่านนิตยสาร ข่าว บันเทิงมากกว่าค่ะ
  • มีรูปแบบการสอนให้ปฏิบัติจริงมาชวนอาจารย์น้องไปดูที่นี่ค่ะ
  • http://gotoknow.org/blog/orawanin1/336924

 

สวัสดีค่ะ

ที่ภาควิชาที่เรียนบังคับให้เป็น TA คนละหนึ่งเทอม เด็กต่างชาติต้องสอบทักษะภาษาอังกฤษก่อนถ้าผ่านถึงจะได้สอนเลย ถึงได้ TOEFL เต็มมาถ้าสอบ screen test ไม่ผ่านก็ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษสำหรับ TA ก่อน มีทั้งหมด 4 คอร์ส จบคอร์สแต่ละครั้งก็จะมีประเมินผล ผ่านเมื่อไหร่ก็หยุดเรียนได้ เค้ามีวิธีการสอนดีมาก ครูเข้าใจปัญหาของเด็กแต่ละชาติ เช่น เด็กไทยจะไม่ออกเสียงท้าย เด็กญี่ปุ่นไม่มีเสียง l กลายเป็น r หมด คิดดููว่าจะหวาดเสียวขนาดไหนถ้าคิดถึง election แต่ออกเสียงเป็น erection ค่ะ 5555

มีการบ้านของวิชา TA ที่น่าเบื่อแต่ได้ผลดีมาก คือ ทุกคนต้องอัดเสียงไปส่งครูอาทิตย์ละ 30 นาที แบ่งเป็นตอนละ 10 นาที พูดเรื่องอะไรก็ได้ ต้องไปพบครูตัวต่อตัวอาทิตย์ละครั้ง ครูจะเปิดเสียงของเราฟังด้วยกัน และให้ comments จะเป็นเวลาที่น่าอายมาก นี่เสียงตูหรือเนี่ย เห็นใจฝรั่งขึ้นมาทันที มิน่าถึงฟังไม่ออก นอกจากนี้ยังมี English partner เป็นเด็กอเมริกัน undergrad ให้ได้ฝึกฝนนอกชั้นเรียนอีกอาทิตย์ละประมาณ 2 ชั่วโมง

การพูด 30 นาทีนั้นช่วยได้จริงๆค่ะ เพราะได้ใช้ทั้ง gramma , vocab., ฝึก accent, stress, pausing ยิ่งพูดให้มากขึ้นกับฝรั่งก็จะยิ่งดีขึ้น

จ๋า ^^

ชอบตรงนี้มาก

"อัดเสียงไปส่งครูอาทิตย์ละ 30 นาที แบ่งเป็นตอนละ 10 นาที พูดเรื่องอะไรก็ได้ ต้องไปพบครูตัวต่อตัวอาทิตย์ละครั้ง ครูจะเปิดเสียงของเราฟังด้วยกัน และให้ comments"

เมื่อตอนเรียนป.ตรีก็ทำค่ะ แต่ลืมไปแล้วและไม่ได้ใช้ในการสอนเลยเพราะมัวแต่สอนการเขียน ไว้ได้กลับไปทำงานจะนำไปใช้กับนิสิตค่ะ เดี๋ยวนี้ง่ายเพราะเด็กอัพโหลดYoutube ได้

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีอาจารย์อ้อม

แวะมาบอกอาจารย์ขจิตอีกทีว่าปีโป้น่าร้าก เลยได้เจอ อาจารย์อ้อม เลยขอเล่าเพิ่มว่า บางครั้งครูให้พูดเรื่องเดิมซ้ำ จะเห็นได้ชัดว่าครั้งที่สามดีกว่าครั้งที่สองและครั้งแรกบ้าบอที่สุด พูดไรไม่รู้ ยังงงว่าทำไมครูไม่หัวเราะกลิ้ง นอกจากนี้ในห้องจะให้ซ้อมสอน โต้วาที ฟังข่าวแล้วเลียนแบบผู้ประกาศให้เหมือนเป๊ะ เล่นเกมส์ Apple to Apple ฮามาก แสดงละคร สัมภาษณ์ small talk หัดพูดแบบต่างๆ : convincing, giving speeches, reciting poems เรียนจนเหนื่อยกว่าวิชาของภาคตัวเองอีกค่ะ แต่ก็ช่วยให้มั่นใจไม่กลัวเวลาเป็น TA สอนหน้าชั้นให้พวกเด็กยักษ์อเมริกันช่างถาม

ขอโทษอาจารย์ขจิตที่มายืม blog คุยกับอาจารย์อ้อมค่ะ อิอิอิ

จ๋า

สวัสดีครับท่านอ.ขจิต

ผมว่าเด็กสมัยนี้ชอบดูสื่อประเภท มัลติมีเดีย คือ มีทั้งภาพ และเสียง

คือเป็นสื่อทีีมีชีวิต

ถ้าเป็นสื่อแห้งเด็กจะไม่ค่อยสนใจ โดยเฉพาะการอ่านเอง

เป็นความคิดโดยส่วนตัวที่มองเด็ก และสัมผัสกับเด็กอยุ่ทุกวันเช่นเดียวกันครับ

อาจารย์คะ สื่อหลายหลากดีค่ะ  นักศึกษาสามารถเลือกศึกษา ตามความชอบและความถนัด... ครูใจดีชอบอ่านหนังสือ เพราะชอบจินตนาการตาม ฮา...

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมชาวค่ายนะคะ... แล้วอย่าลืมไปให้กำลังใจเด็ก ตอนแข่งด้วยนะจ๊ะ  สองคนนี้ ใครขาวกว่ากัน  คริ คริ...

พาลูกศิษย์ชาวค่ายมาขอบคุณอาจารย์ขจิตค่ะ... อ้อ..ดร.ขจิต  รู้จัก ดร.ปัญญา หรือเปล่า คะ

   

 

สวัสดีครับอาจารย์ขจิต

ผมได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์กับด๊อกเตอร์ที่สอนผมที่มหาวิทยาลัยราษภัฏสุราษธานี ที่จริงท่านเป็นข้าราชการบำนาญที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม รู้สึกดีใจและยินดีมากที่ได้รู้จักอาจารย์ขจิต ผมขอฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยคนนะครับ ผมจะมาเยี่ยมอาจารย์บ่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท